ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์ Tokyo University of Foreign Studies คำเรียกขาน ขึ้นปีงบประมาณใหม่ในเดือนเมษายน ได้พบผู้คนใหม่ๆ รู้จักชื่อใหม่ๆ ทำให้นึกถึงวิธีการเรียกชื่อแบบคนญี่ปุ่น ที่คนไทยจำนวนมากยังสงสัยอยู่ คราวนี้มาดูกันว่าคนญี่ปุ่นเรียกกันอย่างไร อิทธิพลของการ์ตูนญี่ปุ่นแพร่หลายอยู่ในสังคมไทยมานาน หลายสิ่งที่ติดมาด้วยโดยไม่มีคำอธิบายชัดเจนจึงกลายเป็นคำถามที่คาใจเด็กและผู้ใหญ่หลายคน หนึ่งในคำถามที่ผมได้รับอยู่บ่อยๆ คือ เวลาคนญี่ปุ่นเรียกกันทำไมต้องมี คุง และมี จัง ด้วยล่ะ? ผมก็ตอบไม่ได้แน่ชัดว่าทำไมต้องมี จึงบอกให้มองเชิงเปรียบเทียบว่า แล้วทำไมของไทยต้องมีเด็กชาย, นาย, คุณ หรืออะไรทำนองนั้น? ก็ต้องหยุดเพื่อคิดกันหน่อยหนึ่ง เพราะนี่คือเรื่องของแบบแผนที่สังคมนั้นกำหนดมาให้ใช้จนเคยชิน พอจำความได้ก็ปรากฏว่าใช้คำเหล่านี้กันแล้ว จนไม่เคยคิดหาเหตุผลว่าทำไม เหตุผลที่พอจะประมวลได้คร่าวๆ คือ คำนำหน้าบุคคลมีใช้เพื่อแบ่งแยกให้กระจ่างชัดขึ้นว่า คนคนนั้นเพศชายหรือหญิง วัยประมาณไหน มีสถานภาพด้านความสัมพันธ์กับคนพูดอยู่ที่ระดับไหน ใกล้ชิดหรือว่ารู้จักกันอย่างเป็นทางการ ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่คล้ายๆ กันในทุกสังคม รวมทั้งในสังคมไทยและญี่ปุ่นด้วย แต่อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันออกไปบ้าง เมื่อถามว่าคนญี่ปุ่นใช้คำนำหน้าชื่อบุคคลกันอย่างไร ก็พอจะถ่ายทอดให้ทราบกันได้บ้างตามที่เคยสัมผัสมา ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า คนญี่ปุ่นไม่ใช้คำนำหน้าชื่อเพื่อบ่งชี้เพศของบุคคล ในบัตรต่างๆ ที่มีชื่อระบุอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบัตรประจำตัวนักเรียนนักศึกษา ใบขับขี่ บัตรประกันสุขภาพ หรือบัตรอะไรก็แล้วแต่ที่ใช้เป็นหลักฐานแสดงตัวก็จะไม่เขียนคำนำหน้าชื่อว่าเด็กชาย, เด็กหญิง, นาย, นางสาว, หรือนางเหมือนของคนไทย ในเอกสารราชการจะเขียนแค่ชื่อกับนามสกุลลงไป แล้วระบุต่างหากว่าเพศชายหรือหญิง หรืออาจไม่ระบุแต่มีรูปให้ดู หรือสันนิษฐานเพศจากลักษณะชื่อและตัวอักษรคันจิที่ใช้เขียน ถ้าลงท้ายด้วย ฮิโกะ (-hiko), -ซุเกะ (-suke), -โร (-rō) คือชื่อผู้ชาย เช่น ยุกิฮิโกะ, คุนิฮิโกะ, โยซุเกะ, ไดซุเกะ, โฮจิโร, อิกุตะโร ถ้าลงท้ายด้วย -โกะ (-ko), -มิ (-mi) คือชื่อผู้หญิง เช่น โทะโมะโกะ, ยุริโกะ, นะโอะมิ, โซะโนะมิ เป็นต้น
|