กรณีการประเมินมูลค่าเพื่อเข้าซื้อ โคคาโคล่า ของวอเรน บัฟเฟต
ตัวอย่างการลงทุนที่ยอดเยี่ยมของวอร์เรน ที่ผู้แต่งตำราหลาย ๆ เล่มนิยมนำไปเป็นกรณีศึกษาคือการเข้าลงทุนในบริษัทโคคา-โคล่า
จากตารางเป็นข้อมูลตั้งแต่ปี 1973 ถึง 1992 ที่วอร์เรนนำมาวิเคราะห์ก่อนซื้อหุ้นบริษัทโคคา-โคล่า ลำดับเหตุการณ์ได้ดังนี้
วอร์เรนเริ่มซื้อหุ้นบริษัทโคคา-โคล่าเมื่อปี 1988 โดยใช้ข้อมูลย้อนหลังมาตั้งแต่ปี 1973
คอลัมน์ที่สอง Annual sales คือยอดขายประจำปี คอลัมน์ที่ 3 คือกำไรสุทธิประจำปี ซึ่งวอร์เรนนำมาปรับแต่งอีกเล็กน้อยเพื่อให้ได้ข้อมูลในคอลัมน์สุดท้าย คือ "กำไรของเจ้าของ" แล้วจึงนำข้อมูลไปใช้
วอร์เรนไม่ต้องการกำไรทางบัญชี แต่เขาต้องการกำไรที่เป็นกระแสเงินสดและเรียกมันว่า "กำไรของเจ้าของ" เพราะโมเดลในการคำนวณมูลค่าที่แท้จริงเป็นโมเดลของ "การคำนวณมูลค่าหุ้นกู้ผสมกับการคำนวณมูลค่าหุ้นสามัญ" ซึ่งใช้ผลตอบแทนที่เป็นกระแสเงินสด หลักการอันนี้จะอธิบายในตอนต่อ ๆ ไป
จากข้อมูลย้อนหลังเมื่อวิเคราะห์มาเป็น 3 บรรทัดสุดท้าย และที่เป็นจุดเด่นก็คือปี 1981 - 1988 หรือ 7 ปีก่อนวอร์เรนจะซื้อหุ้นของบริษัทโคคา-โคล่า บริษัทฯมีอัตราการเจริญเติบโตกำไรของเจ้าของ 17.8%
วอร์เรนจึงลดอัตราการเจริญเติบโตเหลือ 15% แล้วนำไปคาดคะเนกำไรของเจ้าของสำหรับ 10 ปีในอนาคต โดยเริ่มต้นที่ปี 1988 ที่บริษัทฯ มีกำไรของเจ้าของ 828 ล้านเหรียญ
เมื่อได้อัตราการเจริญเติบโตของบริษัทและวอร์เรนมั่นใจในธุรกิจนี้แล้วเขาจึงเริ่มคำนวณมูลค่าที่แท้จริง( หากเขาไม่มั่นใจหรือไม่เข้าใจในธุรกิจเขาจะไม่คำนวณมูลค่าของมัน )ตามขั้นต้อนดังนี้ 1. เริ่มต้นบรรทัดที่ 1 ด้วยกำไรของเจ้าของ 828 ล้านเหรียญ คูณด้วยอัตราเติบโต 15% ในบรรทัดที่ 2 ได้กำไรจากการประมาณในบรรทัดที่ 3 2.กำไรในบรรทัดที่ 3 เอาไปตั้งต้นในบรรทัดที่ 1 ของปีถัดไป ทำตามข้อ 1 จนได้กำไรโดยประมาณ 10 ปีในอนาคต 3.ในอนาคตเงินจะด้อยค่าลงเขาจึงต้องทำให้เงินในอนาคตมีมูลค่าเป็นปัจจุบันในบรรทัดที่ 5( บรรทัดที่ 4 คือวิธีคำนวณเงินในอนาคตให้เป็นมูลค่าปัจจุบันจะกล่าวในบทต่อไป ) 4.หลังจากได้กำไรที่เป็นกระแสเงินสดในอนาคต 10 ปีแล้ว เขาจึงคำนวณมูลค่าหลักทรัพย์ในปีที่ 10 ได้ 87,930 ล้านเหรียญในบรรทัดที่ 12 ซึ่งเป็นมูลค่าในอนาคตเขาจึงทำให้เป็นมูลค่าปัจจุบันอีก ได้มูลค่าหลักทรัพย์ในบรรทัดที่ 14 เหลือ 37,143 ล้านเหรียญ( บรรทัดที่ 13 คือวิธีคำนวณเงินในอนาคตให้เป็นมูลค่าปัจจุบัน ) 5.สุดท้ายเขานำ กำไรที่เป็นกระแสเงินสดทั้ง 10 ปีมารวมกันในบรรทัดที่ 6 และ รวมกับมูลค่าหลักทรัพย์ในปีสุดท้ายในบรรทัดที่ 14 ได้มูลค่าที่แท้จริง 48,393 ล้านเหรียญ เมื่อคุณด้วย Margin of Safety( ประมาณ 2/3 )แล้วราคาที่น่าสนใจอยู่ที่ต่ำกว่า 32,262 ล้านเหรียญ 6.จาก Margin of Safety ของมูลค่าที่แท้จริงประมาณ 3.2 หมื่นล้านเหรียญ ในปี 1988-89 ที่เขาลงทุน มูลค่าตลาดของโคคา-โคล่ามีค่าเพียง 1.51 หมื่นล้านเหรียญ วอร์เรนลงทุนในกิจการนี้ประมาณ 1 พันล้านเหรียญ เขาเก็บหุ้นนี้ที่ราคาเฉลี่ย 10.96 เหรียญต่อหุ้น 7.ในปี 1998 หุ้นของบริษัทโคคา-โคล่าซื้อขายกันที่ 88 เหรียญต่อหุ้น แปลว่า หุ้นที่วอร์เรนถือไว้เมื่อ 10 ปีก่อนมีมูลค่าเพื่มขึ้น 800% 8.ย้อนกลับไปที่ปี 1988 วอร์เรนคำนวณมูลค่าปัจจุบันของบริษัทโคคา-โคล่าได้ที่ 4.8 หมื่นล้านเหรียญ แต่ 10 ปีถัดมามูลค่าตลาดของบริษัทซื้อขายกันที่ 1.2 แสนล้านเหรียญ
....................................................................
ที่มาของบทความ .. //vistockvalue.blogspot.com/2009/09/1973-1992-1988-1973-annual-sales-3.html
....................................................................
Create Date : 10 สิงหาคม 2558 |
|
2 comments |
Last Update : 10 สิงหาคม 2558 19:55:34 น. |
Counter : 2484 Pageviews. |
|
|
|