กระเป๋าเดินทางนิรนาม
ภาพข้าวของภายในกระเป๋าเดินทางที่ถูกทิ้งร้างไว้ และยังหลงเหลืออยู่ในโรงพยาบาลโรคจิตเวช Willard Asylum มหานครนิวยอร์ก เป็นข้าวของชิ้นสุดท้ายของผู้ป่วยที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ในโรงพยาบาลตลอดชีวิต เพื่อให้แยกตัวพวกเขาออกจากโลกภายนอก ข้าวของเหล่านี้ได้บอกเล่าเรื่องราวถึงครั้งหนึ่งในชีวิต พวกเขาเคยมีชีวิตจิตใจ มีครอบครัว มีคนรัก มีข้าวของ มีทรัพย์สมบัติ ก่อนที่ญาติพี่น้องครอบครัวของพวกเขาจะตัดสินใจส่งผู้ป่วยมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ หลายคนจบชีวิตทีนี่และถูกฝังศพไว้ที่สุสานฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาล กลายเป็นคนไร้ชื่อไร้นาม (นิรนาม) ไม่นานก็ไม่มีใครจดจำหรือรู้จักอีกตลอดกาล ภาพเหล่านี้ช่างภาพ Jon Crispin ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพข้าวของในกระเป๋าเดินทางของผู้ป่วย ที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลังที่โรงพยาบาลจิตเวช Willard Asylum ทางตอนเหนือของรัฐนิวยอร์ค กระเป๋าเดินทางรวม 400 ใบถูกค้นพบบนห้องใต้หลังคาโดยถูกวางทิ้งไว้จนถึงปี 1995(2538) นับตั้งแต่ช่วงปีที่ผู้ป่วยเข้ามารักษาในปี 1910-1960(2453-2503) ผู้ป่วยหลายคนเสียชิวิตในโรงพยาบาล และศพถูกฝังไว้ในสุสาน ที่หลุมฝังศพมีเพียงตัวเลขหน้าป้ายหลุมศพ ไร้ชื่อไร้นามผู้ตาย เมื่อผู้ป่วยถูกตัดสินจากครอบครัวญาติพี่น้องแล้วว่า ให้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช Willard Asylum พวกเขาต่างมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางที่เต็มไปด้วยข้าวของส่วนตัว ที่พวกเขาหรือญาติพี่น้องครอบครัวของพวกเขาคิดว่า จำเป็นสำหรับผู้ป่วยเพื่อผ่านช่วงวันเวลาในการใช้ชีวิตภายใน ณ ที่แห่งนี้ แต่หลายคนไม่เคยออกไปจากสถานที่แห่งนี้อีกเลย บางคนถูกทอดทิ้งไว้ ณ ที่แห่งนี้ร่วม 30 ปี ภายในกระเป๋าเดินทางต่างเต็มไปด้วยข้าวของ ที่เปี่ยมล้นด้วยจินตนาการและความทรงจำที่รำลึกถึงอดีตของผู้ป่วย แต่แล้วข้าวของทั้งหมดยังถูกกักขังซ้ำอีกครั้ง บนห้องใต้หลังคาของโรงพยาบาล แล้วหลงลืมไปกับกาลเวลา ในปี 1995(2538) ลูกจ้างโรงพยาบาลได้ค้นพบกระเป๋าเดินทางของผู้ป่วยจำนวน 400 ใบ ที่มีการเก็บรวบรวมไว้ตั้งแต่ปี 1910-1960(2453-2503) ตอนนี้ ช่างภาพ Jon Crispin ได้ถ่ายภาพข้าวของภายในกระเป๋าเดินทางของผู้ป่วย ถ่ายได้เพียงส่วนหนึ่งจำนวน 80 ใบจากกระเป๋าเดินทางทั้งหมด ภาพถ่ายเหล่านี้เป็นการร่วมรับรู้ชีวิตจิตใจและชะตากรรมของผู้คน ที่เจ็บป่วยไม่สบายและไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไปอยู่ร่วมกับญาติพี่น้องครอบครัวหรือสังคมภายนอกอีกเลย ส่วนหนึ่งของชีวิตที่ผ่านมา กระเป๋าใบนี้เป็นของ Anna ภายในมีจดหมายที่ไม่ได้จ่าหน้าซองถึงเธอ แปรงสีฟันหนึ่งคู่ เข็มขัดและผ้าคาดเอวสีฉูดฉาด เช่นเดียวกับ รองเท้าและหมวก
