บริษัทญี่ปุ่นดีตรงที่ สอนคนให้เป็นคนของบริษัท เมื่อเข้าทำงานแล้วก็จะสอนงานให้โดยละเอียด หรืออาจจะละเอียดมากไปสำหรับคนไทย คนไทยจำนวนมากที่ทำงานอยู่ในบริษัทญี่ปุ่น จึงมักบ่นว่าบริษัทญี่ปุ่นจุกจิก หรืออีกกระแสหนึ่งคือ บริษัทญี่ปุ่นให้เงินเดือนเยอะก็จริง แต่ใช้งานหนัก เรียกว่า ใช้คุ้ม เลยทีเดียว ในทางกลับกัน บริษัทญี่ปุ่นถือว่าเป็นการสอนงานและสร้างคนให้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท ยึดถือบริษัทเป็นบ้าน คนทำงานจึงต้องทุ่มเทให้แก่ครอบครัว ในการรับนักศึกษาจบใหม่เข้าทำงาน ทางบริษัทจะคัดคนออกในรอบแรกๆ ด้วยวิธีการสอบหรือวัดคุณลักษณะประจำตัวผ่านการสอบข้อเขียน (ทางออนไลน์) ทั้งด้านความรู้และบุคลิกภาพ ในรอบแรกนั้นมีผู้สมัครเป็นพันๆ เพราะนักศึกษาต่างคนต่าง หว่าน ด้วยกลัวว่าจะไม่ได้งาน เมื่อผ่านจุดนี้ไปแล้ว รอบต่อไปคือการสัมภาษณ์ อาจจะมีทั้งการสัมภาษณ์ตัวต่อตัว หรือถูกจับกลุ่มอภิปรายโดยมีผู้ประเมินคอยสังเกตการณ์ การสัมภาษณ์มักจะมีขึ้นมากกว่า 1 ครั้ง บางคนต้องสอบสัมภาษณ์ถึง 5 ครั้ง ดังนั้น เมื่อเปิดภาคเรียนในเดือนเมษายน เรื่อยไปจนถึงพฤษภาคม นักศึกษาปี 4 จะขาดเรียนบ่อยเพราะติดการหางาน ซึ่งอาจคาบเกี่ยวไปจนถึงก่อนฤดูร้อนประมาณเดือนกรกฎาคม หรือในกรณีที่ไม่ราบรื่น อาจจะลากยาวไปถึงปลายปีก็มีจนกว่าจะได้รับ การเสนองาน ซึ่งเรียกว่า ไนเต (内定;naitei) และจะถือว่าได้งานอย่างแท้จริงเมื่อ โซะสึเงียวเรียนจบ เปลี่ยนสถานะจากนักศึกษากลายเป็น คนสังคม ที่ผมบอกว่าคนญี่ปุ่นมองชีวิตเป็นขั้นตอนนั้น จะเห็นชัดก็ตรงนี้ กล่าวคือ ภาษาญี่ปุ่นมีคำว่า ชะไกจิง (社会人;shakai-jin)คำแปลตามรูปศัพท์ คือ ชะไกสังคม และ จิงคน ผมจึงใช้คำว่า คนสังคม แต่อาจฟังเข้าใจยากเมื่อเป็นภาษาไทย จึงต้องอธิบายตามที่คนญี่ปุ่นใช้สื่อสารกัน คือเมื่อเรียนจบและ เข้าสู่สังคม ชีวิตก็จะเปลี่ยนสภาพจากนักเรียนไปเป็น คนสังคม การเรียนจบจึงเป็นเส้นแบ่งชีวิตของคนญี่ปุ่น ความเป็นผู้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในสังคม จะเกิดขึ้นเมื่อนักศึกษาจบใหม่เริ่มทำงาน ซึ่งหมายรวมถึงคนที่เรียนจบระดับมัธยมหรือระดับอื่นๆ แล้วออกมาทำงานเลยด้วย ฉะนั้น ความเป็น ชะไกจิง ของคนญี่ปุ่นแต่ละคนจึงช้าเร็วไม่เท่ากัน คำว่า เข้าสู่สังคม ไม่ได้หมายถึงการออกงานพบปะสังสรรค์ แต่หมายถึงการเป็นคนทำงานผู้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนสังคมให้ดำเนินไป ถ้ามองจากมุมนี้จะเห็นได้ว่า คนญี่ปุ่นถือว่า สังคม ของคนญี่ปุ่น คือ การที่กลุ่มคนมีส่วนร่วมใน การผลิต ให้เกิดดอกออกผลแก่สิ่งแวดล้อมรอบตัวและหน่วยที่ตนสังกัด ผมเคยถกกับคนญี่ปุ่นว่า นั่นหมายความว่า พวกคุณมองว่านักเรียนนักศึกษาไม่ใช่คนในสังคมหรือ คู่อภิปรายของผมก็ไม่ได้ตอบตรงๆ แต่บอกว่า นักเรียนนักศึกษาในญี่ปุ่นได้รับสิทธิพิเศษหลายอย่าง เช่น ซื้อตั๋วเดือนโดยสารรถไฟก็ซื้อได้ในราคานักเรียน ได้ส่วนลดในการจ่ายค่าโทรศัพท์มือถือ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันสังคม ซื้อตั๋วรถไฟชิงกันเซ็งได้ในราคาถูกกว่า
|