สัญญาใจ Jayne Ann Krentz
จะว่าไปแล้วเดสเดโมนาก็มีลางสังหรณ์ลึกๆอยู่แล้วว่างานแต่งงานของลูกค้ารายนี้จะต้องล่มไม่เป็นท่าแต่เมื่อเธอไม่ยอมเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองจึงต้องอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ต้องเรียกเก็บเงินค่าจัดงานวิวาห์กับเจ้าบ่าวที่ถูกทิ้งจากเจ้าสาวเป็นครั้งที่สองในชีวิตถึงเธอจะสงสารแซม สตาร์คสักเพียงใดแต่เมื่อมันคือธุรกิจก็ต้องเป็นธุรกิจที่อาจจะใจดำไปสักนิด
แซมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงถูกทิ้งจากเจ้าสาวอีกครั้งแต่ครั้งนี้ก็ทำให้เขาได้คิดว่าชีวิตของเขาดูจะไม่เหมาะสมกับการแต่งงานเสียจริงๆ แต่อย่างน้อยคิดในแง่ดีเลิกรากันเสียตั้งแต่ยังไม่มีผูกพันกันทางกฏหมายที่ไร้ความรักจะดีกว่าต้องมาวุ่นวายในการหย่าร้างภายหลังหากอีกอย่างที่เรื่องยุ่งของงานแต่งล่มส่งผลดีสำหรับชีวิตแบบเขาก็คือเดสเดโมนานักจัดงานมืออาชีพคนนี้
หากจะให้เดสเดโมนาบอกตัวเองว่าอย่ารับปากในสิ่งที่จะทำให้เธอยุ่งยากไปกว่าเดิมเธอก็ดูจะทำไม่ได้สัญญาทางธุรกิจชั้นดีที่เธอทำกับแซมไม่ควรส่งเสริมให้เธอเอาตัวไปพัวพันกับผู้ชายที่เหมือนจะไร้หัวใจและพูดจากับคอมพิวเตอร์ได้เข้าใจมากกว่าพูดคุยกับผู้คนรอบข้างได้มากกว่าแต่จะให้โทษอะไรเดสเดโมนาก็ขอโทษในความเป็นคนในสกุลเวนไรท์ที่มีอารมณ์อ่อนไหวแบบศิลปินก็แล้วกัน
ยิ่งได้รู้จักตัวตนของเดสเดโมนาเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดที่ทั้งสองจะเหมือนกันเสียเลย สำหรับเธอครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญ แต่สำหรับแซม มันช่างต่างกันตลอดชีวิตเขายืนหยัดมาด้วยตัวเอง หากสิ่งที่เดสเดโมนาศรัทธาก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายระหว่างเธอและเขาที่มันร้ายแรงจนอาจจะทำร้ายใครสักคนหนึ่งที่ขวางทางธุรกิจที่ไม่ซื่อสัตย์นี้ก็เป็นได้
แม้แซมจะพร่ำบอกใครๆว่าเขาไม่ต้องการคำว่าครอบครัวแต่เดสเดโมนากลับไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดเลยแม้แต่น้อยบางอย่างที่เขาทำช่างต่างกันไปโดยสิ้นเชิงและยิ่งทำให้เธอไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์นี้จบลงเพียงเพราะการที่เธอเป็นคนของเวนไรท์ที่ศรัทธาและมุ่งมั่นกับคำว่าแต่งงานและสิ่งที่สำคัญกว่าในตอนนี้ก็คือการตามคนร้ายที่อาจจะใส่ร้ายคนในครอบครัวของเธอที่กำลังคุกคามธุรกิจของแซมอย่างเอาเป็นเอาตายเสียมากกว่า
