มันเป็นเรื่องของแรงบันดาลใจล้วนๆ(11/5/07)
แรงบันดาลใจจาก เธอ (สาวหมวย-แอบห้าว-ชวนฝัน-ฟันกระต่าย) ผมถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ สลับวิชาเลือกของตัวเองจาก "วิชาวิถีคาวบอยอเมริกัน" มาเป็น "วิชาเรียนรู้ภาษาอังกฤษจากหนังฮอลลีวู้ด" (พอสลับปุ๊บก็งงตัวเองจังแฮะ ว่าตอนแรกไม่เห็น "วิชาหนัง" รึไง ไหงไปลง วิถีคาวบอยซะได้ (อยากเป็นผู้กำกับหนังนะเฟ้ย ไม่ได้อยากเป็นคาวบอย ) ก็เพราะค่อนข้างชัวร์มากกกกกก น่ะแหละว่า เธอน่าจะเรียน "วิชาเลือก" เกี่ยวกับหนังแท้ ๆ เชียว(ก็เธอจบหนังนี่) เพราะเธอ..... ผมจึงได้ดูหนังดี ๆ ในวันนี้ และได้มารู้จักกับ "อีก 1 คนดีมีฝีมือจากชิคาโก้" ในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด (เรียนอยู่ที่ไหนเค้าก็จะยกตัวอย่างคนของที่นั่นเป็นตัวอย่างเหมือนเป็นการสำนึกรักบ้านเกิด ) David Mamet นักเขียนบทหนังรุ่นใหญ่ ที่มีสไตล์การเขียนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว(เหลือเกิน) วันนี้ผมได้ดู ผลงาน "มาสเตอร์พีซ" ของเขาครั้งแรก Glengarry Glen Ross (หนังปี 92 หามาดูกันนะ แต่อาจจะไม่ชอบ เพราะหนังมันผู้ชาย ม๊าก มากกกกก แต่ผมชอบมาก จนต้องไปหาเรื่องอื่น ๆ ของคนเขียนบทคนนี้มาดูทันที ) มันเป็นหนังแบบ ตลกร้าย(Black Comedy) ที่ทำให้ผมหัวเราะแทบจะทั้งเรื่อง แต่ที่หัวเราะทั้งหมดนั้นเป็นการหัวเราะให้กับ "ความน่าสมเพชในการเป็นมนุษย์" ของตัวละครต่าง ๆ ในเรื่อง หาใช่หัวเราะให้กับมุขปัญหาอ่อนที่คิดขึ้นมาให้ฮากันเล่น ๆ แต่อย่างใด (ป.ล ส่วนตัวแล้วผมเป็นคนคลั่งใคล้หนังแนว "ตลกร้าย" มาก ๆ เช่น Broken Flowers,The Life Aquatic With Steve Zissue----ผมหวังจะเป็นคนทำหนังแนวนี้ในบั้นปลายอาชีพผู้กำกับน่ะครับ----ฝันกลางวันน่ะ) อาจารย์บอกว่า David Mamet เป็นคนเขียนบทที่เขียนแต่ตัวละครผู้ชาย ประเด็นของเขาแทบทุกเรื่องจะเกี่ยวกับ การต่อสู้ของผู้ชายกับโลกสมัยใหม่,ผู้ชาย vs ระบบทุนนิยม, ผู้ชาย vs ผู้ชายคนอื่นๆ,ผู้ชาย vs กิเลส ของตัวเอง, ผู้ชาย vs ความเป็นจริงของมนุษย์ ฯลฯ ความเป็นผู้ชายมีอยู่สูงมาก ๆ ในหนังที่เขาเขียนบท หนังของเขาไม่ค่อยมีผู้หญิงเล่น หรือต่อให้มี ผู้หญิงในหนัง ผู้หญิงในนั้นเรื่องนั้นก็จะพูดในสไตล์ของผู้ชายพูด สรุปว่า