Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2559
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
2829 
 
19 กุมภาพันธ์ 2559
 
All Blogs
 
ความเหมือนในความต่างของหนังอย่าง The D Train และ Bessie

มีหนังที่ผ่านสายตาไปแล้วมีความเหมือนในความต่างอยู่หลายเรื่อง  ที่ว่าเหมือนนั้นอาจจะเหมือนด้วย Theme ของเรื่อง แคแรคเตอร์ของตัวแสดง วิธีเล่าเรื่อง หรือแม้แต่พฤติกรรมทางเพศของตัวละคร  ซึ่งข้าพเจ้ามิได้ตั้งใจที่จะจับคู่แต่อย่างไร แต่เผอิญให้ความเป็นมาของหนังเรื่องนั้นๆ มาผูกพันเกี่ยวข้องกันด้วยเหตุมิคาดหมาย


The D Train เป็นหนังเล็กๆ เสมือนไว้ปล่อยของ ของดาราตลกชื่อดัง แจ็ค แบล็ค ซึ่งแสดงคู่กับ เจมส์ มาสเดน หนุ่มล่ำ Cyclop แห่ง X Men  เรื่องราวของประธานชมรม (แจ็ค) ที่พยายามหาทางรวบรวมเพื่อนฝูงรุ่นมัธยมให้กลับมา Reunion ในงานเลี้ยงรุ่นอีกครั้ง  ความพยายามของเขาก็คือหาทางเอาเพื่อนเก่าที่เป็นคนดังมาเป็นแรงดึงดูดในการเรียกเพื่อนฝูงคนอื่นๆ ให้อยากมางานเลี้ยงรุ่น  ก็ให้บังเอิญไปพบหนังโฆษณาเรื่องหนึ่งที่เพื่อนร่วมรุ่น (เจมส์) แสดงอยู่ และกำลังออกอากาศ  เขาก็เลยหาวิธีสารพัด (แม้กระทั่งหลอกเจ้านายให้ออกเงินค่าตั๋วเครื่องบิน) เพื่อไปชักชวนไอ้หนุ่มคนนี้มาให้ได้  อารามที่อยากได้ตัวเขามากจนมองข้ามความแปลกๆ พิลึกๆ ของบุคลิกเพื่อนตัวเองที่ทำตัวคล้ายๆ สิบแปดมงกุฎ แถมยังสอนให้พี้ยา พากันไประเริงราตรีในแอลเอกันหัวหกก้นขวิด  และแล้ว..ให้อารมณ์พาไปจนไปลงเอยกันบนเตียง! ถูกต้องแล้วท่านผู้ชม  เพื่อนชายร่วมรุ่นซึ่งในที่สุดต้องมามีอะไรกันเอง  ..หนุ่มอ้วนที่ถูกหนุ่มหุ่นล่ำหลอกปล้ำ  เออ..สนุกพิลึกละซี 

คำโปรยของ The D Train บอกไว้ว่ามันเป็นหนังคอมเมดี้  ดูไปดูมาชักจะกลายเป็น Black Comedy เหมือนนามสกุลของดารานำไปเสียแล้ว  ต้องนับถือ แจ็ค แบล็ค ที่เขากล้ามารับบทนี้  เพราะมันไม่ใช่แค่เผลอมีเซ็กซ์กับเพื่อนชายไบเซ็กช่วล  แต่มันทำให้เขาสับสนเริ่มคิดถึงมันตลอดเวลาทั้งๆ ที่พยายามลืม  กลับไปบ้านของตัวเองก็วางตัวไม่ถูกกับเมีย  เบลอๆ เอ๋อๆ แอบคิดถึงเพื่อน(ชาย)โดยไม่รู้ตัว เอาละซี  ใครอยากลองกับเกย์ก็กรุณาคิดให้ดีนะจร๊า 555  ซึ่งบทในช่วงนี้เขียนได้ดี ราวกับผู้เขียนบทเคยมีประสบการณ์ซุกซนมาแล้ว (อิอิ)  และแจ็คก็เล่นดูเป็นธรรมชาติ  ได้เห็นความพยายามในการปฏิเสธตัวเอง  แต่ก็ยังอยากเจอและหาวิธีให้ เจมส์ มาพบเขาจนได้  แต่ครั้นเมื่อเจอเข้าจริง  ฝันโรแมนติกที่เคยคิดมันกลับกลายเป็นนรก  เพราะเจมส์เป็นเพียงผู้ชายเสเพลธรรมดาคนหนึ่งที่นอนกับใครก็ได้ถ้าเขาเกิดอารมณ์  และพร่ำบอกเสมอว่ามันแค่สนุกๆ อย่าได้มาเอาอะไรกับเขาเลย  ซึ่งเรื่องพรรค์นี้ในชีวิตจริงก็เคยได้ยินได้ฟังมาไม่น้อย  ไม่นึกว่าฝรั่งมันจะจับประเด็นเอามาเขียนได้อย่างละเอียดละออ  และในที่สุดแรงกดดันทั้งหมดก็ไปทำให้ความลับแตกดังโพละในงานเลี้ยงรุ่นให้ทุกคนในงานได้ช็อกซีเนม่ากันไปถ้วนหน้า  หนังที่ดูเหมือนจะเป็นคอมเมดี้  เลยพลิกผันกลายเป็นดราม่าสุดริดสุดเดชไปได้เหมือนกัน  นับเป็นบทที่ท้าทายซึ่ง แจ็ค แบล็ค ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว  เพราะส่วนใหญ่เขาจะตีบทดราม่าแบบนี้ไม่ค่อยจะรอด  เรื่องนี้ดูเขาเล่นเป็นธรรมชาติดีกว่าที่เคย  เอ๊ะ หรือว่าเหมือนชีวิตจริง 555   