ตอนนี้คำว่ารักคืออะไรผู้ชายที่พูดภาษาคอมพิวเตอร์ได้เข้าใจมากกว่าการเข้าสังคมอย่างแซมก็ได้รู้จักแล้วรวมทั้งคำว่าคนในครอบครัวอีกเช่นกันครั้งนี้เขารู้ดีว่าจะทำเช่นไรเพื่อไม่ให้งานวิวาห์ในครั้งที่สามของตัวเองล่มไม่เป็นท่าความรักความเชื่อใจและความศรัทธาในคำว่าซื่อสัตย์ต่อกันและกันจะเป็นคำสัญญาที่ผูกใจเดสเดโมนาได้มากกว่าสัญญาใดๆบนโลกนี้
ช่วงนี้หายหน้ารีวิวไป ไม่ใช่ว่าหนีหายไปไหนหรือว่าอู้นะคะ แต่ไม่ค่อยมีอะไรโดนใจให้รีวิวค่ะ มานึกได้ว่าฟีน่าอ่านนิยายแปลไว้เล่มหนึ่ง เคยสัญญาว่าจะเอามารีวิวให้เพื่อนๆ จะได้ไม่เบื่อกัน มีของใหม่ๆ มานำเสนอบ้าง เอาแบบที่เรียกว่า ไทย จีน ฝรั่งครบครันทุกรสชาติไปเลยค่ะ คนรีวิวไม่เบื่อ คนอ่านก็จะได้ไม่เบื่อเช่นกัน
หลังจากตัวเองห่างหายจากวงการนิยายแปลไปสักพักใหญ่ นานมากเกือบห้าปีได้ เพราะช่วงนั้นรู้สึกไม่เร้าใจกับการอ่าน เนื่องจากเคยบ้าคลั่งที่อ่านแต่นิยายแปลเท่านั้น จนมันอิ่มตัว ตอนนี้ได้หันกลับไปซบอกใหม่ เพราะนิยายไทยก็ชักเริ่มอืดๆ แล้ว หยิบเล่มนี้มาจากงานหนังสือเพราะมีน้องที่อ่านนิยายด้วยกันบอกว่าสนุกดี แต่มันนิยายแนวสมัยใหม่นะพี่ พระเอกไม่ใช่ดยุค (ประเด็นคือฟีน่าบ้าพระเอกเป็นดยุคค่ะ) มีคนบอกสนุก แบบไหนก็จะลองล่ะ ดองมาสักพัก จนจะเข้างานหนังสืออีกรอบ ทุบไหกระเทียมฝรั่งมาจัดการเสียทีค่ะ
พระเอกของเราจะบอกว่าซวยไหมที่เจอเจ้าสาวทิ้งกลางงานแต่งเป็นหนที่สอง ก็ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะว่าอีตาพระเอกเป็นพวกไร้หัวใจนิดๆ แต่งงานเพราะคำว่าเหมาะสมของแท้ เจ้าสาวดูมีคุณสมบัติเป็นภรรยาได้ ไม่ต้องรักก็โอเค ก่อนแต่งก็ต้องเซ็นสัญญากันก่อนอีก แบบนี้สาวคนไหนจะไปกล้าเสี่ยง เจอเจ้าสาวทิ้งครั้งนี้ก็ไม่ถึงกับย่ำแย่เพราะมีประสบการณ์มาแล้ว แต่ที่มันเด็ดดวงกว่าทุกครั้งคือ ไม่ได้แต่ง แถมต้องมาจ่ายค่าเสียหายให้กับนักจัดงานอีก แต่ในความโชคไม่ดี ก็มีของดี เมื่อนางเอกคือนักจัดงานมืออาชีพ คนแบบเขาที่เข้าสังคมได้ย่ำแย่ที่สุด ก็ถือโอกาสจ้างเธอมาจัดงานเลี้ยงต่างๆให้ แถมแพ็คเกจเสริม เป็นเจ้าภาพฝ่ายหญิงให้แทนเสียเลย ทั้งหมดก็ควรจะเป็นแค่การจ้างงานที่ลงตัวทั้งสองฝ่าย แต่ลึกๆ ลงไปแล้วทั้งคู่ดูจะมีอะไรที่ติดตาต้องใจกัน จนสถานะระหว่างกันไม่ใช่แค่นั้น ได้พ่วงสถานะกึ่งแฟนมาด้วย แต่การคบหาของคนที่มีพื้นเพต่างกันอย่างสิ้นเชิงจะไปรอดได้หรือ เมื่ออีกคนศรัทธาในคำว่าครอบครัวที่ต้องช่วยเหลือกัน แต่อีกคนไม่เคยเชื่อในคำนั้นเลย แม้ว่าเนื้อในเขาโหยหาคำนั้นเสมอมา รวมไปถึงคนร้ายที่ต้องการคุกคามผลงานของพระเอกเนื่องจากมันมีมูลค่ามหาศาล คนที่เขาสงสัยอาจจะเป็นคนที่นางเอกรักเป็นที่สุดก็เป็นได้
