กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
 
ธันวาคม 2564
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
space
space
25 ธันวาคม 2564
space
space
space

ความเข้าใจเบื้องต้น(๓)



    วันหนึ่ง เราก็มาคิดถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เสียสัก ๒ ครั้ง เรียกว่าคิดสัก ๒ ครั้ง ศาสนาอิสลามนั้น เขาให้คิดถึงพระผู้เป็นเจ้าวันละ ๕ ครั้ง เพราะฉะนั้น คนอิสลามิกชน เขาจึงอยู่ในสภาพที่เรียกว่า เคร่งครัด ปฏิบัติตามหลักคำสอนอยู่ตลอดเวลา เพราะเขาไหว้พระเจ้าอยู่วันหนึ่งตั้ง ๕ ครั้ง นึกถึงพระเจ้าบ่อยๆ

พวกเราพุทธบริษัทที่เป็นนักบวช ได้นึกถึงวันละ ๒ ครั้ง เวลาอื่นเราก็อาจจะนึกถึงบ้าง แต่ไม่ได้ร่วมชุมนุมกันเป็นการใหญ่เหมือนอย่างตอนเข้าตอนเย็น
นอกจากการกระทำอย่างนี้แล้ว ถ้าเราได้นึกถึงพระองค์บ่อยๆ ก็เป็นการช่วยให้เราเกิดกำลังใจในการปฏิบัติอะไรที่เป็นไปในทางที่ดีงามต่อไป เพราะการที่นึกถึงบุคคลที่ประเสริฐที่สุดในโลก พระองค์ท่านได้กระทำอะไรที่เป็นประโยชน์ไว้เหลือหลาย ก็ย่อมทำให้เกิดกำลังใจของเราขึ้นบ้างตามสมควรแก่ฐานะ
แต่การกระทำนั้น จะต้องกระทำด้วยน้ำใสใจจริง ไม่ใช่สักแต่ว่าพอให้พิธีผ่านพ้นไป เราจะต้องทำด้วยใจสงบและด้วยการคิดในเรื่องที่เรากระทำ เรื่องที่เราพูดเราว่านั้นด้วย เพราะฉะนั้น ในการทำวัตรที่วัดนี้ จึงได้มีการกล่าวคำแปลด้วย


   การกล่าวคำแปลนั้นก็เพื่อ จะให้เกิดความซาบซึ้ง ถ้าเราว่าไปเฉยๆ ว่า อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ก็เหมือนกับนกแก้วนกขุนทอง ไม่รู้ความหมาย ไม่เข้าใจความหมาย อันนี้แหละญาติโยมพุทธบริษัทจึงถือเป็นเรื่องขลังไป เช่น ให้ท่องบทนั้นจำนวนเท่านั้นครั้งเท่านี้ครั้ง แล้วจะเกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้ขึ้น นี่ก็เพราะไม่เข้าใจความหมายของเรื่องที่เราว่านั่นเอง
แต่ถ้าเราเข้าใจความหมาย เราก็รู้ว่าสิ่งที่เราว่านั้นคืออะไร เป็นเครื่องเตือนสติ สะกิดใจอย่างไร เราควรจะเข้าถึงสิ่งนั้นโดยวิธีใด ช่วยให้เราก้าวหน้าในการประพฤติปฏิบัติ เพราะฉะนั้น เวลาสวดนี่เราก็ว่ากันไปตามหน้าที่ หลังจากการสวดมนต์ไหว้พระ เราก็นำเอามาประพฤติปฏิบัติ นี้เรียกว่า เป็นการไหว้ที่ถูกต้อง


   เคยพบแขก เป็นคนชั้นธรรมดา เป็นกรรมกรในโรงงานซ่อมรถจักยานยนต์ พอตอนเย็นเขาจะมาที่วัด เมื่อสมัยอยู่ที่แหลมมลายูได้พบกัน
เขามาที่วัด แต่งตัวสะอาด นุ่งขาวห่มขาวเรียบร้อย มาถึงก็คุยกัน ถามว่ามาทำอะไร เขาบอกว่า ผมมาไหว้พระ ก็เลยบอกว่า เอาซิ เข้าไปซิไปไหว้ในโบสถ์ ไปดูทางหน้าต่างว่าเขาไหว้กันอย่างไร ไปถึงเขาก็ไม่ได้จุดธูปจุดเทียนอะไรดอก
ตามปกติคนจีน ผู้ชายก็ตาม ผู้หญิงก็ตาม มาไหว้นี่จุดธูปเป็นซองทีเดียว เผาควันกลบไปในโบสถ์ละ แต่แขกคนนั้นไม่ได้จุดเลย มาถึงก็กราบพระ ๓ ครั้ง ก็มีเสียงสวดมนต์พึมพำๆ พอสมควร คือสรรเสริญพระคุณนั่นเอง
เสร็จจากนั้นแล้วเขาก็นั่งขัดสมาธิ เท้าขวาทับเท้าซ้าย มือขาวทับมือซ้าย (เอาเท้าซ้ายทับเท้าขวา มือซ้ายทับมือขวาก็ได้) หลับตานั่งสงบจิตภาวนา เป็นเวลาตั้งชั่วโมง แล้วจึงได้กลับบ้าน
เขาทำอย่างนี้ทุกวันๆ ตอนเย็นๆ ก็นึกชมอยู่ในใจว่า แม้จะเป็นกรรมกร หาเช้ากินค่ำก็รู้จักไหว้พระที่ถูกต้อง คือไม่ได้ไปไหว้เพื่อสั่นกระบอกเสี่ยงทาย หรือว่า ไปขอร้องบนบานศาลกล่าว แต่ไปไหว้พระเพื่อทำจิตให้สงบต่อหน้าพระพุทธรูป อันเป็นรูปเปรียบแทนพระพุทธเจ้า การกระทำอย่างนั้น เป็นการชอบการควร

   เราเข้าไปในโบสถ์ในวิหาร หรือในที่ใดที่มีพระพุทธรูป ก็ควรจะไปกราบไหว้อย่างนั้น แล้วควรจะไปนั่งสงบจิตสงบใจ เอามุมใดมุมหนึ่งในบริเวณนั้น นั่งหันหน้าเข้าฝาเสียคนมันไม่ยุ่ง ถ้านั่งอยู่ต่อหน้าพระพุทธรูปคนเข้าไปไหว้หลายคนมันลำบาก หันหน้าเข้าฝาเสียเอามุมใดมุมหนึ่งแล้วก็นั่ง นึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อย่างนี้ชื่อว่า เราไปไหว้พระถูกพระ ไปไหว้พระก็ได้พบพระ มันมีความหมายได้คุณได้ค่า แก่ชีวิตของเรามากขึ้น นี่ประการหนึ่ง

 


Create Date : 25 ธันวาคม 2564
Last Update : 14 เมษายน 2565 8:30:27 น. 0 comments
Counter : 591 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space