กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
 
ธันวาคม 2564
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
space
space
28 ธันวาคม 2564
space
space
space

กิเลสมันหิน ไม่ใช่หมู


เรื่องแทรก

ถาม 450 


ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงมองศาสนาพุทธเป็นศาสนาผี

ความจริงศาสนานี้เกิดมาเพื่อดับทุกข์และใช้ชีวิตที่มีความสุขแบบเหนือโลกและดับการเกิด
ทำไมคนส่วนใหญ่ที่งมงายถึงเอาเรื่องต่างๆมาโยงซะมั่วจนไม่ต่างจากศาสนาผี เช่น ไปขอใบ้หวยจากอาจารย์หรือพระดังๆ แล้วทำไมพระเหล่านี้ถึงทำให้คนงมงายต่อ แล้วทำไมคนที่งมงายถึงไม่คิดอะไรที่เป็นเหตุและผลเลย ทั้งๆที่การใบ้หวยแทบจะไม่มีแก่นสาร
มีการไปบนบันดาลอยากได้อย่างนู้นอย่างนี้
ถ้ามองตามเหตุและผลมันเป็นอะไรที่ไร้สาระมากๆ
ที่ผมพูดมาคือคนส่วนใหญ่
คนส่วนน้อยคงไม่มานั่งตอบกระทู้นี้หรอกเขาเอาเวลาไปปฎิบัติดับกิเลสกันหมดแล้ว
แต่อยากรู้ที่มาว่าทำไมตอนนี้คนส่วนใหญ่หรือเด็กรุ่นใหม่มองว่าศาสนานี้ไม่ต่างจากอะไรที่งมงาย ทั้งๆที่เรื่องจิต และการดับทุกข์เป็นอะไรที่พิสูจน์ได้เองแต่ต้องเปิดใจรับ

https://pantip.com/topic/41177979

เทียบได้กับแห่นางแมวขอฝนสมัยก่อน  450










   เรื่องปัจจัย ๔  เรื่องปากท้องสำคัญไม่น้อยกว่าเรื่องจิตใจ  (ท้องหิวฆ่าคนได้) พระพุทธศาสนาก็ได้พูดไว้มาก ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ปกครอง คือ รัฐบาลต้องจัดสรรค์ปันส่วน (เริ่มแต่ส่งเสริมสนับสะหนุนการศึกษาไปทีเดียว)  อย่างหนึ่ง   อีกอย่างหนึ่ง สติปัญญาของคนไม่เท่ากันดังที่ท่านเปรียบเหมือนบัวสามเหล่าสี่เหล่าห้าเหล่า ในเมื่อผู้นำจัดสรรค์ให้ไม่ได้  มีอะไรที่พอเป็นความหวังอยู่บ้างพวกเขาก็ต้องทำ เช่น ขูดต้นไม้หาเลข เป็นต้น ใกล้วันหวยออกใบ้หวยกันเกลื่อน เจ้าแม่นั้น เจ้าพ่อนี่  คนขัดสนจนทรัยพ์ทั้งนั้นที่ทำ  ส่วนคนมีทรัพย์เป็นเจ้ามือรับกินรับแทง มีคนแทงถูกมากมาย ก็จ่ายครึ่งเดียว ไม่ก็เบี้ยวเอาดื้อๆ  เลขดังไม่รับ  ที่ถูกจับคนจนคนแทง  ส่วนเจ้ามือลอยนวล   
 
    
   ถ้าจะดูให้เข้าใจพระพุทธศาสนา  ก็อย่าดูแต่ด้านธรรมะที่เด่นด้านนามธรรม  พุทธศาสนามิใช่หมายถึงเฉพาะเรื่องหลักธรรมอย่างเดียว  ต้องดูให้คลุมด้านวินัย  ที่ว่าด้วยเรื่องวัตถุและสังคมพร้อมไปด้วย  ให้ครบตามที่ท่านเรียกไว้ว่าเป็น "ธรรมวินัย

172170172

เขาเป็นอิสลามแต่ศึกษาเข้าใจพุทธธรรม 450ดีทีเดียว  

กระทู้นี้ตั้งใจพิมพ์มาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นและที่มาที่ไป ไม่ได้มีเจตนาอื่นๆ ใดทั้งสิ้น เพราะยังเคารพนับถือเพื่อนพี่น้องมุสลิมอยู่