การหวนกลับมาอ่านนิยายแปลแบบไม่จริงจังอีกครั้งของฟีน่าถือว่าโอเคอยู่นะคะ แม้ว่าบางเล่มจะอ่านไปแล้วไม่ค่อยโดนเท่าไร แต่เรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องที่พูดได้ว่าสนุกค่ะ ความรักที่เริ่มจากความปรารถนาของคนที่แตกต่างกันอย่างมากๆ กลับเติมให้อีกฝ่ายเต็มได้ พระเอกที่ไม่เคยเข้าใจคำว่าครอบครัว และมองว่าญาติของนางเอกเหมือนจะหลอกใช้เธอ ในฐานะคนเดียวของตระกูลที่มีงานทำมั่นคงที่สุด แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย แม้ญาติคนอื่นของนางเอกจะเหมือนมีชีวิตที่ล้มเหลวในงานของตัวเอง แต่สิ่งที่มีคือความรักในกันและกัน ทุกคนมีประโยชน์และจริงใจกับนางเอกมาก อาจจะดูเพี้ยนๆ ไปบ้างตามประสาพวกศิลปินก็ตามที ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ามันเป็นความรักของคนในครอบครัวที่พึ่งพาอาศัยกันได้โดยไม่นั่งคิดเล็กคิดน้อยว่าทำไมฉันต้องมาทำเรื่องพวกนี้ให้เธอ แต่จะบอกว่านางเอกก็ถือว่าโชคดีที่ญาติของเธอจัดว่าเป็นคนดีส่วนมาก เพราะความรักแบบนี้มันก็เสี่ยงกับการหลอกได้ง่ายมาก จึงไม่แปลกที่พระเอกจะรู้สึกไม่เห็นด้วยการที่นางเอกเชื่อใจง่ายขนาดนั้นแบบไม่เผื่อใจไว้ว่าอาจจะโดนหลอกได้
ที่พระเอกเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายก็มีเหตุผลที่ทำให้รู้สึกว่าพระเอกกึ่งๆ น่าสงสารเล็กน้อย เขาเป็นขั้วตรงข้ามนางเอกไปหมด ค่อนข้างไร้ความโรแมนติค แข็งๆ ตามประสาคนสนใจไอทีมากกว่างานศิลปะ แต่ในความเหมือนจะไม่สนใจโลก เขาก็มีมุมที่แสนดีแบบที่นางเอกก็เป็นแค่เขาไม่รู้ โดยเฉพาะการยอมรับที่จะดูแลน้องชายคนละแม่ซึ่งกำลังจะเติบโตแบบที่เขาเคยเป็นมาก่อน แต่เขาผ่านมันมาได้เพราะความเข้มแข็งของตัวเอง แต่น้องๆ ของเขาอาจจะไม่ได้โชคดีแบบนั้น การยื่นมือเข้าไปช่วยที่เหมือนจะไม่เต็มใจในครั้งแรก ค่อยๆ เปลี่ยนตัวเขาเองให้เป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งพร้อมจะเชื่อในคำว่ารักและครอบครัวบ้างแล้ว
