ที่รู้สึกทะแม่งๆที่สุด คือ ขนาดฉากรักนางยังอุตส่าห์คิดอุทานหาพระพุทธเจ้าในใจได้ อ่านไปก็เอ่อ.. มันใช่เวลาไหมเนี่ย แถมเป็นการอุทานแนวที่ถ้าเป็นนิยายฝรั่งก็ "Oh my god, how can he make me feel so..." คือมายก็อดในฉากนั้นแบบฝรั่งมันโอเคอ่ะ เหมือนคำพูดติดปากแสดงอารมณ์ช็อก ตื่นเต้น ฯลฯ เท่านั้น แต่พอใช้คำว่า พระพุทธเจ้า ในฉากนั้นนี่...ค่อนข้างผิดที่ผิดทาง...
ไม่พูดเรื่องเหมาะสมไม่เหมาะสมแล้วกัน อันนั้นแล้วแต่คน แต่ลองคิดดูนะ ตามธรรมชาติชาวพุทธ เราจะเรียกหาพระหาเจ้าเวลาขอความคุ้มครองจากเรื่องไม่ดีอย่างจริงจัง เวลาที่รู้สึกทุกข์ จิตใจไม่มั่นคง แต่ฉาก Bed scene นี่มันเป็นสถานการณ์ที่ดีเพราะเป็นจุดที่ความรักมัน take into action จะบอกว่าครั้งแรกของผู้หญิงก็ไม่แปลกที่จะ feel insecured โอเค มัน insecured จริง แต่มันเป็นแบบอ่อนไหวต้องจิกเล็บกับผ้าปู (จะให้ฟินต้องจิกหลังพระเอก55) มันคนละแนวกันเลย
จะว่าไปฟีน่ารู้จักงานเจ้เอ็ม ออสม่าก็คงจะเรื่องนี้เลย ตอนนั้นคือลิขิตรักต่างแดนภาคหนึ่งและสอง จะแบ่งเป็นตอนมินตรากับพันวา อ่านจบแล้วรู้สึกชอบแนวนิยายของนักเขียนคนนี้จัง ดูไม่ค่อยน่าเชื่อว่าจะพิมพ์(ตอนนั้น)ในสนพ.ที่ได้ชื่อว่าออกงานแนวโรมานซ์จ๋า ก็เริ่มเก็บงานของเจ้เอ็มมาตลอด จนเรื่องนี้กึ่งๆ จะหาไม่ได้กันไประยะหนึ่ง และเมื่อหมดสัญญาก็เลยนำเอามารีไรท์ยกเครื่องใหม่หมด เกิดเป็นมินตราเวอร์ชั่นนี้ค่ะ เวอร์ชั่นที่แกนหลักของเรื่องยังคงอิงบางส่วนจากการพิมพ์รอบแรก แต่ใส่อะไรเข้าไปใหม่ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ซึ่งฟีน่าจะไม่ขอพูดถึงเวอร์ชั่นแรกมากนัก เพราะสารภาพเลยว่าจำอะไรแทบไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าอ่านแล้วชอบอยู่เหมือนกันนะ แต่สู้ตอนพันวาไม่ได้
แรกเริ่มของเรื่องก็อาจจะรู้สึกว่าพล็อตแนวๆ มหาเศรษฐีหล่อรวยที่มองผู้หญิงเป็นแค่ความสัมพันธ์ที่ใช้เงินหาซื้อได้ แต่ตัวนางเอก เธอไม่ได้เล่นตัว ที่พยายามหลบเลี่ยงเพราะเธอไม่ได้โง่ที่จะมองไม่ออกว่า พ่อนักธุรกิจใหญ่หวังอะไรจากเธอ ไม่ต้องไปแสดงออกว่ารังเกียจหรือป่าวประกาศว่าให้ตายก็ไม่ได้เห็นขาอ่อน ใช้ความนิ่งสยบทุกอย่างจนพระเอกกลับรู้สึกว่าเสียหน้า เสียฟอร์มหน่อยๆ ที่เธอไม่อยากจะยุ่งวุ่นวายกับเขา ยื่นข้อเสนอที่น่าจะวิน-วิน เธอก็ไม่เอาอีก แต่คนอย่างเขาถ้าหมายมั่นปั้นมือจะปล่อยให้รอดไปคงยาก และเมื่อจะมีตัวช่วยที่ไม่น่ายินดีมาทำให้ทั้งคู่ต้องถูกผูกติดกันมากขึ้น เมื่อได้รู้จักตัวตนของอีกฝ่ายที่ไม่ใช่แค่สิ่งที่ฉาบไว้เป็นแค่เปลือก ก็เริ่มลึกซึ้งจนกลายเป็นความรักชนิดที่ใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องคนที่ตัวเองรักได้