ผมเกิดในครอบครัวมุสลิมที่นครศรีธรรมราช พ่อเป็นคนสตูล แม่เป็นคนท่าศาลา พ่อเสียตอนผมอายุ 3 ขวบ ส่วนแม่ก็ไปทำงานที่บาห์เรน ผมจึงอยู่กับตายายมาตลอด และตอนเด็กๆ จึงถูกสอนและฝึกการละหมาด การท่องจำและศึกษาคัมภีร์กุรอานมาตลอด

ตอนอายุประมาณ 6 ย่าง 7 ตากับยายคิดจะส่งผมไปเรียนปอเนาะ แต่มีคนพุทธข้างบ้านแนะนำให้ผมไปเรียนโรงเรียนทั่วไป เพื่อหน้าที่การงานในอนาคต ดังนั้น ผมจึงได้เรียนโรงเรียนทั่วๆไป ตั้งแต่ ป.1 จนถึง ม.6 จึงคลุกคลีอยู่กับวัฒนธรรมบางอย่างของคนพุทธตลอด เช่น การไหว้พระ  (ก่อนหน้านั้นไม่ได้ไหว้ เพราะตายายสอนว่าห้ามไหว้เดี๋ยวตกนรก) การไหว้ครู และอื่นๆ ส่วนเรื่องวิถีชีวิต เช่น การละหมาด ผมจะละหมาดที่โรงเรียน 2 ครั้งในช่วงเที่ยง และช่วงก่อนกลับบ้าน หากติดคาบก็จะขออนุญาตคุณครูไปละหมาด ส่วนเรื่องละหมาดวันศุกร์ ก็จะขอลาในตอนเที่ยงเพื่อไปละหมาดและฟังคุตบะฮ์ตลอด แต่ก็ต้องมาศึกษาหาความรู้กันเอาในภายหลังเพื่อให้การเรียนผ่านพ้นไปด้วยดี

หลังจากที่เข้าเรียนในมหาลัย ในฐานะมุสลิม จึงสนใจเหตุการณ์ที่ตะวันออกกลางด้วย จนกระทั่งวันหนึ่งพบข่าวว่า รัสเซียให้ความช่วยเหลือซีเรีย ทำการขับไล่ และโจมตีกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนออกไปจากซีเรีย

ผมจึงเกิดความคิดว่า "ทำไมไม่ให้มุสลิมช่วยมุสลิม แต่กลับเป็นคนนอกศาสนาที่ช่วยมุสลิม และช่วยขับไล่พวกมุนาฟิกเสียเอง" ซึ่งสาเหตุที่คิดแบบนี้ เพราะในช่วงนั้น ได้ศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์ของตะวันออกกลางที่กุรอานไม่ได้บอกไว้ ศึกษาความเป็นมาของทั้งศาสนาอิสลาม คริสต์ ยิว ที่นอกเหนือไปจากกุรอาน อ่านจากทั้งในหนังสือและในอินเทอร์เน็ต

จนพบว่า ศาสนาอิสลาม แท้จริงแทบจะเป็นหนึ่งเดียวกับศาสนาคริสต์ และยิว เพียงแต่มันเป็นการแยกความคิดแตกใหม่ และซับซ้อนมาก และมาในรูปแบบประมาณว่า ถ้ายิวต้องให้ทำสุหนัต คริสต์จะบอกว่าไม่จำเป็นต้องทำ หรือต้องทำก็ได้ขึ้นอยู่กับว่าเป็นนิกายไหน ส่วนอิสลามจะกลับมาบังคับ ว่า ต้องทำทุกนิกายทุกมัชฮับ ซึ่งทำให้รู้สึกสับสนว่าอันไหนผิดถูกจนไม่ได้คิดอีกไประยะหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้อ่านข่าวที่รัสเซียให้ความช่วยเหลือซีเรีย ทำให้ย้อนคิดถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ อิสลามซึ่งเคยชนะ และทำให้ผู้คนในหลายเผ่าในดินแดนอาหรับเลื่อมใสศรัทธา ทั้งยังชนะพวกครูเสดได้