กระเป๋าใบนี้เป็นของ Frank C ทหารผ่านศึกสหรัฐจาก Brooklyn มหานครนิวยอร์ค ภายในมีชุดอุปกรณ์ซ่อมแซมเสื้อผ้า อุปกรณ์ชุดดูแลเครื่องแต่งกายและผมเผ้าให้เรียบร้อย ปืนเด็กเล่น บัตรปันส่วนขนมปัง และของอื่น ๆ ตามภาพ ภาพถ่ายของตนเองและครอบครัว ชุดเครื่องแบบทหารสหรัฐ Frank C ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี แม้ว่ามันจะถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางตั้งแต่ปี 1950(2493) จนกระทั่งถูกค้นพบอีกครั้งในปี 1995(2548) ภาพถ่ายครอบครัว Frank C ที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง ตามประวัติแล้วเขาไม่เคยออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้อีกเลย เหมือนกับผู้ป่วยจำนวนมากที่เสียชีวิตที่นั่น ทุกศพจะถูกฝังในหลุมฝังศพที่ไร้ชื่อไร้นามมีแต่ตัวเลขกำกับไว้เท่านั้น
ภาพกระเป๋าเดินทางที่ถูกทอดทิ้งแล้วโดย Frank C ไม่มีสัญญาณอาการป่วยทางจิตเลย ภายในกระเป๋าเดินทางจะเห็นว่ามีการจัดข้าวของอย่างเป็นระเบียบ ช่างภาพ Jon Crispin ให้สัมภาษณ์กับ MailOnline " เรื่องราวที่ผ่านมาจะเป็นเรื่องจริงหรือเีรื่องไม่จริง ก็คือว่า ผู้ป่วยเหล่านี้ต่างเป็นนักโทษภายในอย่างจริงแท้แน่นอน ครอบครัวญาติพี่น้องพวกเขาต่างละทิ้งพวกเขา พวกเขามอบกระเป๋าเดินทางให้กับผู้ป่วย หลังจากได้ตัดสินใจเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว โดยครอบครัวญาติพี่น้องผู้ป่วยได้จัดเตรียมข้าวของให้ทั้งหมด หรือให้ผู้ป่วยจัดเตรียมข้าวของด้วยตนเอง ให้ลองมองไปที่ข้าวของในกระเป๋าเดินทางเหล่านี้ แล้วลองคิดดูว่า คนเหล่านี้มีชีวิตจริง ๆ อยู่ข้างนอกอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะเดินทางมาอยู่ในที่นี่ Frank C อดีตทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่สองจาก Brooklyn มหานครนิวยอร์ค ได้นำเครื่องแบบทหารสหรัฐ ซึ่งยังคงเก็บรักษาไว้ในสภาพเหมือนเดิมในกระเป๋าเดินทาง และยังมีภาพถ่ายของตนเองและภาพถ่ายของครอบครัวด้วย ยังมีภาพบางส่วนในช่วงหนึ่งของชีวิตภายในกองทัพสหรัฐ กับภาพการใช้ชีวิตที่บ้านเกิดเมืองนอนหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ส่วนกระเป๋าเดินทางที่เป็นของสตรีผู้หนึ่งที่ชื่อ Anna ได้เปิดเผยให้เห็นว่า เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานกับงานรื่นเริงงานปาร์ตี้ต่าง ๆ เธอบรรจงวางรองเท้าส้นสูงคู่ที่ทันสมัย และหมวกที่สวยเก๋จำนวนหลายใบ เข็มขัดที่ประดับประดาด้วยเลื่อมลายสีทองบาง