เขียนไดอาล็อคให้ผู้หญิงพูดไม่เป็น ว่างั้น(หรืออาจจะไม่สันทัดถ้าจะพูดให้ดูดีหน่อย ) ผมดูแล้วผมก็พบว่า จริง หนังเรื่องนี้ไม่มีผู้หญิงแม้แต่คนเดียว มันเป็นหนังของผู้ชาย และมีกลิ่นอายของผู้ชายอยู่ชัดมาก ๆ ผู้ชาย 5-6 คน ดำเนินเรื่องด้วย วิถีชีวิตแบบผู้ชาย,คำพูดแบบผู้ชาย ๆ (ที่ผ่านโลกมามากพอสมควร) แค่หนังเรื่องนี้เร่ืองเดียว ผมได้เห็นทุกอย่างที่เป็นเอกลัษณ์ของ David Mamet ที่อาจารย์พูดถึงอย่างชัดเจน จนผมทึ่ง จนต้องยกให้นี่เป็น คลาสเรียน ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยนั่งเรียนเกี่ยวกับภาพยนตร์ไปเลย (และมันน่าตลกแค่ไหน ที่มันเกิดขึ้นใน ร.รภาษา หาใช่ ร.ร สอนทำหนัง ) ถ้าไม่ใช่เพราะความน่ารักของเธอ ผมจะได้มาอยู่ใน คลาส นี้รึ? นี่แหละคือเหตุผลที่ว่า ทำไมผมถึงต้องการแรงบันดาลใจจากเธออย่างมาก (เพราะเธอเป็นเพียง "เด็กหนัง"(ที่ดันน่ารัก) คนไทยคนเดียวที่ผมรู้ว่ามีตัวตนอยู่ที่นี่) "สาวหมวย-แอบห้าว-ชวนฝัน-ฟันกระต่าย" (ที่จริงผมรู้ชื่อเธอนะ แต่ผมเปิดเผยไม่ได้กลัวเพื่อนเธออ่าน แล้วเอาไปบอกเธอ) เพราะเธอแท้ ๆ เชียว ทำให้ผมได้พบ คลาสเรียนในฝัน ผมยอมรับว่า ผมชอบหน้าตาเธอ(ไม่น้อย---คือมากนั่นแหละ) ผมอาจจะอยากเป็น "แฟน" เธอเพราะหน้าตาของเธอ "สะดุด" ผมตั้งแต่แรก เห็นทีไรเล่นเอาหัวใจผมมันป่วนปั่น,แข้งขาสั่น,หัวใจเต้นถี่,เคลิบเคลิ้ม,วิ้ง วิ้ง,ชูวับ ฯลฯ แต่มากไปกว่านั้น ผมชอบ "ความเป็นตัวเธอ" มากกว่า "หน้าตาของเธอ" ในตอนนี้ รู้ม้ัยว่า เวลาเรานั่งข้างกันแล้วอาจารย์ พูดขึ้นมาว่า "Filmmaker 2 คนนั่งข้าง ๆ กัน" แล้วมันรู้สึกดีเป็นบ้าเลย ตอนนี้ ผมอยากรู้จักกับเธอไปนาน ๆ มากกว่า----แบบไหนก็ได้อ่ะ---แค่ขอให้เธอได้ คอยเป็นคนที่ให้แรงบันดาลใจกับผมตลอดไปจนผมไปถึงฝัน(และเธอด้วย) ผมคงจะมีความสุขมาก ๆ เลย วันนี้ี้ ผมได้มีแรงบันดาลใจในการ ตั้งใจเรียน Film อีกครั้งเพราะเธอ ได้นั่งอยู่ใน คลาส นี้ก็เพราะเธอ สรุปว่า มีความสุข นะ แม้ว่า ผมจะเดาผิด นั่งดูหนังเรื่องนี้อยู่คนเดียวเพียงลำพัง โดยที่เธอไม่ได้เรียนคลาสนี้อย่างที่ผมฟันธงก็ตาม
Create Date : 12 พฤษภาคม 2550
19 comments
Last Update : 18 ธันวาคม 2550 2:41:01 น.
Counter : 613 Pageviews.
ปล่อยให้พระเอกของเราต้องมานั่งเรียนอยู่คนเดียวเนี่ย