แต่ทำไมต้องแยกเป็นซุนนีและชีอะฮ์ ทำไมต้องเกิดความขัดแย้งกันเองตลอด ทำไมจึงต้องเกิดกลุ่มซาลาฟี (หรือที่หลายๆ คนรู้จักในชื่อวาฮะบีย์) ทำไมปาเลสไตน์จึงต้องหายไป และกลายเป็นอิสราเอลแทน นั้นทำให้เริ่มสงสัยว่าบททดสอบของอัลลอฮ์นั้นจะยาวนาน และโหดร้ายไปอีกนานสักแค่ไหน

จึงย้อนกลับมาดูทางคริสต์ ซึ่งไปรุ่งเรืองในแผ่นดินยุโรป พบว่าคริสต์หลังยุคอาณาจักรโรมันนั้นแทบจะเป็นยุคมืด ศาสนจักรครอบงำผู้คน ชักชวนผู้คนรบราฆ่าฟันกับกลุ่มมุสลิม บ้างก็ใช้ความรุนแรงต่อผู้ที่ขัดแย้งกับศาสนจักร ผ่านไปหลายศตวรรษ กลายเป็นว่าเมื่อถึงยุคเรเนซองส์ ความขัดแย้งทางศาสนาแทบจะหายไป วิทยาศาสตร์ ปรัชญา วิทยการที่เจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนเริ่มขัดแย้งกันน้อยลง ศาสนาก็ห่างจากชีวิตผู้คนในยุโรปมากขึ้น ในขณะที่วิทยาศาสตร์ที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอาหรับก็ค่อยๆ หายไป แถมบางครั้งยังถูกมองว่าขัดแย้งกับศาสนาอีก จนกลายเป็นว่าปัจจุบัน ยุโรปในตอนนี้ เริ่มแยกจากศาสนาได้สำเร็จ และสามารถพัฒนาตัวเองเป็นผู้นำโลกได้

ส่วนโลกอาหรับนั้นแทบไปไม่ถึงไหน โดยเฉพาะตั้งแต่หลังยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมานั้น ชาติอาหรับก็เกิดความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด

ในช่วงแรกนั้น ด้วยความที่ยังเกรงกลัวสิ่งที่เรียกว่าพระเจ้าอยู่ จึงคิดจะไปนับถือศาสนาคริสต์ แต่ก็พักความคิดชั่วระยะหนึ่ง เพราะต้องการเลือกศาสนาของตัวเองจริงๆ ตัวเองเลือกที่จะไม่นับถือศาสนาอะไรเลยก็ได้ แต่ตัวเองไม่เลือก เพราะเข้าใจ ว่า ชีวิตทางโลกนั้น ควรมีชีวิตทางธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งเข้าด้วย จึงจะใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขโดยแท้จริง   (เนื่องจากส่วนตัวคิดว่า กลุ่มคนไม่มีศาสนานั้น ใช้ชีวิตโดยไม่คิดอะไรมากมาย และทำๆ ไปตามที่ใจต้องการ และมีปรัชญาชีวิตที่เน้นจากเรื่องราวทางโลกเกือบล้วนๆ ซึ่งคงไม่ใช่แนวทางของตัวเองที่ต้องการแสวงหาทางสว่าง และความสงบสุขในจิตใจอยู่ตลอดเวลา)

จึงตัดสินใจศึกษาพระพุทธศาสนา จนค้นพบสัจธรรมว่า การจะเป็นคนที่ดีได้นั้น ไม่จำเป็นต้องเชื่อในพระเจ้า ไม่จำเป็นต้องต้องเชื่อคำสอน และทำตามคัมภีร์ ขอเพียงแค่ประพฤติดีทั้งกาย วาจา ใจ เท่านั้นก็เพียงพอสำหรับความสงบสุข