ๆ ที่บ่งบอกถึงการใช้ชิวิตที่หรูหรา อย่างมีรสนิยมในการสังสรรค์และแสดงตัวตนในงานเลี้ยงต่าง ๆ " Dmytre เจ้าของกระเป๋าเดินทางใบนี้ เป็นหนึ่งในผู้ป่วยไม่กี่คนในโรงพยาบาลแห่งนี้ที่เป็นที่รู้จักกันดี เขาเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ในปี 1953(2496) และอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลา 24 ปี เสียชีวิตในปี 2000(2543)
Flora T. เห็นได้ชัดว่าเป็นสตรีชนชั้นสูง(ไฮโซ) มีข้าวของอย่างดี เช่น ขวดน้ำหอม วงแหวนที่รูดผ้าเช็ดปากทำด้วยเงิน แต่ก็มีด้านมืด(ด้านไม่ดี)ของข้าวของที่สะสม คือ ชุดเข็มฉีดยาและยาเสพติดที่ใช้ฉีด
ชุดยาเสพติดของ Flora T. ดูเหมือนว่าจะเป็น strychnine sulfate เป็นยาที่ใช้รักษาโรคลมชัก ไม่มีใครทราบว่าเธอถูกส่งตัวมารักษา ณ ที่แห่งนี้ ด้วยเหตุผลอันใด " Willard Asylum เป็นโรงพยาบาลรักษาโรคจิตเวช ที่ถูกสร้างขึ้นและใช้งานตั้งแต่ปี 1800-1995(2343-2538) มีแต่เพียงคำบอกเล่ากันว่า มีผู้ป่วยหลายพันคนที่เคยรักษาตัวที่นี่ และหลายพันคนที่จบชีวิตลงที่นี่เช่นกัน ตอนนี้ใช้เป็นสถานที่ฟื้นฟูสมรรถนะร่างกายและรักษาคนป่วยที่เสพย์ยาเสพติด กล่องกระดาษแข็งที่ใส่ข้าวของ Eleanor G. มีชุดม้วนผมคีมคู่ที่ทำด้วยเหล็ก ชุดซ่อมแซมเสื้อผ้า น้ำหอมในขวดแก้วที่เป่าด้วยช่างฝีมือทำแก้ว แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ในตอนที่ถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาล ภาพข้าวของทั้งหมดได้ทำให้ผมต้องหวนคิดคำนึงว่า ข้าวของทั้งหมดเป็นของส่วนตัวของผู้ป่วย เมื่อเพ่งมองไปที่ข้าวของเหล่านี้ ย่อมจะจินตนาการได้ว่า เจ้าของเดิมมีการใช้ชีวิตเป็นอยู่อย่างไร จากภาพถ่ายกระเป๋าเดินทางรวม 80 ใบ แต่กฎหมายรัฐนิวยอร์คห้ามไม่ให้ช่างภาพ Jon Crispin รายงานชื่อเจ้าของกระเป๋าเดินทางที่ตรวจสอบกับบันทึกรายชื่อคนป่วยของโรงพยาบาลได้ แม้ว่าจะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของผู้ป่วยที่สมบูรณ์ถูกต้องมากขึ้น เพราะผู้ป่วยทุกคนจะต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเรื่องความลับหรือสิทธิของผู้ป่วย ผู้ป่วยหลายคนถูกส่งตัวมารักษาที่นี่ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา เช่น Epilepsy โรคลมชัก ทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่พักพิงตลอดชีวิต หญิงสาวที่เป็นโรค hysteria ชายที่เป็นเกย์และหญิงที่เป็นเลสเบี้ยน คุณแม่ที่ไม่สามารถทนทุกข์ทรมานกับความเศร้าโศกที่สูญเสียลูกวัยสามเดือนหรือน้อยกว่านั้น ผู้ป่วยทั้งหมดต้องถูกครอบครัวหรือญาติพี่น้องตัดสินใจให้ส่งตัวมา ณ ที่แห่งนี้ " กระเป๋าเดินทางของผู้ป่วยในอดีตที่ถูกพบบนห้องใต้หลังคา