หิมาลัยต้องใช้หูฟัง # คัมภีร์ สรวมศิริ
สำนักพิมพ์ a book
พิมพ์ครั้งที่ 2 ตุลาคม 2557
จำนวนหน้า 527 หน้า ราคา 325 บาท
คำโปรย...
บันทึกการเดินทางหนึ่งเดือนเต็มของหมอไทย
ที่แบกเป้ออกค่ายอาสาบนเทือกเขาหิมาลัยในอินเดีย
คนเป็นหมอถูกฝึกให้ฟังเสียงของผู้ป่วย ทั้งเสียงพูด เสียงหายใจ เสียงลำไส้
เสียงเลือดในเส้นเลือด หรือเสียงหัวใจ และอุปกรณ์ที่เราถูกฝึกให้ใช้คือ หูฟัง
น่าแปลกที่ในการเรียนการสอนวิชาแพทย์ ไม่มีการสอนให้เราฝึกฟังหัวใจของตัวเอง
สามสิบวันที่ผมได้อยู่กับตัวเองในอินเดีย ทำให้ผมเรียนรู้ที่จะฟังหัวใจตัวเองมากขึ้น
และหนังสือเล่มนี้ก็คงเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าผมไม่ฟังหัวใจตัวเอง และเริ่มต้นลงมือเขียนในวันนั้น
บันทึกการเดินทางของหมอห้องฉุกเฉินชาวไทยนายหนึ่ง
ที่ตัดสินใจลางานหนึ่งเดือนเต็มเพื่อเข้าร่วม Himalayan Health Exchange (HHE)
โครงการที่ชักชวนบุคลากรทางการแพทย์และนักศึกษาแพทย์ทั่วโลก
ออกค่ายอาสา เดินสายตรวจรักษาชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกลในเขตหิมาลัย
แน่นอนว่าเราไม่เคยรู้จักโครงการที่ว่านี้มาก่อน และเดาไม่ได้ว่า
ประสบการณ์การเดินทางสุดเฉพาะทางนี้จะพาเราไปเจออะไรบ้าง
แต่อะไรบางอย่างก็ทำให้เชื่อได้ว่ามันจะสนุกแน่ๆ
#####################
หนังสือเล่มนี้สะดุดเราตั้งแต่เห็นชื่อแล้วค่ะ ชอบชื่อ หิมาลัยต้องใช้หูฟัง เป็นชื่อที่ทำให้ต้องหยิบค่ะ อย่างน้อยๆ ก็มาพลิกดูข้างหลัง ว่านี่มันเกี่ยวกับอะไร
และระหว่างที่เรากำลังพลิกหน้าพลิกหลังอยู่นั้น ... น้องสาวก็หยิบ หิมาลัยต้องใช้หูฟัง อีกเล่มไปจ่ายเงินแล้ว เย้ๆๆๆๆ ดีใจสรุปได้อ่านฟรี
นอกเรื่องออกทะเลไปซะแล้ว กลับมาที่หนังสือเล่มนี้ค่ะ
เป็นบันทึกการเดินทาง ก็คล้ายๆ ไดอารี่ ที่บรรจุเรื่องราวในแต่ละวันที่ผู้เขียนได้พบเจอ ตลอดสามสิบวันของการเดินทาง .... แต่มัน ต่าง จากบันทึกการเดินทางอื่นๆ ที่เราเคยอ่าน ตรงวัตถุประสงค์และกลุ่มคนที่ร่วมเดินทางนั่นเอง
ในช่วงแรกจะเล่าถึงสามวันแรกในอินเดีย ที่ผู้เขียนตั้งใจไปเที่ยวฉายเดี่ยวก่อนจะร่วมทีมเดินทางกับค่ายอาสา ... ตรงนี้อ่านไปก็ทั้งสงสาร และทั้งตลก กับบรรยากาศในเดลี และสถานที่ท่องเที่ยวหลักอย่างทัชมาฮาล ที่ไม่ว่าจะข้อมูลจากไหนก็ตรงกันไปหมด และแม้จะศึกษาข้อมูลไปบ้าง ก็ไม่วายเสียทีแขกอินเดียอยู่ดี
พอหมดเวลาเที่ยว ก็ถึงเวลารวมทีม เพื่อออกเดินทางในโครงการค่ายอาสา HHE
ผู้เขียนได้พบกับเพื่อนใหม่ ต่างชาติ ต่างภาษา ที่มารวมกลุ่มกัน และการเดินทางในเส้นทางที่ลำบากและได้ร่วมกันทำงานก็สร้างมิตรภาพให้พวกเขา
ถึงตอนเล่าเรื่องการเดินทางสู่หิมาลัย อยากบอกว่าลุ้นมาก 5555 รู้สึกเหมือนเกาะติดไปกับเป้ของหมอเก๋อเลยทีเดียว (แบบว่าถ้าให้ไปเดินเองก็คงตายอยู่ตั้งแต่ลงเดินรอบแรกแล้วเลยคิดว่าเกาะเป้ไปอาจจะมีทางรอดบ้าง)
การเดินทางที่อาศัยสองขาของตัวเองผ่านเขาลูกแล้วลูกเล่า ผ่านทุ่งหญ้า ผ่านที่ราบ ผ่านแม่น้ำ ผ่านหมู่บ้าน ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากกว่า 3000 เมตร จนขึ้นสู่จุดสูงสุด ชิงโกลาพาส ที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 5100 เมตร โดยที่ยังมีแรงเหลือเพื่อออกหน่วยตรวจคนไข้ในแต่ละวันอีกนี่ถือว่าเก่งสุดๆ
ที่ชอบมากๆ ในหนังสือเล่มนี้คือภาพประกอบ เป็นภาพบันทึกการเดินทางที่ถ่ายสวย รู้สึกมีชีวิตชีวา ชอบภาพในบท ทางช้างเผือก มากเป็นพิเศษค่ะ ฝีมือถ่ายภาพไม่ธรรมดาจริงๆ
และอีกอย่างที่ชอบคือ การตั้งชื่อตอน ปกติเราอ่านหนังสือแบบไม่ค่อยสนชื่อตอนเท่าไหร่ แต่มาเล่มนี้รอดูเลยค่ะ ว่าตอนต่อไปชื่ออะไร -- และจะสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องในตอนนั้นไหม 55555 จะมาหักมุมอะไรหรือเปล่า
สรุปว่าเป็นบันทึกการเดินทางสู่เทือกเขาหิมาลัยในแบบค่ายอาสา ที่อ่านสนุก ถึงไม่ได้อยู่แวดวงการแพทย์ก็อ่านได้ไม่มีปัญหาค่ะ เน้นบอกเล่าประสบการณ์ของผู้เขียนในเดินทาง ไม่ได้อัดแน่นไปด้วยข้อมูลการท่องเที่ยว การเตรียมตัวอะไรแบบนั้น แต่การเป็นการเล่าเรื่องที่ทำให้เรามองออกไปสู่โลกกว้าง ... และยังกระตุ้นให้เรารู้จักฟังเสียงหัวใจตัวเอง