ภาพยนตร์อีกเรื่องที่บอกได้ว่าน่าจะคู่กันเพราะออกจะเหมือนในแง่พฤติกรรมของดารานำ  นั่นคือ Bessie ซึ่งเป็นหนังเรื่องยาวออกฉายทางทีวีของ HBO ที่เพิ่งคว้ารางวัลหลายสถาบัน รวมทั้งรางวัล Primetime Emmy ภาพยนตร์ที่ฉายทางโทรทัศน์ยอดเยี่ยมปีนี้มาครอง  เป็นหนังที่เล่าชีวประวัติของ Bessie Smith ราชินีเพลงบลูส์อีกคนหนึ่งในตำนานเพลงอเมริกัน  ซึ่งสวมบทบาทโดยนักร้องนักแสดงร่างอวบ ควีน ลาติฟา  โดยเธอเองก็รั้งตำแหน่งโปรดิวเซอร์ใหญ่ของหนังเรื่องนี้อีกตำแหน่ง 

Bessie เล่าเรื่องราวของนักร้องสาวที่ดิ้นรนมาตั้งแต่เล็กเพื่อที่จะมีชื่อเสียง  เธอฟันฝ่านานาอุปสรรคด้วยความเด็ดเดี่ยวเป็นตัวของตัวเองไม่กลัวใคร   จนกระทั่ง Ma Rainey นักร้องสาวใหญ่รุ่นเดอะได้ให้โอกาสเธอออกทัวร์ร่วมแสดง  จนแมวมองได้มาเห็นพรสวรรค์เพลงบลูส์จากเธอ  และในที่สุดเธอก็ประสบความสำเร็จในวงการเพลงจนดังเป็นพลุแตก (ตามสูตร) 

กระนั้น เบซซี่ ยังต้องผ่านอุปสรรคร้อนหนาวเรื่องงานเรื่องส่วนตัวที่ประเดประดังเข้ามา  แต่สิ่งที่เธอโชคดีและเธอไม่ค่อยได้มองเห็นคุณค่านั่นคือ ลูซิล เพื่อนสาว หรือน่าจะเรียกได้ว่าแฟนสาวของเธอที่คบหากันมาตั้งแต่ยังไม่เข้าวงการ  ลูซิลผู้แสนจะภักดี ติดตามดูแลรับใช้เธอมาตลอด แต่เธอหาได้อยู่ในสายตาของเบซซี่ไม่ ซึ่งวิถีการใช้ชีวิตแบบไบเซ็กช่วลของเธอได้ทำให้เธอมาลงเอยกับไอ้หนุ่มผิวดำซึ่งสร้างปัญหาสารพันให้เธอ  ด้วยความไม่สมหวังในสามีตัวแสบ  ความเจ้าชู้ของเธอจึงไม่หยุดแค่นั้น  เธอหันไปคว้ากิ๊กหนุ่มที่ประมาณเป็นคู่นอนชั่วคราว  

แต่ปรากฏว่าในที่สุดคนที่หันกลับมาดีกับเธออย่างจริงใจเหลือเพียง ลูซิล และจะใครซะอีก ก็พ่อกิ๊กหนุ่มคนนั้น  และคงพอเดาได้ว่า ลงท้าย เบซซี่ก็ยังเลือกเอาผู้ชายอยู่ดี  นี่แหละหนอ..เขาถึงว่าอย่าได้หวังอะไรกับความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันมากมาย  ไอ้ที่จะอยู่ด้วยกันถือไม้เท้ายอดทองตะบองยอดเพชรน่ะ มีสักกี่เปอร์เซนต์  ถึงแม้ยุคนี้เขาจะให้โอกาสเพศเดียวกันแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวในหลายประเทศก็ตามที  




Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2559 11:29:59 น. 1 comments
Counter : 5509 Pageviews.

 









. . . ยินดีในสิ่งที่ตนได้ . . .

. . . พอใจในสิ่งที่ตนมี . . .

. . . เป็นคนโชคดีที่สุดในโลก . . .

..HappY BrightDaY..





โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 31 มีนาคม 2561 เวลา:15:57:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bkkbear
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




งานเขียนบทความ บทหนัง เรื่องสั้น และนวนิยายในบล็อกนี้สงวนลิขสิทธิ์โดย Bkkbear (หมีบางกอก) ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามมิให้ดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

Friends' blogs
[Add Bkkbear's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.