มีข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของผู้ป่วย ที่มากับพร้อมกับการเดินทางมาถึงและการจากไปของเจ้าของ ภายในมีข้าวของตั้งแต่สิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มีมูลค่าไม่มีราคา จนกระทั่งข้าวของราคาแพง ข้าวของเหล่านี้ได้บอกเล่าเรื่องราวชีวิตเจ้าของในอดีตที่ผ่านมา เป็นความทรงจำที่น่าเศร้าสลดและหดหู่ใจ มีชุดเด็กทารกที่เย็บด้วยมือจากเจ้าของเสื้อผ้าที่หวังจะมอบให้เด็กทารกที่เสียชีวิตไปแล้ว สามีที่ใช้ความรุนแรงกับภริยาเพราะพิษสุรา จดหมายวิงวอนขอความช่วยเหลือให้พาไปจากที่นี่หรือพาหลบหนี ที่ไม่เคยส่งถึงผู้รับ ภาพสาวยุโรปกำลังละเล่นสนุกสนานบนชายหาด เอกสารประจำตัวบุคคลที่ทางรัฐการออกให้ รองเท้าสเก็ตน้ำแข็ง หนังสือปรัชญา วรรณกรรมและบทกวี ลังกระดาษใส่ขาเทียมที่มีรายละเอียดจ่าหน้าว่าส่งให้กับ Willard จาก Henry L.
ช่วงของวันเวลา Peter L. เพิ่งจะซื้อหนังสือพิมพ์ Syracuse มหานครนิวยอร์ก ก่อนวันที่จะถูกส่งตัวมา ณ ที่แห่งนี้ วันที่ 22 มีนาคม 1941(2484) ชำรุดทรุดโทรม กระเป๋าเดินทางของ Clarissa B แสดงให้เห็นถึงสภาพการใช้งานที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีร่องรอยของความชำรุดทรุดโทรม แต่กระเป๋าใบนี้ก็ถูกเก็บไว้นานจนเกือบลืมกว่าหลายทศวรรษ
Eleanor G. มีกล่องกระดาษหลายใบที่เก็บสะสมข้าวของเครื่องใช้ บางกล่องที่เก็บขวดน้ำหอมราคาแพง อุปกรณ์เครื่องดัดผมไฟฟ้าแบบคีมคู่ และอุปกรณ์ซ่อมแซมเสื้อผ้า
Charles พร้อมกับ Zither พิณประเภทหนึ่งที่นำมาพร้อมกับการเข้ามารักษาอาการเจ็บป่วย ณ ที่แห่งนี้ ในช่วงปลายปี 1930(2473) ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาได้รับอนุญาตให้เล่นมันอีกหรือไม่ ขวดใส่กลีเซอรีนพร้อมกับจุกไม้ก๊อก พบในกล่องเก็บข้าวของ Maude K. พร้อมกับที่ทับกระดาษที่ระบุปี 1893(2436) งานแสดงสินค้าโลกมหานครชิคาโก้
ภาพเบื้องหลังการถ่ายภาพของ Jon Crispin
ผมยังไม่ค่อยแน่ใจมากนักกับการเข้าร่วมงานในโครงการนี้ แต่ผมอยากจะโพสต์ภาพบางอย่างเพื่อรับข้อเสนอแนะหรือคำติชม ในปี 1995(2538) เจ้าหน้าพิพิธภัณฑ์สถานรัฐนิวยอร์ค จะถูกย้ายจากสถานที่ทำงานจากศูนย์โรคจิตเวช Willard Psychiatric Center ที่กำลังจะถูกปิดตัวลงโดยสำนักงานสุขภาพจิตแห่งรัฐนิวยอร์ค และจะเปลี่ยนให้เป็นศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยยาเสพติดของรัฐนิวยอร์ค Craig Williams ได้ตระหนักถึงห้องใต้หลังคาที่เต็มไปด้วยกระเป๋าเดินทางของผู้ป่วย ที่เดินทางมารักษาอาการเจ็บป่วยที่ศูนย์แห่งนี้ กระเป๋าเดินทางจะถูกขนย้ายจากอาคารห้องปฏิบัติการพยาธิวิทยามาเก็บรักษาไว้ที่นี่ นับตั้งแต่สถานที่แห่งนี้ถูกจัดตั้งขึ้นมา