รู้สึกว่าดีมากที่จำอะไรจากเวอร์ชั่นแรกแทบไม่ได้ ดังนั้นจึงเหมือนอ่านนิยายใหม่ไปเลยค่ะ จึงไม่จำเป็นที่ว่าต้องไปหาเวอร์ชั่นแรกมาอ่านไหม คือถ้าอยากเห็นพัฒนาการของนักเขียน ของตัวละครในเรื่องการถูกรีไรท์ใหม่ก็ไปลองหาอ่านนะคะ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะส่วนตัวฟีน่าชอบในเวอร์ชั่นนี้มากกว่าค่ะ มันดูจริงจังกว่า สมเหตุสมผลกว่า
ถ้าอ่านนิยายของเจ้เอ็มกันมาหลายเล่ม จะรู้สึกถึงว่าไนเจลมีความคล้ายคลึงกับป๋าเอเดรียนจากเขย่ารักมาเฟียไม่น้อย ความโหด โฉดและอันตรายอาจจะยังไม่ถึงโลกของคาลาเบรียน ไนเจลเองก็ใช่ย่อยๆ ไม่งั้นคงไม่ถูกเรียกว่าพ่อมดในวงการธุรกิจของเขา ไนเจลไม่ใช่มหาเศรษฐีประเภทที่ว่าเห็นความสวยแล้วตกหลุมรักในทันใด เพราะระดับเขาผ่านมาทุกระดับความสวยแล้ว รักแรกพบจึงไม่มี มีแค่เพียงแรกที่อยากได้มีความสัมพันธ์ที่เร่าร้อนกับสาวงาม แต่ถึงมันจะไม่ได้เต็มไปด้วยความรู้สึกแบบอ่อนหวาน สีชมพู หากลึกๆ เราก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ไนเจลจงใจเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับมินตรา เจ้าเล่ห์นิดๆ ร้อนแรงและการหว่านเสน่ห์ที่เราดูทรงออกว่า เดี๋ยวแกก็แพ้ภัยตัวเอง มินตราออกจะมีเสน่ห์แบบแปลกๆ แบบนี้ เล่นๆ กลายเป็นของจริงแบบถอนตัวไม่ขึ้นแน่นอน
สำหรับมินตรา เธอไม่ใช่แค่ผู้หญิงสวย แต่ฉลาดมากจนสามารถรับมือไนเจลได้ทุกอย่าง แถมยังตอกกลับเขาได้อีก เป็นอะไรที่อยากจะปรบมือให้ว่า สวย มั่นของแท้ เพราะมีดีให้หยิ่งยโส ที่ไม่อยากชิดใกล้ ไม่อยากสุงสิง ไม่ใช่จะเล่นตัว ไม่ใช่ว่าเขินอายจนกลายเป็นว่าหลบหน้าเพราะกลัวเขารู้ความในใจ แต่ไม่ต้องการถูกจับให้เป็นผู้หญิงบนเตียง กว่าเธอจะรู้สึกถึงความรักที่มีให้ไนเจล ก็เรียกว่าต้องผ่านบททดสอบมาไม่น้อย เธอจึงดูเป็นผู้หญิงไร้หัวใจรักและความอ่อนหวานแบบคนอื่นๆ แต่สิ่งที่ทำให้มินตราเป็นผู้หญิงที่เหมาะควรกับไนเจลก็คือความเสียสละที่เธอมีให้กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ซึ่งกลับถูกตามจองล้างจองผลาญจากคนที่เรียกว่าเป็นครอบครัว นางเอกคิดแบบนี้ไม่ต่างจากที่ไนเจลลงมือทำ มันจึงเป็นสิ่งที่เราเรียกให้ง่ายๆก็คือ คนศีลเสมอกัน ก็เป็นคู่ที่ดีต่อกันได้
