TRANSFORMERS มหาจักรกลสปีลเบิร์กถล่มไมเคิล (บัมเบิลบี) เบย์
ใครยังไม่ได้ดู ก็ทำใจไว้หน่อย..เพราะสปอยล์แหลกราญ..
ทั้งรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ เพราะบ้าหุ่นยนต์ญี่ปุ่นมาตั้งแต่เด็ก....
ทำใจล่วงหน้าครึ่งๆ เพราะมีชื่อตาสปีลเบิร์ก กลัวว่าจะแอบเอาตัวเองเข้ามาใส่อีก (แต่เอาน่า..มียี่ห้อตาไมเคิล เบย์พะไว้ น่าจะพอคานกันไหว)
พยายามหาตัวอย่าง โปสเตอร์ วอลล์เปเปอร์มาปะบนหน้าคอมพ์ เอ..ทำไมมันมีแต่ดีไซน์มืดๆ น่ากัวๆ เหมือนหนังสยองขวัญไซไฟฟะ....ตกลงมันจะดูหนุกหรือเป่าเนี่ย... อยากเห็นหุ่นยนต์สวยๆ ทั้งตัว ก็หาไม่ได้เอาเรย... นี่มันกลยุทธโปรโมตอะไรของมันกันเนี่ย..
ดูฉากโชว์ในตัวอย่างแล้วออกจะหวั่นนิดๆ ว่าจะเหมือนหนัง(ไทย)บางเรื่องที่โชว์ทีเด็ดจนเกลี้ยงบนตัวอย่าง จนเวลาฉายจริงไม่มีอะไรเหลือให้คาดเดา....
แต่..พี่น้องครับ...เชิญไปตั้งใจไปชมได้เลย ฉากโชว์ความยากของ Visual Effect ทั้งหลายแหล่นั้นมีอีกเป็นกระบุงที่แอ๊บเอาไว้เพียบ บรรดาขาไซไฟบ้าการ์ตูนหุ่นยนต์ทั้งหลายจะได้ชมกันให้ตาลาย (เพราะหุ่นพระเอกผู้ร้ายล่อกันนัวไม่รู้ใครเป็นใคร)
และเช่นเคย...ความมโหฬารพันลึกที่ล้ำความคาดเดาคนดู ยังคงแฝงไว้ด้วยความน่าเบื่อ..ส่วนตั๊วส่วนตัวสไตล์สปีลเบิร์กไว้แน่นหนา (เอ..หรือตาไมเคิล เบย์ติดเชื้อมาด้วยก็ไม่รู้นิ)
ถึงสไตล์เรื่องยังคงพะยี่ห้อไมเคิล เบย์อย่างชัดเจน ตั้งแต่วิธีการถ่ายทำหวือหวา ตัดต่อฉับไว แก๊กกวนๆ ขำๆ เสียดสี แถมด้วยดนตรีแนวไมเคิล เบย์จ๋า (แบบเดียวกะเดอะร็อค อามาเก็ดดอน ยังไงยังงั้น ...เปลี่ยนแนวมั่งก็ได้นะเพ่ !)
แต่ความกระโดกกระโดกอ่อนแรงจูงใจของบทหนัง (ตามสไตล์สปีลเบิร์ก) ยังมีอยู่เพียบ โดยเฉพาะตอนไคลแมกซ์ซึ่งสำคัญมั่กๆ เอ..อิทธิพลของพ่อมดฮอลลีหวูดมันจะมากมายถึงกับครอบตาเบย์ไว้ได้ขนาดนั้นเชียวรึ
เพราะจากการติดตามหนังของไมเคิล เบย์มาตลอด เขาทำหนังได้ลื่นและลงตัวกว่าสปีลเบิร์กอยู่ แม้กระทั่ง The Island ที่ใครๆ ว่ามัน flop ไม่ประสบความสำเร็จ แต่เราก็ยังรู้สึกว่ามันโอเค....
ลักษณะของการเขียนบทสถานการณ์ฉากต่อสู้ของหุ่นยักษ์ในเมืองใหญ่ช่วงตอนท้ายเรื่อง เหมือนวิธีการคิดหลายๆ ครั้งของสปีลเบิร์ก ที่มักจะคิดฉากเด็ดที่ตัวเองชอบขึ้นมาก่อนบทจะเสร็จ แล้วทำนองว่า ยังไง๊...ก็ต้องมีอีฉากเนี้ยะอยู่ให้ได้ จะเป็นตายร้ายดีประการใดก็เหอะ
เหตุผลของบทหนังมหาจักรกลวินาศสันตะโร...เอ่อ จำชื่อเรื่องไม่ค่อยได้ ขออำภัย..มันยาวเหลือกำลัง ก็เลยต้องเขียนแบบมาลงเอยกันง่ายๆ จงใจให้ตัวละครทำสิ่งที่คนดูรู้สึกพิกล (ว่าทำทำไมฟะ..) ทั้งๆ ที่อุตส่าห์ปูพรมมาแน่นปึ้กด้วยมุกแพรวพราว ความตื่นเต้นแบบลับๆ ล่อๆ ของหุ่นฝ่ายอธรรม Decepticons แถมด้วยความสัมพันธ์หนุกๆ ของพระเอกนางเอก(และหุ่นฝ่ายธรรมะ Autobots)
ช่วงต้นของการปูเรื่อง กลับกลายเป็นส่วนที่ดีที่สุดของหนัง มีทั้งความพิศวงชวนระทึกของการบุกเข้ามาของหุ่นฝ่าย Decepticons สลับกับบทมันๆ ของตาพระเอกกับหุ่นบัมเบิลบี (ในคราบของรถเชฟโรเลต)
แปลกใจว่าทำไม GM (General Motor) ไม่ฉวยโอกาสนี้หาเรื่องโปรโมทรถในค่าย เพราะหุ่นฝ่าย Autobots ทั้งหมดล้วนแปลงร่างเป็นรถของจีเอ็มทั้งนั้น ข่าวคราวออกจะเงียบมาก เป็นเราจะถือโอกาสสร้างกระแสซะเลย..