เพื่อรักษาผู้คนที่มีอาการเจ็บป่วยโรคทางจิตเวชเรื้อรัง แต่ผู้คนเหล่านี้กับกระเป๋าเดินทางเหล่านี้ไม่เคยกลับออกไปอีกเลยเป็นจำนวนมาก ทางพิพิธภัณฑ์ได้เตรียมการที่จะย้ายกระเป๋าเดินทางเหล่านี้ ไปยังคลังเก็บของอีกแห่งที่ Rotterdam บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างได้จัดหมวดหมู่และทำการหีบห่อกระเป๋าเดินทางและข้าวของ อย่างระมัดระวังและพยายามอย่างยิ่งที่จะอนุรักษ์ข้าวของภายในกระเป๋าเหล่านี้ นิทรรศการกระเป๋าเดินทางที่ถูกคัดเลือกให้มานำแสดงโดยพิพิธภัณฑ์ และมีการจัดแสดงอีกครั้งที่ Albany ในปี 2003 (2546) หรือ 2004(2547) รวมทั้งมีการนำไปแสดงทั่วรัฐนิวยอร์ก ข้าวของภายในกระเป๋าเดินทางได้บอกเล่าเรื่องราวเจ้าของกระเป๋า แสดงให้เห็นว่าเจ้าของมีการใช้ข้าวของในชีวิตจริง ก่อนที่จะมารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งนี้ สำหรับกระเป๋าเดินทางใบนี้เป็นของ Freda B ..... (แม้ว่าผมต้องการที่จะระบุนามสกุลของเธอ ไว้ ณ ที่นี่ แต่หลังจากการอภิปรายและถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในสถานที่สาธารณะ ประเด็นว่าใครก็ตามที่เคยรักษาตัวอยู่ที่ Willard หรือสถานที่รักษาโรคจิตเวชแห่งอื่น ๆ ควรได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเรื่องความเป็นส่วนตัว ผมจึงต้องลงเอยและยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องกระทบต่อชีวิตจิตใจของผู้คน และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของผู้คนที่เกี่ยวข้องได้ ดังนั้นจึงลงเอยด้วยว่า เธอไม่มีนามสกุล) ผมสนใจมากกับกระเป๋าเดินทางเหล่านี้ ผมชอบมากกับความคิดเรื่องการจัดเก็บข้าวของ ด้วยความเอาใจใส่และทุ่มเทอย่างจริงจัง ที่พิพิธภัณฑ์ได้ทำลงไปในเรื่องเหล่านี้ และผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ที่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพข้างของเหล่านี้ ที่บอกเล่าเรื่องราวของชีวิตผู้คนในอดีต ที่พยายามต่อสู้อย่างมากกับความเครียดและโลกที่สับสน เรื่องราวเหล่านี้ในตอนเริ่มต้นโครงการนี้ ผมต้องต่อสู้กับความคิดในใจของผมเล็กน้อย ว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องราวเหล่านี้ กระเป๋าเดินทางพวกนี้เคยผ่านการถ่ายภาพมาก่อน แต่ในรูปแบบการถ่ายภาพที่แตกต่างกันอย่างมาก แต่แล้วอุปสรรคอย่างแรกดูเหมือนว่าจะแก้ไขได้ เมื่อผมเข้าใจและเข้าถึงเรื่องราวต่าง ๆ เรื่องต่อไปคือ เวลา ที่ผมคิดว่าผมสามารถบริหารจัดการได้ แต่เรื่องที่ใหญ่ที่สุดคือ เงินทุน ที่มีบางสิ่งบางอย่างที่ผมจำเป็นต้องทำ และในที่สุดสิ่งที่ตามมาคือ โครงการนี้ กลายเป็นนิทรรศการเรื่องราวที่ดีเยี่ยมอีกนิทรรศการหนึ่ง