สำหรับส่วนของเรื่องร้ายๆ ที่เป็นปมให้เรื่องมีความตื่นเต้นมากขึ้นกว่าแค่เรื่องรักของพระเอกและนางเอก ก็ถือว่าสร้างปมขึ้นมาให้เราสงสัยได้ว่าอาจจะเป็นคนนั้น คนนี้ คนที่นางเอกไว้วางใจมาก และกลายเป็นคนที่ไว้วางใจไม่ได้เลย ที่จะมาในมุกตอกย้ำถึงจิตใจคนยากแท้หยั่งถึงก็เป็นได้ แต่พูดเลยว่าอ่านไปตัวคนร้ายจริงๆ เหมือนว่าโผล่มาให้เห็นเองด้วยคำพูดบางคำที่อ่านแล้วรู้เลยว่าคนร้ายตัวจริงคือคนนี้เอง มันก็เหมือนนิยายแนวสืบสวนนิดๆ ทั่วไป แต่มันสนุกตรงที่ว่าที่เราเดามันถูกไหม และเรื่องจะตอบมุมมองของพระเอกหรือนางเอกมากกว่ากัน
และปกติฟีน่าจะเป็นคนอ่านคำนำนิยายก่อน แต่เรื่องนี้ไม่ได้อ่านค่ะ ข้ามผ่านไป จนอ่านจบแล้วย้อนกลับมาอ่านใหม่ ทำให้รู้ว่าเรื่องนี้เป็นงานรีปรินท์อีกครั้ง หลังจากที่เคยพิมพ์มาแล้วตั้งแต่ปี 2538 แสดงว่าเรื่องนี้พิมพ์มาราวๆ ยี่สิบปีได้นะคะ แต่มันยังคงความทันสมัยของเนื้อเรื่องไว้แบบที่เกือบจะเอะใจแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเรื่องมันก็คล้ายๆ นิยายแนวนี้อยู่ มีทั้งแฮคเกอร์และนักจัดงานวิวาห์ แต่พอรู้แบบนี้ก็ทำให้คิดถึงประเด็นในเรื่องบางอย่างมันเหมือนบอกเราอยู่แล้วว่าเรื่องมันเก่า อย่างเช่นในเรื่องนี้ไม่มีใครที่มีโทรศัพท์มือถือใช้เลยสักคนเดียว ซึ่งไม่ได้เฉลียวใจเลยนะคะ ความที่เรื่องพูดถึงการรับส่งอีเมล์กันปกติ โดยที่เราลืมไปว่าสังคมอเมริกาเรื่องพวกนี้มีนานแล้ว รู้สึกเลยว่าการเล่าเรื่องของนักเขียนเขาเป็นอะไรที่ร่วมสมัยที่สุดคือ หรือไม่ก็เพราะงานมารีปรินท์ใหม่จึงได้เกลาสำนวนให้ทันสมัยไปในตัว แต่มันก็ไม่ใช่ประเด็นอะไรมากนัก เพราะเนื้อเรื่องมันสนุกค่ะ ชวนให้อ่านว่าสองคนนี้จะหาจุดตรงกลางระหว่างกันได้ยังไง คนหนึ่งมาจากครอบครัวที่ใช้อารมณ์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และมีญาติอีกจำนวนหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิต แต่อีกคนเหมือนจะไร้หัวใจ และไม่ศรัทธาเรื่องพวกนี้เลย แต่คำตอบที่ได้ก็คือความรักทำให้ทุกอย่างลงตัว เขาเปิดใจให้กับครอบครัวและการใช้ชีวิตที่มีความรู้สึกมาเป็นส่วนสำคัญ คนที่เย็นชาแบบพระเอกจึงมีมุมมองเปลี่ยนไป และมันก็ทำให้สิ่งที่เขาเคยเชื่อว่ากระดาษและข้อความทางกฏหมายจะมีคุณค่ากว่าความรักก็ไม่เหมือนเดิม สำหรับนางเอก ไม่จำเป็นต้องมีสัญญาก่อนแต่งงานกันเลย เพราะเขาไม่เคยคิดเรื่องนี้ในหัวเมื่อรักนางเอก เขาเชื่อในตัวเธอ เชื่อในคำสัญญารักระหว่างกัน และเชื่อมั่นว่าเธอผู้ที่นำความเปลี่ยนแปลงนี้มาให้คนที่เคยเป็นแค่หุ่นยนต์แบบเขาจะได้อยู่กับคำว่ารักนิรันดร์จริงๆ