เพื่อน ๆ ของพวกเขาทยอยกันมา จนครบ ใครมา ก็จะร้องโห่ด้วยความดีใจ ใครที่ยังไม่มา ก็จะโทรถามกันว่า อยู่ไหน ใกล้ถึงหรือยัง ส่วนอาหาร ก็สั่งมาเรื่อย ๆ ใครชอบอะไร เสนอมาเลย โดยมีชูเป็นผู้ประสานงานทั้งอาหารต่าง ๆ เดินคุยกับเพื่อน ๆ หยอกล้อกันไป ทุกคนดูสนุกสนาน บางครั้งก็แหย่ฉัน เรียกฉันว่า "สาวน้อย" อิอิ มาดูอาหารบางส่วนและรูปหมู่ของพวกเรา
อาหารที่สั่งมามากมายก่ายกอง ไก่ย่างเขาสวนกวาง ที่มีชื่อ ส้มตำไทย ปู ต้มกระดูกอ่อนหมู ปลานึ่งมะนาว ปลากระพงทอดน้ำปลา ต้มซุปเปอร์ (ตีนไก่)ทอดมัน หอยแครง ผัดผักกะเฉด ฯลฯ อาหารที่นี่ หลายคนบ่นว่าเค็มไปหน่อย ฉันก็มีความรู้สึกเป็นเช่นนั้น เหมือนกัน
การสังสรรค์ครั้งนี้ มีสมาชิกใหม่เพิ่มจากการสังสรรค์คราวที่แล้ว คือ สมศักดิ์ (เปลี่ยนชื่อเป็น ธิตินาท) ชัยสิทธิ์ พจมาน ศรีวรรณ วันนี้ มีศิษย์สะใภ้ ศิษย์เขย หลานศิษย์ มาร่วมงานด้วย ทำให้งานครั้งนี้ มีความสนุกสนาน กระชับเกลียวสัมพันธ์ของมิตรภาพและครอบครัวของเพื่อนด้วยอีกระดับหนึ่ง มีการร้องเพลง คาราโอเกะ ฉันก็ได้รับเชิญให้ร้องเพลงด้วย เลยต้องร้องเพลง "ท่าฉลอม" ซึ่งพอจะร้องได้ อิอิ มาชมภาพความบันเทิงร้องคาราโอเกะกัน ค่ะ
ประมาณบ่าย 4 โมงกว่า น่าจะได้ ชู ก็เชิญฉันออกไปกล่าวเปิดงานครั้งนี้ (ทุกครั้งไม่เห็นมีเปิดงานเลย อิอิ ครั้งนี้ คงมีอะไรพิเศษแน่ ๆ เลย ฉันนึกในใจ)
ฉันก็ออกไป กล่าวความในใจ ขอบใจที่พวกเขาระลึกถึงฉัน รับมาร่วมสนุกสนานกับพวกเขาทุกครั้ง ชื่นชมที่พวกเขามีมิตรภาพดี ๆ ให้แก่กันและกัน และสุดท้ายก็อวยพรให้พวกเขามีความสุข ความเจริญในชีวิตตลอดไป แล้วความสงสัยของฉัน ก็ถูกต้อง ชู ยกเก้าอี้มาให้ฉันนั่ง บอกเพื่อน ๆ ให้รวมตัวเข้าแถวไว้อีกฝั่งหนึ่ง อ้อ! เขาจะมีพิธีรดน้ำดำหัวฉัน นั่นเอง รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรแข็ง ๆ มาจุกอยู่ที่คอของฉัน เพราะความรู้สึกตื้นตันใจ ซาบซึ้งใจ ที่พวกเขาได้แสดงความกตัญญูต่อฉัน พวกเขาซื้อพวงมาลัยสองพวง คือ ตั้งใจรดน้ำดำหัวฉันและ อ.สะพรั่งพร้อม (ซึ่งเป็นครูประจำชั้นเขาที่พวกเขาประทับใจ)แต่ อ.สะพรั่งพร้อมติดธุระหรือไม่สบาย ไม่ได้มาด้วย หลายคนที่เตรียมหน้าที่ไว้ ต่างทำหน้าที่ของตนอย่างกระฉับกระเฉง ชู นำขันลายไทย มีมาลัยสองพวง ให้ อีํดถือขันน้ำยืนข้าง ๆ ฉัน เพื่อคอยส่งขันเล็ก ๆ ตักน้ำให้เพื่อน ๆ ที่จะมารดน้ำดำหัวฉัน พอท้าย ๆ ก็ผลัดให้เดือนถือ ตัวเองจะได้มารดน้ำดำหัวฉันบ้าง อิอิ ฉันได้เก็บภาพอันประทับใจเหล่านี้มาให้ชม ค่ะ
พิธีรดน้ำดำหัว ผ่านพ้นไปด้วบรรยากาศ แช่มชื่น ทั้งผู้รดน้ำและผู้รับการรดน้ำ
