พลับพลึงสีชมพู ๑-๒ # ศรีทอง ลดาวัลย์
สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม
พิมพ์ครั้งที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๔๗
จำนวนหน้า ๙๐๐ หน้า
คำโปรย...
หัวใจหนึ่ง...หยิ่ง ทระนงเกินกว่าจะกล่าวคำรักออกมาได้
อีกหัวใจหนึ่งก็ดุจเดียวกัน...รักและรอคอยคำรักโดยมิยอมเอ่ยปากก่อน
แม้ไม่มีคำรักจากฝ่ายใด หากหัวใจสองดวงต่างศิโรราบ
ให้แก่กันและกันอย่างหมดหัวใจ...
#################
ขอยกคำนำสำนักพิมพ์ ของ บก. รักษ์ชนก นามทอน ที่สรุปความไว้ชวนเคลิบเคลิ้มมากค่ะ
ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำของคืนเดือนแรม ร่างน้อย ๆ ร่างหนึ่ง
ขดซุกอยู่ใต้เงาใบหนาของกอพลับพลึงใหญ่ ร่างนั้นสั่นเทิ้มด้วยความหนาวเย็น
นัยน์ตาประดุจกวางน้อย ๆ หวาดกลัวและตื่นภัยคุกคาม
เพียงแรกที่พานพบ และประจักษ์ในทุกส่วนสัดแห่งเรือนร่างนั้นชัดเจน
ประสาททุกส่วนของเขานั้นชาดิก...นางไม้จำแลงมาหลอกหลอนหรือไฉน
วิศรุต มรุพงศ์ ชายหนุ่มผู้มีประวัติอันลึกลับ อันยากจะมีใครรู้ว่าเขามาจากไหนและเป็นใคร
ด้วยคุณลักษณะอันสง่างาม ท่วงทีผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว และแววตาทิฐิ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมเป็นตัวเขา ขัดแย้งกับสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน
กับหัวใจที่แห้งแล้งมาตลอดชีวิต เขาได้สัมผัสกับความอบอุ่นสุขสดชื่นอีกครั้ง เมื่อเธอ...ซึ่งเปรียบเสมือนละอองไอน้ำอันเย็นฉ่ำได้ผ่านเข้ามาในชีวิต
เธอจะเป็นใครมาจากไหน แม้แต่ชื่อเสียงของเจ้าหล่อน เขาก็ไม่เคยสนใจไต่ถาม
เขารู้เพียงว่า เธอเป็นผู้หญิงมีเสน่ห์น่ารัก เธอคือพลับพลึงผู้อ่อนหวาน
แฝงไว้ด้วยความดื้อถือดีนิด ๆ แต่มีเหตุผล เธอคือแม่บ้านผู้ทำอะไรที่เกี่ยวกับงานบ้านไม่เป็นเลย
แต่ก็มีความพยายามจนน่าขันน่าเอ็นดู...
ใช่แน่ ... แม่พลับพลึงสีชมพู
เธอเข้ามาในชีวิตเขาในคืนฝนพรำ
และเธอก็จากไปพร้อมสายฝนเช่นเดียวกัน
เขาเฝ้าติดตามค้นหา หวังให้เธอกลับมาเคียงคู่ใจ แต่ทุกอย่างกลับมืดมน
ทั้งสิ้นไร้ร่องรอยใด ๆ
ไม่มี...แม้แต่เงาของหล่อน!
ในความเงียบเหงาและโหยหาของหัวใจนั้น กลับมีเงาเงาหนึ่งเข้ามาแทนที่...
สโรชา หญิงสาวผู้พรั่งพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง เธอมีอำนาจเหมือนเปลวไฟสีเงิน
ที่น่าแตะต้องโลมไล้ หากทว่าฤทธิ์ที่รู้ความร้อนของมัน ทำให้ต้องขยาด
ตรงข้ามกับแม่พลับพลึงของเขาโดยสิ้นเชิง หล่อนนำชีวิตเข้ามาผูกพันกับเขา
พร้อมกับความยุ่งยากใจที่ล้วนเป็นเหตุมาจากหล่อนเพียงผู้เดียว
ทุกครั้งที่สโรชาเคียงข้าง หัวใจของเขายิ่งร่ำร้องเรียกหาพลับพลึงผู้จากไป
ในความรู้สึกบอกว่าเธอยังอยู่ใกล้ๆ
เขาหวัง... เพียงขอให้พลับพลึงกลับมาอีกครั้ง ไม่ว่าสถานะอันแท้จริงหล่อนจะเป็นอย่างไร
เขาก็จะรักและเก็บแม่พลับพลึงสีชมพูไว้ในหัวใจตลอดกาล...
จากใจ...
เป็นนิยายที่เหมาะจะไปทำละครเป็นอย่างยิ่งจริงๆ ค่ะ ไม่แปลกใจเลยที่มีละครออกมาแล้วหลายรุ่น
เราเคยดูตอนเด็กๆ ก็รุ่นพี่เบิร์ดกับมนฤดี จำรายละเอียดไม่ได้แต่ว่าชื่อละครนี้มันติดตรึงอยู่ในใจมาจนบัดนี้
เรื่องราวเริ่มด้วยความกุ๊กกิ๊กน่ารักปนหวานของพระนางและเหล่าเพื่อนพระเอกในบ้านหลังน้อยของพระเอก
ที่เขาใจดีรับเอาเด็กสาวที่คิดว่าพเนจรมาไว้ในบ้าน ไม่ถามไม่ไถ่อะไร
ตั้งชื่อใหม่ให้เสร็จสรรพ ว่าพลับพลึง แล้วก็มอบหมายหน้าที่แม่บ้านให้
หารู้ไม่ ว่าเจ้าหล่อนเป็นถึงลูกสาวเศรษฐี ที่เกิดอยากทดลองมาอยู่อย่างคนธรรมดา
และเพื่อศึกษาผู้ชายใจดีที่เธอพึงใจแต่แรกพบ
งานนี้ก็เลยต้องมีการปลอมตัวเพื่อแสดงสองบทบาท
ระหว่างพลับพลึงผู้น่ารักบริสุทธิ์ กับ คุณสโรชา สาวนักเรียนนอกผู้ปราดเปรียวเฉิดฉาย
ต่อมาเรื่องชักจะวุ่นวาย เมื่อวิศรุตต้องเข้าไปพัวพันกับวังของพระองค์หญิง
ซึ่งเขารับเป็นนายหน้าติดต่อซื้อที่ดินให้กับบิดาของสโรชา
เรื่องอันเกี่ยวเนื่องกับชาติกำเนิดของเขาที่เจ้าตัวไม่ต้องการเปิดเผย
แต่คนรอบข้างกลับระแวงด้วยความแค้น ความริษยา
และความหวังผลประโยชน์ ทำให้สร้างเรื่องราวยุ่งยากติดตามมา
ส่วนเรื่องหัวใจนั้น แม่พลับพลึงของเขา กลับกลายเป็นกุหลาบงามเกินเอื้อมถึง
แม้จะคิดว่าใจตรงกัน แต่ด้วยความเจียมตัว และความมีทิฐิของทั้งคู่
ทำให้ไม่เข้าใจกันซะที
ที่เห็นได้ชัดเจนในนิยายรุ่นเก่าเรื่องนี้ คือความเป็นสุภาพบุรุษของตัวละครชาย
ประทับใจมากกับพระเอกและเพื่อนชายร่วมบ้านอีกสามคน
ที่ให้นางเอกอยู่ร่วมบ้านในตอนแรก แล้วนางเอกทำกับข้าวห่วยมาก
แต่ไม่มีใครปริปากต่อว่าต่อขานให้เจ็บช้ำ
... แต่ก็ขัดใจพระเอก กับความเป็นสุภาพบุรุษและเสียสละซะเหลือเกินในตอนท้ายๆ
ประเภทสละตัวเองรับผิดชอบหญิงคนหนึ่งเพื่อป้องกันความเสื่อเสีย
และต้องยอมปล่อยนางเอกเจ็บปวด
นิยายเรื่องนี้มีครบรสนะคะ ทั้งน่ารัก หวานๆ มีความขัดแย้งแก่งแย่งแข่งขันของหมู่ผู้ชาย
ความอิจฉาริษยาแย่งผู้ชายกันในหมู่สาวๆ ความดราม่าสะเทือนใจ มีพระเอก นางเอก
เพื่อนๆเหล่าตัวสร้างสีสัน มีผู้ร้ายจริง ผู้ร้ายปลอม แต่อย่างไรก็ตาม
จบท้ายด้วยความสุขสมหวังทุกประการ คนอ่านก็ยิ้มได้ค่ะ
เรื่องนี้พิมพ์ครั้งแรกเมื่อนานมากแล้ว หาข้อมูลดู ปรากฏว่า
เคยพิมพ์ตั้งแต่ ปี 2511 ลองดูได้ที่บล็อกคุณสามปอยหลวงนะคะ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=sampoiluang&month=28-07-2014&group=6&gblog=97
ดังนั้น สำนวนภาษาในเรื่องก็ออกแนวโบราณหน่อยค่ะ
แต่ไม่มีศัพท์ยาก อ่านสบายๆ ค่ะ
ตอนที่อั้ม พัชราภาแสดงเป็นเรื่องแรก(มั้ง)
เป็นละครเย็น ดูแล้วก็น่ารักดี