Group Blog
All Blog
|
สงครามเชื้อมรณะ บทที่ 5 หน้า 1 เดือนกุมภาพันธ์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการเคลื่อนไหวของนานาประเทศ ประเทศที่ขึ้นมาแซงหน้าไทย มีเกาหลีและญี่ปุ่น เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ที่เรียกว่า Super Spreader เกิดจากการชุมนุมตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ หรือลัทธิต่างๆ ทำให้เกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง จาก 1 เป็น 4 เป็น 8 เป็น เท่าตัวทวีคูณ จาก หลักร้อยเป็นหลักพัน ขณะที่คนไทยยังอยู่ที่หลักสิบ นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ไปต่างประเทศมา พกพาเชื้อโรคมาแจกจ่ายสมาชิคครอบครัวและเพื่อนร่วมงานอีก ต่างก็มีข่าวขึ้นหน้าหนึ่งให้คนตามอย่างตื่นตัว เนื่องจากมีการป่วยแต่ปกปิดข้อมูลการเดินทางไปสถานที่เสี่ยงติดเชื้อ สิ่งที่ทำให้คนไทยเริ่มตื่นตัวอย่างมาก เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ คนไทยรายแรก ที่ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ แต่เป็นการติดเชื้อจากนักท่องเที่ยวที่เข้าประเทศเพื่อมาท่องเที่ยวประจำปีในเมืองไทย ได้ตายลง “คุณอิงคะ ที่เสียชีวิต เขาไม่เคยไปต่างประเทศด้วยนิคะ” ชมเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ก็ไม่แน่ใจว่าเขาตายเพราะ เชื้อไวรัส หรือว่าป่วยอย่างอื่นกันแน่หรอก” ก้องแย้ง “ใช่นะตามข่าวว่า เขาเป็นไข้เลือดออกมาก่อน ที่จะติดเชื้อร่างกายเขา เม็ดเลือดขาวมีน้อยสู้กับเชื้อโรคไม่ไหวก็ได้” แทนเสริม “ใช่ค่ะ คนไทยรายแรกที่เสียชีวิต ตามข่าวคือ เขาอายุแค่ 35 ปี เป็นไข้เลือดออกมาก่อน ทำให้ร่างกายเขาไม่ฟื้นตัว” “แล้วยังปู่ย่าที่ไปเที่ยว ญี่ปุ่นที่ไม่ยอมให้ข้อมูลจริงอีก ทำไมคะ ที่จริงแค่บอกว่า ไปเที่ยวประเทศนี้มา เพื่อที่จะให้ทีมแพทย์รักษาได้ถูกต้อง นี่ต้องปิดโรงเรียน ปิดที่ทำงาน ปิดโรงพยาบาลเพื่อกักตัวคนใกล้ชิดทั้งหมด” แพรเหมือนจะอยากระบายเกี่ยวกับข่าว “โอกาสความเสี่ยงเมืองไทยจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้?” โกวิทย์เอ่ย “ติดเชื้อในประเทศไทยมีแค่ 42 คนจริงๆ เหรอคะ” ออมไม่อยากเชื่อ “มันอาจจะมีมากกว่านั้นนะ ที่ไม่ยอมให้ข้อมูลจริงเหมือนทีมปู่ย่า” “ตอนนี้รายงานจากโฆษกกระทรวง เพื่มวันละ 5-10 คน” “แบบนี้ประเทศเราจะเพิ่มมากขึ้นขนาดไหน? หรือว่าไม่มียอดรายงานจริง” แพรเริ่มวิตกจริต “เราจะได้ปิดประเทศไหมคะ” เมษามองหน้ารอบโต๊ะ “การประเมินความเสี่ยงตอนนี้ คนไทยยังอยู่ในระดับ 2 ยังเป็นการรับเชื้อจากต่างประเทศเข้ามา