นอกจากพิธีนี้ แล้ว วันนี้ยังมีอีก 1 กิจกรรม ที่แสดงถึงความมีน้ำใจของเพื่อนที่มีต่อเพื่อน คือ การจัดเค้กอวยพรวันคล้ายวันเกิดให้ เพื่อน 2 คน ที่เกิดในเดือน เมษายน ย้อนหลัง โดยไม่ให้เจ้าของวันคล้ายวันเกิดรู้ล่วงหน้า เพื่อต้องการให้เกิดความเซอร์ไพร์ คือ วันคล้ายวันเกิดของ หนึ่ง และ เดือน จัดเค้ก 2 ก้อนใหญ่ จุดเทียน เชิญเจ้าของวันคล้ายวันเกิดเป่าเทียน เพื่อน ๆ พร้อมด้วยฉัน ก็ร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้ คิดว่า เจ้าของวันคล้ายวันเกิดก็คงตื้นตันใจไม่น้อย หลังพิธีเป่าเทียนแล้ว เจ้าของวันคล้ายวันเกิดก็ตัดเค้ก มีเสียงแว่วมาว่า "เฮ้ย ตัดเค้กให้อาจารย์ก่อนเลย" อิอิ เจ้าของวันเกิดทั้งคู่ ตัดเค้กแล้ว มีการป้อนเค้กใส่ปากฉันด้วย ห้าห้า อร่อยไปเลย ฉันได้กินตั้งสองจาน เพราะทั้งสองคน ไม่ยอม ต้องให้เท่า ๆ กัน อิอิ เอาละหว่า อ้วนก็อ้วน ละ เค้ก อร่อยมากด้วย มาชมบรรยากาศของงานเป่าเค้ก นะคะ
ทานเค้กกันอย่างทั่วถึงทุกคน เค้กวันคล้ายวันเกิด ดูเหมือนจะมอบหมายให้อี๊ดไปซื้อมา ทุกคนชมว่า อร่อย เป็นขนมหวานของการสังสรรค์ครั้งนี้เลย
พวกเรายังคุยกันอย่างออกรส ฉันก็ถามไถ่ทุกข์สุข ของลูกศิษย์ที่มาเพิ่มใหม่ ทุกคนขำสมศักดิ์ เพราะเขาจำฉันไม่ได้ ทุกคนต่อว่าเขาว่า ทำไมไม่เห็นไหว้อาจารย์ เขาทำหน้างง ๆ รีบยกมือสวัสดี บอกว่า นึกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน ทำเอาฉันและเพื่อนเขาขำกันใหญ่ อิอิ แสดงว่า ฉันก็ยังไม่แก่น่ะซี ห้าห้า
งานเลี้ยงใด อย่างไงก็ต้องมีการอำลาจากกัน ก่อนอำลาจากกันไปบางส่วน ชู ได้ถามความเห็นว่า การพบปะสังสรรค์กันครั้งต่อไปจะกำหนดวันไหน ในที่สุด ก็สรุปว่า เป็นวันที่ 10หรือ 11 กันยายน วันใดวันหนึ่ง แล้วปลายเดือน สิงหาคมค่อยนัดหมายกันอีกที
ประมาณ 2 ทุ่ม ผันและสมาชิกบางคน ขอกลับก่อน เพราะมีงานที่ต้องไปทำ ส่วนที่เหลือ ชู บอกว่า อ่าว (เจ้าของร้าน ลูกศิษย์อีกรุ่นหนึ่ง) เขาทำข้าวต้มเครื่องเลี้ยงใกล้เสร็จแล้ว ให้รอทานกันก่อน สมาชิกที่เหลืออยู่ก็ประมาณ น่าจะ 10 กว่าคน เลยทานข้าวต้มกันคนละ 2 ชาม
ได้เวลาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ฉันก็บอกเด็ก ๆ ว่ากลับกันเถอะ เพราะพรุ่งนี้ หลายคนต้องทำงาน เพราะเป็นวันจันทร์ ทุกคนจึงเห็นด้วย ล่ำลากัน เด็ก ๆ มาไหว้ลา แล้วก็จากกันไป หนึ่งมาส่งฉันที่บ้าน แล้วจึงไปส่ง ชัยสิทธิ์และเก๋แถวคลองเตย
วันสุขใจของการได้ไปสังสรรค์กับลูกศิษย์รุ่นนี้ ก็จบลงอีกครั้งหนึ่ง ฉันถึงบ้านประมาณเกือบห้าทุ่มแล้ว ความสุขใจ ชุ่มฉ่ำหัวใจยังคงปรากฏอยู่ในใจฉันไม่จางหาย คืนนี้ ฉันนอนหลับฝันดีตลอดคืน ต้องขอขอบใจลูกศิษย์รุ่นนี้ (รุ่นแรก ๆ) ที่ทำให้คนแก่อย่างฉันมีความสุขกาย สบายใจ ก็ขออวยพรให้พวกเขา มีแต่ความสุข ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตยิ่ง ๆ ขึ้นและตลอดไป จ้ะ มาลัยไหว้ครูฉันได้นำไปบูชาพระพร้อมกับขอพรให้พวกเขามีแต่ความสุข ความเจริญทุก ๆ คน
ฉันหวังว่า งานเขียนชิ้นนี้ ผู้อ่านคงจะได้ร่วมยินดีกับความสุขใจของฉัน เรื่องราวดี ๆ อย่างนี้ ควรได้อ่าน ได้เผยแพร่ค่ะ
ขออำลาด้วยมาลัยแห่งความรัก ความเคารพศรัทธา ค่ะ
สวัสดี ค่ะพบกันใหม่ ในโอกาสต่อไป
เพื่อนๆ บางส่วนเชื่อว่าซาบซึ้ง และเซอร์ไพร์ส...