|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สโนไวท์กับคน (ไม่) แคระทั้งเจ็ด : เพลงฝน
ย้อนกลับมาในวันที่คมเคียวนั้นห่างหาย วันสุดท้ายของปิดเทอมใหญ่ผ่านพ้นไป วันเปิดเทอมใหม่ก็หมุนมา โรงเรียนเก่า ชั้นเรียนใหม่ กับใครอีกคนซึ่งเพื่อนของฉันส่งมาดามใจ เพราะคิดว่าฉันคงเสียใจที่วันนี้ไม่มีคมเคียว
อยากบอกเหลือเกินว่า... ไม่เป็นไร ...แต่กลัวเพื่อนเสียใจเลยไม่ปฏิเสธ
ฉันกำลังหลายใจอยู่ไหม ? นั่นคือคำถามซึ่งฉันไม่แน่ใจในคำตอบ หากคมเคียวคือคนที่นั่งอยู่ในความทรงจำของหัวใจ แล้วผู้ชายอย่าง เพลงฝน นั้นคือใครในความผูกพัน
หากมีใครสักคนใส่ใจเพียงพอที่จะถาม ฉันคงไม่มีคำตอบที่สวยงามเตรียมไว้ให้ มีเพียงถ้อยคำแสนตรงมาและตรงไป แต่ใช่ว่าจะดีพอ
ฉันก็คือฉัน ที่ยังคงเงียบงันเช่นวันนั้นในวันนี้ คมเคียวคือใครคนหนึ่งซึ่งเคยหวังดี ส่วนเพลงฝนก็เป็นคนหนึ่งที่พรหมลิขิตขีดเส้นชีวิตนี้ให้เดินมาเจอกัน
ต้นข้าวชอบเพลงฝนหรือเปล่า ? แววตาของคนถามสะท้อนให้เห็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งตีสีหน้าคล้ายไม่รู้สึกรู้สากับสายตาคาดคั้นเอาคำตอบ และคนถูกป้อนคำถามเช่นฉันก็ยอกย้อนมากพอที่จะไม่ตอบอะไรก่อนที่จะได้เป็นฝ่ายทวงถาม ใช่ว่ากลัวเสียเปรียบหากไม่ได้ตั้งปัญหามาไล่ต้อนให้อีกฝ่ายได้จนมุม เพียงแค่สงสัยว่าทำไมต้องไถ่ถาม เมื่อคำตอบที่ทุกคนต้องการนั้นถูกกำหนดไว้ชัดเจนแล้ว
ถามทำไม ?
ฝน... เขาอยากรู้ว่าต้นข้าวชอบเขาหรือเปล่า ?
แล้วทำไมเขาไม่ถามเองล่ะ ? เมื่อเพลงฝนสงสัยและใคร่รู้ในคำตอบ ชอบหรือไม่ ? เขาก็ต้องเป็นฝ่ายถาม ไม่ใช่ส่งใครต่อใครมาไล่ตามเอาคำตอบ
ฝน... เขาไม่กล้า ก็เลยให้เรามาถามแทน เพื่อนของฉันซึ่งดำรงตนเป็นแม่สื่อแม่ชักทำหน้าที่ขยายความนัย
งั้น... วาวก็ตอบแทนข้าวเลยแล้วกัน
แล้วจะให้เราตอบฝนเขาว่าอะไรล่ะ ? วาวแพรชักเริ่มมีปัญหาขึ้นมาบ้าง
ถามอะไร ก็ตอบอย่างนั้น ไม่เห็นยาก ฉันรวน
แล้วต้นข้าวชอบฝนหรือเปล่า เราจะได้ไปบอกฝนได้ถูก
แล้วคิดว่าชอบหรือเปล่าล่ะ ? ฉันยังไม่วายย้อนกลับไปอยู่ดี
ชอบ
นั่นปะไร ทุกคนเตรียมคำตอบเอาไว้แล้ว... แล้วจะใส่ใจทำไมว่าฉันรู้สึกเช่นไรในความเป็นจริง ถึงตอบว่า ไม่ ใครต่อใครก็ยังรั้นว่า ใช่ มันร่ำไปอยู่นั่นเอง เมื่อถามเองตอบเองได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด และไม่มีใครคาดว่าฉันจะปฏิเสธ แล้วฉันจะลุกขึ้นมาโต้เถียงไปทำไมให้เหนื่อยเปล่า เมื่อไม่เกลียด... ก็ไม่ได้ความว่าชอบ แต่... คำว่า ชอบ มักมีขอบจำกัดความ
คนนั้นว่า ชอบ คนนี้ว่า ใช่ สรุปกันไปได้ใจความว่าอย่างนั้น คำตอบของฉันเลยเป็นหมันไปโดยปริยาย ไม่จำเป็นต้องขยายความว่า ฐานะ อะไรที่ฉันจัดไว้ให้ ขอบเขต ที่ฉันวางไว้ก็ไม่สำคัญอะไรต้องอธิบาย
คบกันมา... ดูใจกันไป... โดยไม่มีอะไรคืบหน้า นานไป... ใครกันจะทนไหวกับความชาเฉย ทนมาเท่าไร... ก็ไม่ได้หมายความว่าจะคุ้นเคย สุดท้ายความเฉยเมยก็ไม่อาจละเลยเช่นวันวาน
ต้นข้าวชอบฝนมั้ย ?
