|
|
ประเทศอินเดียนั้น ในตอนกลางของประเทศ โดยเฉพาะแคว้นพิหาร ซึ่งมีคน ๘๐ ล้านคน อุตตรประเทศอีกประมาณ ๖๐ ล้านคน นับถือพระศิวะ ตามสถานที่เคารพจึงมีศิวลึงค์ปักไว้ อันเล็ก อันใหญ่มีมากมายก่ายกอง เคยไปที่เมืองพาราณสี แล้วก็ไปที่เขาเรียกว่า ศิวะเทมเปิล วัดของพระศิวะ นึกว่าอยากจะไปดูว่าเขาไหว้อะไร ก็เดินแทรกฝูงคน คนเป็นพันๆ สกปรกแออัดยัดเยียด เข้าไปถึงที่เขาไหว้ ไม่มีอะไร มีศิวลึงค์โผล่ขึ้นมาในแอ่งน้ำอันหนึ่ง คนก็ไปคลำศิวลึงค์นั้น เอาน้ำตบหัว ลูบหน้า เป็นสิริมงคล อย่างนั้นแหละ แล้วก็ทางที่เดินเข้าไปสู่วัดศิวะนี้ มีศิวลึงค์ขายเยอะแยะ อันใหญ่ อันน้อย ทำด้วยหินอ่อน เท่านิ้วก้อยก็มี พวกนั้น ยังถามว่า สาธุ ไม่ซื้อไปบ้างหรือ ? เลยก็ตอบไปว่า ฉันก็มีอยู่อันหนึ่งแล้ว ขี้เกียจจะไปซื้อแขวนเข้าไปอีกตั้งอัน มันหนักเปล่าๆ เรื่องเป็นอย่างนี้ เขามีกันอย่างนั้น
อันนี้แหละ ที่เมืองไทยเราชอบเอามาผูกสะเอว คือปลัดขิกนั่นเอง ที่เราผู้ชายชอบเอาปลัดขิกมาผูกเอวนั่นแหละ ปลัดขิกนี่มันก็ศิวลึงค์นั่นเอง ทำด้วยไม้อันเล็กๆ เอามาเที่ยวผูกเอาไว้ เขาว่ามันเป็นเสน่ห์ทำให้ผู้หญิงรัก เลยก็เอามาผูกไว้ นี่ไม่ใช่ของพระพุทธศาสนา แต่ว่าหลวงตาชอบทำขายอยู่เหมือนกัน เป็นของศิวลึงค์ เขาทำศิวลึงค์ ต่อมาก็ไหว้ศิวลึงค์ ไหว้กันไปไหว้กันมา พัฒนาเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ทำรูปพระศิวะ ทำรูปครอบครัวพระผู้เป็นเจ้า พระศิวะ พระอุมาเทวี พระขันธกุมาร พระพิฆเณศ เขาทำรูปไว้เยอะ บางทีทำเป็นชุดเลย
เราไปถามว่า นี่อะไร เขาว่า ก็อดแฟมมิลี่ (Cod Family) เรียกว่า ครอบครัวของพระผู้เป็นเจ้า มีครบเลย เอาไปไว้ที่บ้านได้กราบไหว้บูชา เขามีอย่างนั้น. พระพุทธศาสนายังไม่ทำ แม้พวกนั่นจะมีรูปเคารพกันเต็มบ้าน เต็มเมือง พุทธศาสนายังไม่ทำ ยังไม่ทำอะไร ยังไหว้พระพุทธเจ้าโดยการนึกทางใจ นึกถึงพระคุณของพระองค์ เอาธรรมมาเป็นเครื่องปฏิบัติ ยังไม่มีรูปเคารพ แต่ว่าอิทธิพลนี่มันมากขึ้นๆ จนกลายเป็นความต้องการของประชาชน เพราะมันมาก สิ่งที่มันมากก็มีอิทธิพล คนก็เกิดความต้องการ พุทธบริษัทก็พูดว่า เอ้อ เราไม่มีอะไรไหว้เลย มันควรจะมีบ้าง มีอะไรไว้ไหว้บ้าง ก็เลยคิดทำกันขึ้น
แต่ว่าการกระทำนั้น ไม่ได้ทำพระพุทธรูปทีเดียว เขายังเคารพต่อพระพุทธเจ้า ไม่กล้าปั้นรูปพระพุทธเจ้า กลัวทำแล้วจะไม่เหมือน เดี๋ยวปั้นแล้วเหมือนรูปใครเข้าไม่รู้ เลยก็ไม่กล้าปั้นรูปพระพุทธเจ้า เขาทำอะไร ? เขาทำเครื่องหมายแทนพระองค์ ใช้เครื่องหมายแทนทั้งนั้น
เราไปประเทศอินเดีย แล้วก็ไปที่เจดีย์แห่งหนึ่ง เขาเรียกว่า “ศานจิเจดีย์” อยู่ในแคว้นเนปาล ศานจิเจดีย์เป็นเจดีย์เก่าแก่ที่สุดในประเทศอินเดีย ที่เหลืออยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่มีใครทำลาย ยังอยู่ในสภาพเรียบร้อย อยู่บนภูเขา สร้างในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พระเจ้าอโศกมหาราชเป็นผู้สร้างสนับสนุนพระพุทธศาสนามากทีเดียว
แต่ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชนั้น ยังไม่มีรูปเคารพ ยังไม่มีพระพุทธรูป เพราะฉะนั้น ที่เจดีย์ศานจิเจดีย์เราจึงได้เห็นว่า อันใดที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า จะไม่มีรูปพระพุทธเจ้า แต่ว่า เขาจะทำเครื่องหมายแทนไว้
Create Date : 27 ธันวาคม 2564 |
Last Update : 14 เมษายน 2565 8:57:07 น. |
|
0 comments
|
Counter : 410 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|