น่าเสียดายมากกับทุนมหาศาลที่ลงไป เมื่อดีกรีความหนุกหนานต้องกร่อยไปเรื่อยๆ เพราะแรงจูงใจที่ขาดเหตุผลของบทภาพยนตร์ น่าแปลกที่ว่าฉาก CG มหัศจรรย์แค่ไหนก็ตาม หากไม่มี Motiveที่เพียงพอ มันก็ทำให้ฉากนั้นไร้พลังอย่างที่ควรจะเป็น และคนดูก็พาลไม่เชื่อไปซะงั้น...
เริ่มตั้งแต่หุ่นฝ่ายเมกกาทรอน มาตามล่าถึงเขื่อนฮูเวอร์นั่นแหละ อุตส่าห์ไล่ถล่มตูมตาม แต่พอพวกพระเอกยกขบวนขนคิวบ์ออกมา กลับหายจ้อยไปไหนก็ไม่ทราบ แล้วอยู่ดีๆ ขบวนก็ดันเข้ามาในเมืองหาเรื่องให้บรรดาผู้ร้ายยกทีมมาถล่มตึกรามบ้านช่องวินาศไปซะงั้น ความฉับไวของการต่อสู้และการตัดต่อทำให้เกิดความสับสนไม่รู้ว่าหุ่นฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน แต่กระนั้นความตื่นตาของฉากโชว์นี้ก็ทำให้ลืมๆ ความเพี้ยนๆ ของบทไปได้พอควร
ที่ทนไม่ได้อีกประการคือ ความเป็นฮีโร่ของพระเอกและนางเอก แสนจะอเมริกันจ๋าสุดริดสุดเดช...(เอ่อ ซูเปอร์ฮีโร่ขาดแคลนหรือไงจ๊ะ Superman, X-Men แถมด้วย Spidey ยังไม่พอหรือไง) และอีตอนต้องมาทำซึ้งเวลาใกล้วิกฤตเนี่ยเลิกได้แล้ว เป็นสูตรสำเร็จที่ฝืดมั่กๆ
ที่เง็งสุดยอดก็คือเหตุผลของการที่พระเอกติงต๊องของเราต้องวิ่งหน้าตั้งขึ้นตึกเป็นสิบๆ ชั้น เอาคิวบ์ไปส่งให้คอปเตอร์ กรูไม่เข้าใจจิงจิ๊งง...ทำไมต้องลำบากยากแค้นขนาดนั้น สงสัยอยากโชว์ฉากเมกกาทรอน(หน้าโง่) ที่พยายามพังตึกเพื่อจับอีตาพระเอก
แล้วที่ เอ๋อ..มั่กๆ ก็คือ ตอนคิวบ์ถูกดูดขึ้นไป ไอ้เราก็ดูไม่ทัน ไม่รู้ตัวไหนเป็นตัวไหน มาเห็นอีกที อ้าว กลายเป็นเมกกาทรอน ตัวร้ายหงายเก๋งไปแร้ว ก็นั่งอึ้งไปพักนึง จับต้นชนปลายไม่ถูกว่ามันมาลงเอยยังงั้นได้ไง สงสัยวัยคืออุปสรรค เหอๆๆ หูตามันลายดูหุ่นไฮเทคตีกันไม่ทันซะแล้ว
จริงๆ ออพติมัส ไพร์ม ยอมเสียสละแต่แรกก็หมดเรื่อง จับคิวบ์ยัดใส่ตัวเองซะ เมืองก็คงไม่พังเป็นแถบขนาดนั้น
นึกแล้วเสียดายกับหนังฟอร์มยักษ์ ถ่ายทำก็ยากแสนเข็ญ หมดเวลาทำเทคนิคไปเป็นปี ต้องมาเสียฟอร์มกับบทหนังกระพร่องกระแพร่งในช่วงสุดท้ายนี้ ไม่เข้าใจว่า ผอ. และ ผกก.ระดับนี้ยอมปล่อยงานอันสับสนวุ่นวายไม่ลงตัวขนาดนี้ออกมาได้ไง
หรือว่า..หนังที่มาร์เก็ตติ้งจ๋าระดับพันล้าน ต้องมาตายน้ำตื้นด้วยสูตรสำเร็จของเมกกาทรอนสปิลเบิร์กเช่นนี้เสมอไป?
แต่ก็ต้องยอมยกนิ้วให้กับทีมงาน Physical Effect และ Visual Effect ที่มืออาชีพมากๆ บ้านเราไม่มีทางสร้างหนังสเกลขนาดนี้ได้เลย ทีมงานไม่เก่งพอ ความพร้อมทางเทคนิคไม่ถึง และความคิดสร้างสรรค์ยังไงก็ยังตามก้นเขาอยู่
เป็นหนังที่กรุณาไปชมในโรงเท่านั้น ถึงจะได้ความระทึกอารมณ์แบบเต็มๆของฉากอภิมหาแอคชั่นจักรกลถล่มจักรวาล...เอ่อ ยังเรียกไม่ค่อยถูกเหมือนเดิมอะนะ
ที่แน่ๆ เครดิตไตเติลตอนท้าย อย่าเพิ่งรีบลุก ยังมีของแถมต่ออีกเล็กน้อย...
Create Date : 06 กรกฎาคม 2550 |
|
8 comments |
Last Update : 7 กรกฎาคม 2550 9:59:55 น. |
Counter : 1395 Pageviews. |
|
|
|