ยังไม่มีการแพร่ระบาดจากในพื้นที่ ถ้าเมื่อไหร่ที่เกิดการติดเชื้อจากคนในพื้นที่สู่คนในพื้นที่แล้ว เราอาจจะได้ปิดประเทศ” อิงเอ่ยช้าๆ “ทำไมเราไม่เปิดประเทศ เพื่อที่จะไม่รับเชื้อเข้าประเทศคะ” เมษาสงสัย แต่พี่ๆ ก็ไม่มีใครตอบได้ “ตอนนี้เศรษฐกิจก็แย่อยู่แล้ว มันจะเกิดอะไรขึ้นอีกนะ” ต้นน้ำเอ่ย “ถ้าเราปิดประเทศทุกอย่างจะหยุดเดิน” แทนตอบ “เอาล่ะค่ะ ตอนนี้เราทราบแล้วนะคะว่า ติดเชื้อในประเทศไทยเพิ่มขึ้นมาก หน่วยห้องปฏิบัติการอย่างเราต้องทำงานหนัก พรุ่งนี้จะมีเจ้าหน้าที่มาช่วยเรา 4 คน ส่วนคนที่ 5 ผู้อำนวยการอาวุโส คาดว่าเขาจะมาเร็วๆ นี้” “ใครคะ?” ออมถามอย่างตื่นเต้น “ถ้ามาแล้วทุกคนจะเห็นเองล่ะค่ะ พรุ่งนี้ อิงจะประชุมอีกรอบกับทีมงานใหม่ ทีมงานใหม่ เป็นเด็กเพิ่งเรียนจบและนักเทคนิกการแพทย์ที่ต้องการฝึกงาน อิงเลยรับมาช่วยงานชั่วคราวได้ ให้คอยช่วยงานทุกคนนะคะ” “วันนี้อิงมีเท่านี้ล่ะค่ะ พรุ่งนี้คุยกันอีกรอบ” ทุกคนแยกย้ายออกจากห้องประชุม อิงตรวจเอกสารต่อ เงยหน้ามองภาพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เธอพนมมือขึ้น “พ่อหลวงคะ อิงจะทำเต็มที่ ที่จะช่วยประชาชนทุกคน พ่อหลวงคะ ช่วยดลใจให้เขามาช่วยอิงด้วยนะคะ” เธอมองพระบรมอย่าแน่วแน่ ราวกับเป็นที่พึ่งพิงใจในยามยากได้เสมอ วันต่อมา เมื่อทีมงานใหม่มารายงานตัว อิงดาว แนะนำงานต่างๆ ที่พวกเขาต้องทำ และให้ประกบคู่กับทีมงานเก่า ได้แก่ ก้อง ต้นน้ำ โกวิทย์ และ แพร เป็นหลัก ซึ่งเป็นทีมที่จะตรวจเชื้อจากโรงพยาบาล ผ่านไปไม่นานในกลางเดือนมีนาคม จากที่ผู้ติดเชื้อ 70 กว่า สถานการณ์พลิกไปทันที เมื่อมีดารารักร้องคู่นึงออกมาเปิดเผยในโซเชียลว่าติดเชื้อ ทำให้ผู้คนตื่นตัวกับข่าวที่ได้รับ “มันจริงเหรอคะ” เมษาอ่านข่าวกับเพื่อนๆ แล้วไม่อยากเชื้อ “แล้วลูกๆ ของเขาละ ยังเล็กเลยนะคะ จะติดไหม? ฉันเป็นแฟนคลับพวกเขานะคะ ลูกสาวคนเล็กยังไม่ขวบเลย น่ารักมาก” ชมชิดเป็นห่วงเน็ตไอดอลของตัวเอง “จากไทม์ไลน์ น่าจะเป็นคุณแมตที่ติดเชื้อแล้วมาแพร่ให้คุณเดีย คุณแมตไปสนามมวย อาทิตย์ที่แล้ว แล้วเริ่มมีอาการมีไข้ หายใจไม่สะดวก เลยไปตรวจที่โรงพยาบาล แล้วเขาก็ตัดสินใจขอหมอตรวจหาโควิด พอกลับมาบ้าน รอผลตรวจ เขาออกมาแจ้งให้คนทราบ รัฐบาลกลับหาว่าเขาทำให้คนตื่นตระหนก ซะงั้น” “เนี่ย เหมือนกับหมอที่จีนเลยใช่ไหม เขาออกมาเตือนทุกคนให้ระวัง แล้วตัวเองก็ติดจากคนไข้ ตอนนี้มีข่าวว่าเสียชีวิตแล้ว” แพรพูดขึ้นอีกคน “มันน่ากลัวมากเลยนะคะ ติดต่อกันก็ง่ายทำไมองค์กรถึงออกมาบอกว่าไม่อันตราย” ชมชิดระแวง “ก็เขาไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกไงล่ะ” เสียงก้องพูด “เห็นว่าอัตราการตายพยากรณ์ไว้ 2-3% รุนแรงน้อยกว่า ซาร์ส ที่ตาย 10%” โกวิทย์วิจารณ์ข้อมูลให้เพื่อนฟัง “ทุกคนคิดดูดีๆ นะ ซาร์ส เกิดในคนกลุ่มน้อย เขาตายเยอะ เปอร์เซ็นส์เลยสูง แต่นี่ดูสิ มันกระจายไปหลายประเทศขนาดไหนแล้ว แล้วดูยอดคนตายตอนนี้สิ ประเทศจีนก็ 1000 กว่าแล้ว” เขาพูดต่อ “แล้วดูตอนนี้นะ หลายประเทศบล็อกวีซ่าประเทศไทย ดูข่าวอีกที อิตาลี ฝรั่งเศษ สเปน อยู่ๆ ยอดก็พุ่งมาจะแซง เกาหลี ญี่ปุ่นแล้ว” หลายๆ ประเทศ ยังมองว่านี่คือการก่อการร้ายของประเทศอันทรงอำนาจ ทั้ง 2 ที่ต้องการโค่นอำนาจกัน แต่บางประเทศมองว่าหากมีการแจ้งเตือนและควบคุมโรคที่ดีจากแหล่งแพร่เชื่อ คงไม่มีการแพร่ระบาดออกนอกประเศได้ “เป็นอย่างนี้ต่อไป เราจะขยับออกจากบ้านได้ไหม?” แพรถามความเห็น “คนที่ไปดูมวย ติดกันเยอะเลยนะ ไม่เห็นจะมาชี้แจงต้นตอเลย” แทนดูข่าวไปคุยไป “ที่จริงเขาก็มีจดหมายออกมาแจ้งไม่ให้จัดกิจกรรมแล้วเชียว คนเรามันก็ชอบดูนะเซียนมวย” แทนวิเคราะห์ข่าวต่อ “วัวหายแล้วล้อมคอกชัดๆ จะมาตามล่าคนไปดูมวยตอนนี้เขาก็เอาโรคกลับบ้านแล้วไหม” โกวิทย์เหมือนจะมีอารมณ์กับข่าวเยอะ “ได้ยินว่า แมสขายแพงหูฉี่เลยนะ กล่องเป็นพัน แอลกอฮอล์เมื่อก่อนลิตรละ 60 ตอนนี้ 450 บาท ตายเลย” ออมเริ่มขยายการวิจารณ์ไปถึงวัตถุต้องใช้ “มันจะแพงไปไหนเนี่ย แบบนี้ รัฐบาลน่าจะออกมาควบคุม” แพรเริ่มบ่น “แล้วไม่เห็นข่าวเหรอว่าคนใกล้ชิดนายกกักแมสไว้ขายเอง” โกวิทย์เสนอข่าวในประเทศ “ดูสิประเทศอื่นมีแต่รัฐบาลออกมาแจกแมส นี่อะไร กักไว้ขายกะจะโก่งราคาล่ะสิ พอเขาจับได้ ก็คงบอกว่าคงคลังเกิน น่าอายจริงๆ” ออมเหมือนต่อว่าลอย “บางประเทศเขา Work from home แล้วนะ แถมรัฐบาลก็ออกมาช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟ และจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชน” “ใช่ๆ เจ้าชายประเทศไหนไม่รู้ออกมานะนั่งอ่านแถลงแจ้งประชาชน ว่าหนี้สิ้นไม่ต้องจ่ายช่วง 3 เดือน แต่ให้ผ่อนผัน แล้วกลับมาจ่ายหลังจากนั้น ค่าน้ำค่าไฟก็จ่ายให้ โน้นนี่นั่นก็จ่ายให้ โคตรหล่อเลยล่ะ อยากไปอยู่ด้วยจังประเทศนี้” “เห็นเพื่อนที่สเปน บอกให้ตุนน้ำตุนเข้าวด้วยนะ” โกวิทย์บอกเพื่อน “มีเพื่อนที่สเปนด้วยเหรอแกน่ะ” แทนถาม “เพื่อนสมัยเด็ก ได้ผัวสเปน” “อ้อ” แทนถึงบางอ้อ ทุกคนเอาปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโรคมานั่งคุยกันตั้งแต่เช้าจนเย็นอย่างหวาดกลัว และหวาดระแวง
|
unitan
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]  Link |
||||||||||||||
ตอนนี้บ้านเรามีคนติดเชื้อเพิ่มแล้วค่ะ