ในที่สุด เพลงฝนก็เอ่ยถาม... มาถามอะไรกันในวันนี้... วันที่ฉันไม่มีความคิดที่จะตอบ สายเกินไปสำหรับการทวงถาม เพราะฉันเลิกแล้วที่จะพยายามบอก
หนักเข้า... ฉันกับเขาก็เลือกที่จะห่างกันไป โดยไม่มีเหตุผลใด ๆ มาอธิบาย แม่สื่อแม่ชักเองก็หมายช่วยเยียวยาใจให้เพลงฝน แล้วผู้หวังดีประสงค์ร้ายก็พุ่งเป้าหมายไปยัง มือที่สาม ตอกไข่ใส่สี เปลี่ยนดีเป็นร้าย จับแม่สื่อมาพันหลัก จับรักมาชักใย บีบคั้นคนเคยใกล้ให้กลายเป็นผู้ร้ายขโมยปลา
วาวทำกับต้นข้าวแบบนี้ได้ยังไง?
ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำได้อย่างไรกัน จับเรื่องราวมาผูกกัน ดึงฉัน เขา และเธอคนนั้นมาพัวพันให้วุ่นวายด้วยข้อกล่าวหามากมาย เปลี่ยนรักเป็นร้ายได้ลงคอ
แก้ต่างไม่ตกด้วยกันทุกฝ่าย ใช่ว่าฉันใจร้ายด้วยการนิ่งเฉย แต่ยิ่งพยายามบอกปัด ข้อกล่าวหายิ่งผูกมัดจนดิ้นไม่หลุด ยิ่งปฏิเสธว่า ไม่ใช่ ยิ่งกลายเป็นการทำร้ายทั้งสองคน
วาวขอโทษ
ฉันทำได้แค่ยิ้มแทนความหมายของถ้อยคำที่ต้องสื่อ ไม่เป็นไร... ฉันเข้าใจในทุกอย่าง
ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ ต่อให้เข้มแข็งเท่าไรยังอ่อนตาม ต่อให้รู้ว่าต้องห้ามก็ยากนักจะปรามให้แข็งใจ
หากถามฉันว่า... เพลงฝนผิดไหม ? คำตอบคือ ไม่ เมื่อความรักนั้นเติบโตไม่ได้ หากหัวใจของใครอีกคนนั้นยังชาเฉย วาวแพรผิดหรือเปล่า ? ก็ ไม่ อีกเช่นกัน ยิ่งใกล้ชิด ยิ่งผูกพัน ยิ่งไหวหวั่น ผูกพันใจ คนผิดนั้นคือ... ฉัน... ผิดที่ปล่อยให้ความเป็นฉันทำร้ายคนนี้ คนนั้น ให้หวั่นไหว ผิดที่เฉยชาจนวันหนึ่งคนดี ๆ ถูกตราหน้าว่า คนร้าย ผิดที่ไม่อธิบายให้ใครต่อใครเข้าใจ ผิดที่ทำร้ายคนเคยห่วงใยให้มีน้ำตา
ลงท้าย... ฉันก็เป็นฝ่ายจากมา จากไกลโดยไม่มีแม้ คำลา จากไปทั้ง ๆ ปัญหายังไม่คลี่คลาย หากความผิดที่ก่อไว้ยังตามหลอน เมื่อโลกหมุนไปได้สองพันวัน ผลของการกระทำในวันนั้นก็ย้อนมาสนอง พรหมลิขิตซึ่งเคยวาดให้จากจร ก็ขีดให้โคจรมาเจอกัน
ต้นข้าวย้ายมาอยู่หอรวมสิ ไม่ใช่คำขอร้องดี ๆ อย่างที่ควรจะเป็น หากแต่เป็นคำสั่งที่ทำฉันโกรธจนควันออกหู คนเคยดีในวันนั้นเริ่มลงทัณฑ์จนฉันเริ่มรู้สึกว่าไม่ควรเสียใจที่เคยทำร้ายผู้ชายแบบนี้
