| ภาพเขียนตามเนื้อเรื่องใน เก็นจิโมะโนะงะตะริ ตอน Wakamurasaki | | | พอขยับเข้าใกล้อีกไม่เท่าไร ผมตกใจมากที่เห็นคนญี่ปุ่นมาประกอบกิจกรรมสามัคคีชุมนุมกันมากมายขนาดนี้ มองไปทางไหนก็เห็นคนนั่งล้อมวง มีข้าวปลาอาหาร และเครื่องดื่มทั้งแบบเมาและแบบไม่เมาตั้งอยู่เพียบ บางวงเอาโต๊ะเล็กๆ มากางตั้งนั่งเฮฮากันอย่างสำราญ คนญี่ปุ่นบอกว่า ถ้าเป็นกลางวัน บางคนขนคาราโอเกะแบบหิ้วได้มาร้องเพลงกันกลางแจ้งด้วยก็มี เคยเห็นลานลิเกที่มีคนเอาเสื่อหรือผ้ารองนั่งไปปูรอดูลิเกกันไหม? ทัศนียภาพของลานที่มีดอกซากุระบานสะพรั่ง ไม่ต่างจากลานลิเกชื่อดัง ถ้าจะต่างก็คงเป็นเรื่องที่ว่าดูซากุระไม่มีแม่ยกเท่านั้นเอง ผมเคยคิดว่าคนญี่ปุ่นชมซากุระเป็นงานอดิเรก แต่ผิดถนัด เพราะดูเหมือนว่าเขาชมซากุระกันเป็นอุตสาหกรรม ที่ไหนซากุระบานสะพรั่งสวยงาม คนญี่ปุ่นจะแห่แหนไปดู เนืองแน่นอย่างกับมีคอนเสิร์ตนักร้องดัง อย่าว่าแต่ไทยมุง ถึงหน้าซากุระบาน ญี่ปุ่นก็หอบลูกหอบหลานมามุงเหมือนกัน จึงเข้าใจเหตุผลที่แท้จริงแล้วว่า นี่ถ้าไม่มาหมายตาปักหลักจับจองไว้ก่อนละก็ ต้องรออีกหนึ่งปีเป็นแน่แท้ กระจ่างแล้วว่าทำไมโอะโตซังถึงได้บอกว่า ต้องไปจองที่ เราเริ่มปูที่นั่ง จัดแจงนำอาหารเย็นที่โอะกาซังเตรียมไว้ออกมาจากตะกร้า มีข้าวปั้นโอะนิงิริรวมอยู่ด้วย เตรียมถ้วย แล้วก็รินเบียร์ คุณพ่อประกาศลั่น คัมไป! (乾杯;kampai = ดื่มม!) แล้วโอะฮะนะมิครั้งปฐมของผมก็เปิดฉาก เรื่องต่อมาที่อยากเล่าคือ แง่มุมด้านประวัติศาสตร์ของการชมดอกซากุระ นับจากอดีต วิธีการชมดอกไม้ของคนญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยดูได้จากรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์การกิน บรรยากาศ ตลอดจนแนวคิดและความพร้อมในการเตรียม ย้อนกลับไปเมื่อครั้งโบราณ ประเพณีชมดอกไม้มีมานานนับพันปี แต่ครั้งหนึ่งโอะฮะนะมินี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา และไม่ใช่ว่าใครๆ ก็ทำได้ ว่ากันว่าเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยนะระ (奈良;Nara; พ.ศ. 1253 1336) ผู้ชมเป็นคนชนชั้นเจ้านายในรั้วในวัง แต่ยังไม่ใช่การชมดอกซากุระ ตอนนั้นชมดอกบ๊วยกัน ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าอุเมะ (梅;ume) ต่อมาในสมัยเฮอัง (平安;Hēan; พ.ศ. 1337 1728) ถึงได้เปลี่ยนมาชมดอกซากุระ เป็นอันว่าบ๊วยตกกระป๋องทั้งๆ ที่ก็สวยเช่นกัน ผมเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นเพราะคนญี่ปุ่นเบื่อบ๊วย จึงได้หันไปหาซากุระ แต่มาจากการที่บ๊วยเริ่มบานประมาณเดือนกุมภาพันธ์ หรือคาบเกี่ยวไปถึงต้นเดือนมีนาคมซึ่งลมหนาวยังไม่หมดดี เสียทีที่บานเร็วไปหน่อย จากอุเมะกลายเป็น อุเหม่! หนาวอะไรอย่างนี้ ชมดอกบ๊วยไปอาจต้องนั่งสั่นไป ซึ่งคงจะไม่ใช่ความสำราญ แต่พานจะเป็นหวัดเสียมากกว่า
|