พระพุทธศาสนาเปิดโลกที่ผมไม่เคยเห็นไม่เคยเจอมาก่อน เป็นศาสนาที่สอนให้คนพิสูจน์มากกว่าบังคับเชื่อ เป็นศาสนาที่สอนให้คนเน้นจิตใจที่บริสุทธิ์มากกว่าการห้ามกิน หรือ ห้ามทำสิ่งนั้นนี้ที่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เป็นศาสนาที่ไม่บังคับการเข้าศาสนสถาน

หลังจากที่ตัวเองได้ศึกษาจนถี่ถ้วนแล้ว จึงตัดสินใจบอกกับตัวเองว่า เราจะไม่ใช่มุสลิมแล้ว แต่เราจะเป็นชาวพุทธ แต่ในตอนนั้น ยังไม่คิดทำอะไรมาก จึงคิดจะไปบอกแม่ ปู่ย่าตายาย ที่เป็นมุสลิม แน่นอนว่า ทุกคนรู้สึกตกใจ และไม่อยากให้ผมเลิกศรัทธาต่ออัลลอฮ์ เพราะกลัวว่าเมื่อถึงวันกียะมะฮ์แล้วผมจะต้องตกไฟนรกไปตลอดกาล     (ตามความเชื่อของอิสลาม เมื่อเสียชีวิตแล้วจะต้องไปอยู่ในโลกแห่งการรอคอยที่ดวงวิญญาณจะรออยู่จนถึงวันพิพากษา แล้วเมื่อวันนั้นมาถึง อัลลอฮ์จะพิจารณาตัดสินความดีชั่วที่คนผู้นั้นเคยทำไว้เมื่อยังอยู่ในโลกดุนยาหรือโลกมนุษย์เราปัจจุบัน ผู้ที่ทำความดีไว้มาก จะได้ขึ้นสวรรค์และพำนักอยู่ในสวรรค์ถาวร  ส่วนผู้ที่ทำความชั่ว  จะต้องตกไฟนรกไปชั่วนิรันดร ซึ่งนอกจากอิสลามแล้ว คริสต์และยิวก็เชื่อความเชื่อนี้ด้วยเช่นกัน)

ผมบอกกับทุกคนว่า อินชาอัลลอฮ์ หมายถึงว่า ถ้าอัลลอฮ์ประสงค์ และสำแดงประจักษ์ให้ได้ตระหนักถึงพระองค์ ผมก็จะพร้อมที่จะไปรับอิสลามอีกครั้ง และเชื่อมั่นว่าหากอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเปี่ยมเมตตา ก็จะทรงมีเมตตาอยู่เสมอตราบที่มีลมหายใจอยู่

ตั้งแต่ที่พูดไปในตอนนั้น ปู่ย่าก็ไม่ได้ติดต่อหาผมอีก  (ปกติก็ไม่ค่อยติดต่อกันอยู่แล้ว เพราะไม่ค่อยผูกพันอะไรมาก) ส่วนแม่ ตายาย ได้แต่หวังว่าผมจะกลับไปรับอิสลามอีกครั้ง

แต่ความจริงก็คือ ผมไม่มีความคิดนั้นเหลือแล้ว ผมเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา และลึกซึ้งกับธรรมะที่ได้ศึกษาจนยากที่จะกลับไปเป็นมุสลิม

สิ่งที่บอกมาทั้งหมด ไม่ได้ต้องการให้มุสลิมที่ยังศรัทธาในอัลลอฮ์ ต้องหันมานับถือพุทธกันอย่างไร้เหตุผล เพราะเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะสำหรับคนที่เคร่งครัดมาตั้งแต่เกิด เคยมีกรณีคนที่มานับถือพุทธแต่ก็กลับไปนับถืออิสลามอีก เพราะเกรงกลัววันพิพากษา กลัวว่าตัวเองจะต้องตกไฟนรก ซึ่งส่วนตัวมองว่า ตัวเองทำแต่ความดี จิตใจบริสุทธิ์ ก็มากพอแล้วที่พระเจ้าจะเมตตา และยังเชื่อมั่นในพระเมตตาเสมอว่าจะไม่ทำแบบนั้น หากประพฤติดีทั้งกาย วาจา ใจ



Create Date : 28 ธันวาคม 2564
Last Update : 16 มีนาคม 2565 8:56:18 น. 0 comments
Counter : 423 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space