หรืออาจจะเป็นหนังสือจำนวนหนึ่ง ผมได้ทำงานร่วมกับ Dr.Karen Miller รวมทั้งเสนอความคิดบางอย่างกับ Dr.Karen Miller นักเขียนและจิตแพทย์ เธอยังใช้เวลาส่วนหนึ่งกับกระเป๋าเหล่านี้ และทำงานวิจัยเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของผู้ป่วยใน Willard ทำให้พวกเราได้พบเห็นเรื่องราวที่ผ่านมาจากกระเป๋านิรนาม ในขณะเดียวกัน ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะส่ง Link นี้ไปให้กับใครก็ได้ที่สนใจเรื่องราวแบบนี้ และเพื่อใครก็ได้ที่จะได้ให้ข้อเสนอแนะหรือคำติชมใด ๆ ขอได้รับความขอบคุณจากผม ผมเพิ่งจะกลับเข้ามาที่ Rotterdam เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อจะถ่ายภาพกระเป๋าเดินทางที่ขนย้ายมาจาก Willard Asylum ให้มากขึ้น และเพื่อตรวจสอบทบทวนโครงการนี้ ผมเริ่มต้นอย่างช้า ๆ เพื่อวางแผนถ่ายภาพกระเป๋าเดินทางในโครงการนี้ ถึงแม้ว่า ข้าวของภายในแต่ละกระเป๋าเดินทางจะจัดเตรียมไว้แล้วโดยพิพิธภัณฑ์ แต่ผมตั้งใจว่าจะไม่รับรู้ว่ามีข้าวของใดบ้าง ก่อนที่เริ่มจะถ่ายภาพ มีบางสิ่งบางอย่างที่ค่อนข้างประหลาดใจกับบรรดาข้าวของที่อยู่ภายในภระเป๋าเดินทาง ทำให้ผมเข้าใจและเข้าถึงการใช้ชีวิตผู้คนเหล่านี้ และผมต้องการที่จะเข้าใจและเข้าถึงเรื่องราวเหล่านี้ เพราะผมพยายามที่จะบอกเล่าเรื่องราวบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับชีวิตของใครบางคน ที่เคยใช้ชีวิตภายนอกก่อนจะเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งนี้ กระเป๋าเดินทางใบแรกของ Anna ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้า ผมเชื่อว่าข้าวของได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วก่อนที่เธอจะมาถึง Willard พิพิธภัณฑ์ระมัดระวังอย่างมากในการดูแลข้าวของแต่ละรายการ Anna มีชุดเสื้อผ้าที่สวยงามจริง ๆ เสื้อผ้าของเธอทุกชิ้นมีป้ายชื่อติดไว้ และผมเชื่อว่าพวกมันถูกเย็บติดไว้แล้ว ก่อนที่เธอจะมาถึง Willard ด้านล่างนี้เป็นกระเป๋าเดินทางใบที่สองของเธอ กระเป๋าใบนี้มีเสื้อผ้าน้อยชิ้นลง แต่มีของใช้ส่วนตัวเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมชอบวัสดุ/กระดาษที่พิพิธภัณฑ์ ใช้ในการป้องกันกระเป๋าเดินทางและข้าวของต่าง ๆ ผมชอบมากกับรูปแบบการออกแบบอย่างนี้ เมื่อตอนที่ผมถ่ายภาพตึกร้างในโครงการก่อนหน้านี้ ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ย้ายข้าวของที่ผมพบโดยบังเอิญ แต่สำหรับการถ่ายภาพข้าวของพวกนี้กับแตกต่างจากเดิม ผมจำเป็นต้องจัดข้าวของบางอย่างเพื่อถ่ายภาพ แต่ผมไม่ต้องการที่จะทำให้มีสภาพเหมือนการจัดฉากจนเกินไป จริง ๆ แล้ว ผมทำงานอย่างรวดเร็วขณะที่ผมยิงภาพถ่าย กระเป๋าเดินทางใบนี้มีหมวกหลายใบ และรองเท้าที่ดูน่าทึ่งมาก ยังมีหลักฐานบางอย่างที่เกี่ยวกับชีวิตของเธอก่อนที่จะมาที่ Willard ซองเก็บหวีผมที่สวยงาม ผมไม่แน่ใจเลยว่า คนที่เข้ามาอยู่ใน Willard จะหลงเข้าำไปอยู่ในดินแดนภายในจิตใจ ระหว่างที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้หรือไม่ แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ผมคิดว่าไม่ใช่ เพราะจดหมายฉบับนี้น่าจะบอกเล่าเรื่องราวที่เธอได้รับมาก่อนจะมาถึงที่นี่ และด้วยเหตุผลที่ซองจดหมายฉบับนี้ไม่ได้ระบุชื่อว่าส่งให้ Anna ทำให้ผมต้องสงสัยเรื่องราวเกี่ยวกับความสำคัญหรือชื่อเสียงที่โด่งดังของเธอ ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างมากสำหรับ Craig Williams พิพิธภัณฑ์รัฐนิวยอร์ค สำหรับการอนุญาตให้ผมเข้าไปถ่ายภาพเหล่านี้ได้ รวมทั้งเรื่องราวของภาพที่ผมได้กล่าวถึงในบทความก่อนหน้านี้ ผมจะขอบคุณเป็นอย่างมากสำหรับข้อเสนอแนะหรือคำติชมใด ๆ เพราะผมเองก็ยังคิดไม่ออกสำหรับโครงการนี้ รวมทั้งผมยังไม่มีเงินทุนสนับสนุนเพียงพอที่จะกระโดดเข้าใส่ เพื่อค้นหารายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติม แต่ผมหวังอย่างยิ่งว่าจะรักษาข้าวของชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหล่านี้ เพราะมีเรื่องราวอีกมากมายเกี่ยวกับผู้คนที่เดินทางมาพร้อมกระเป๋าเดินทาง และผมควรที่จะทำงานให้มากขึ้นกับโครงการนี้ให้คืบหน้ายิ่งขึ้น ผมหวังอย่างยิ่งที่จะรวบรวมเบื้องหลังชีวประวัติของผู้คนร่วมกับภาพถ่ายเหล่านี้ หมายเหตุ ผลงานภาพถ่ายของ Jon Crispin ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการเกี่ยวกับสุขภาพจิต จัดที่ Exploratorium พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ในซานฟรานซิสโก นิทรรศการที่ชื่อว่า เผชิญหน้าการเปลี่ยนแปลงกับเรื่องอะไรที่เรียกว่าปกติ(หรือธรรมดา) The Changing Face of What is Normal ? เรียบเรียงจาก https://www.facebook.com/Dr.KomatraChuengsatiansup?hc_location=stream //goo.gl/gFJas //www.exploratorium.edu/press-office/press-releases/changing-face-what-normal-mental-health //joncrispin.wordpress.com/2011/03/18/willard-asylum-suitcase/ //joncrispin.wordpress.com/2011/07/24/willard-asylum-suitcase-2/ //dict.longdo.com/ //google.co.th
Create Date : 30 มิถุนายน 2556 |
|
6 comments |
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2557 16:47:10 น. |
Counter : 3630 Pageviews. |
|
|
|
บอกเล่าเรื่องราวของชีวิตของเจ้าของ
เป็นนิทรรศการที่มีคุณค่า น่าสนใจ และอยากชมมากค่ะคุณ ravio
ขอบคุณสำหรับการเรียบเรียงเรื่องน่าอ่านเรื่องนี้นะคะ