เดี๋ยวฝนไปอยู่ด้วยไง ฝนจ่ายค่าห้องเองก็ได้ เพลงฝนคงยังไม่รู้ตัวว่าประเมินค่าฉันผิดไป ฉันอาจเป็นผู้หญิงหลายใจในสายใครต่อใคร แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันใจง่าย ไร้ราคา
ฝนเป็นอะไรกับข้าวล่ะ ทำไมต้องย้ายไปอยู่ด้วยกัน
ใคร ๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้นแหละ ไม่เห็นเป็นไรเลย
ก็ปล่อยใคร ๆ เขาทำกันไป ข้าวพอใจจะอยู่หอพักสตรีคนเดียว ฉันจงใจเน้นคำว่า หอพักสตรี เพื่อย้ำให้ผู้ชายซึ่งไร้ความเป็นสุภาพบุรุษได้ตระหนักในความเป็นจริง แต่... ความพยายามกลับไร้ผล ความตั้งใจกลับสูญเปล่า เพลงฝนไม่คิดจะทำความเข้าใจในความหมายที่ฉันต้องการสื่อ
ฝนรับรองว่าฝนจ่ายเองแน่น่า ค่าน้ำ ค่าไฟด้วยสิเอ้า
ความอดทนขาดสะบั้น ขันติแตกมันตรงนั้น ฉันเลยส่งกำปั้นไปกระทบริมฝีปากไม่สร้างสรรค์ของคนไร้สติ หวังว่านั่นคงเรียกความคิดดี ๆ ที่พึงมีของผู้ชายคนนี้ได้บ้าง หมัดกระแทกปุ๊บ หันหลังกลับปั๊บ ไม่จำเป็นต้องอยู่ดูปฏิกิริยาตอบรับอีกแล้ว ใช่ว่าฉันกลัว แต่... รังเกียจ หากช้ากว่านี้แม้เพียงเสี้ยววินาที รับประกันได้เลยว่าคงต้องมีฝ่าเท้านารีพิฆาตคนปากมีศรี (สีเลือด) อีกสักที ให้ความเจ็บใจที่มีมันเจือจาง
พอกันทีกับความสำนึกผิด ต่อแต่นี้อย่าได้คิดมาเสนอหน้า กรวดน้ำขอคว่ำขัน เลิกแล้วต่อกันกับผู้ชายที่คล้ายจะดี แต่... ดีแบบผักชีโรยหน้า ผู้ชายที่เคยบอก รัก แต่มองคนรักไร้ราคา ฉันไม่คิดจะปรายตาให้เสียเวลาสักนาที
เขาคงเจ็บไม่น้อย เสียงโอดครวญจึงหลุดลอยมาตามลม
สมน้ำหน้า ! ความรู้สึกที่มีให้บรรยายได้ด้วยคำ ๆ นี้ ไม่มีอีกแล้วความรู้สึกผิดในวันวาน ไม่มีอีกแล้วกับการต่อว่าต่อขานหัวใจเช่นวันนั้น เมื่อโทษทัณฑ์ของฉันถูกลบเลือนด้วยถ้อยคำไม่สร้างสรรค์ของคนพรรค์นั้นในวันนี้ ถือเสียว่า... ถ้อยคำเหยียดหยามที่เขามี นั่นคือความผิดที่ฉันควรทดแทน ขอสาปส่งและเสือกไส ต่อแต่นี้ไปขออย่าได้กลับมาพานพบ ขอให้จบกันด้วยไม่ดี... เท่านี้พอ...
Create Date : 14 สิงหาคม 2552 |
|
2 comments |
Last Update : 14 สิงหาคม 2552 14:47:57 น. |
Counter : 612 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|