ในหน้าคำนำนักเขียนได้เขียนไว้ว่า เรื่องนี้อาจไม่ใช่นิยายที่หวานมากนัก ถ้าเทียบกับเวอร์ชั่นแรก(ที่กลับไปเปิดใหม่) ก็คงจะจริงค่ะ เพราะเล่มเก่าเนื้อเรื่องจะออกในทางเบาๆ กว่า นางเอกดูเป็นเด็กกว่า คิดเห็นอะไรเหมือนว่ามินตราในอายุน้อย แต่พอมาเล่มนี้มินตราสะสมประสบการณ์มาเยอะเท่ากับจำนวนปีที่ห่างกันของการรีไรท์ ดังนั้นมุมมองของมินตราจึงเปลี่ยนไป โลกในนิยายจึงไม่ใช่แนวแบ๊วๆ น่ารัก แต่มินตรามีความจริงจังมากขึ้น เหมือนที่เธอบอกว่าหลายคนออกปากว่าเสียดายความสวยของเธอ ที่ไม่ใช้ให้คุ้มค่า ล้วนแต่เต็มไปด้วยความเย็นชากับเพศตรงข้าม เธอจะมาเริ่มรู้จักความอ่อนหวานก็ตอนที่คิดได้ถึงคำของคุณย่าว่าเมื่อได้รักใครแล้ว ก็จงรู้จักจะมีความอ่อนหวานในความรู้สึกอย่าเก็บงำหรือปิดบังมันเอาไว้
แต่ถ้าถามฟีน่า ฟีน่ากลับรู้สึกว่านี้มันเป็นสไตล์ของนักเขียน อ่านมาหลายเล่มก็หวานประมาณนี้นะคะ นางเอกนิยายของเจ้เอ็มไม่มีเล่มไหนเลย จะมาอายม้วน บิดผ้าเช็ดหน้า เม้มปากหน้าแดง แอบมองพระเอกด้วยสายตาฉ่ำหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า แต่ละคนแสบทรวงกันทุกคน กว่าจะรัก กว่าจะยอมลงให้ กว่าจะยอมปลงใจว่าเขาคือคนที่เธอรักก็ผ่านไปไม่น้อย ยิ่งถ้าอ่านเขย่ารักมาเฟีย ก็จะเห็นเลยว่ามินตราก็ไม่ได้ต่างจากหนูพรีมสักเท่าไรเลย ถ้าไม่ผ่านการพิสูจน์อย่างหนักหน่วง อย่ามาคิดว่าแค่หล่อ รวย ฉลาด จะมาทำให้ฉันตกหลุมรักและพร้อมจะเรียกว่าเป็นแฟนกันได้ ถึงเขาจะมีหัวทางด้านธุรกิจแต่กับนักวิชาการอย่างเธอ บางอย่างมันไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ ทัศนคติของคุณกับของฉันต่างกันอย่างสิ้นเชิง
มันก็พอๆกับไนเจลนั่นละคะ สาวสวยใครจะไม่หวังอยากมีอะไรด้วย แต่ปฏิเสธก็ใช่ว่าจะรามือ ตอนนั้นก็ยังไม่รัก แค่อยากเอาชนะด้วย มันจึงไม่อ่อนหวานอย่างแน่นอน แต่ความเป็นตัวของตัวเองของมินตรามันก็ทำให้สายตาและความรู้สึกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จะบอกว่าไม่หวานก็ใช่นะคะ แค่อย่างที่บอกว่าไม่ได้เจอหน้าแล้วรักกันเลย พูดจาหวานหูใส่กันจนน้ำตาลจะเคลือบเล่ม มันต้องมีการบู๊ล้างผลาญ ระเบิดภูเขาเผากระท่อมอะไรให้ได้ยืดเส้นยืดสายกันบ้าง แต่พอตาสว่างแล้วสิ่งที่แสดงออกก็เป็นความรักที่หนักแน่นกว่าลมปากหวานเลี่ยน
ธีมของเรื่องในการที่นางเอกต้องมาพัวพันแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็เปลี่ยนไป เป็นประเด็นของการฆ่าเพื่อรักษาเกียรติยศของวงศ์ตระกูล ซึ่งถ้าใครดูข่าวก็คงพอรู้จักการฆ่าแบบนี้นะคะ แต่เนื้อเรื่องไม่ได้ลงไปลึกแบบเป็นนิยายกึ่งสารคดี แค่ใช้ความคิดแบบนี้มาเป็นตัวเดินเรื่อง เราเป็นคนที่โตมาในสังคมที่ค่อนข้างสบาย เมื่อไรที่เห็นข่าวแบบนี้ก็จะรู้สึกทันทีว่าโชคดีมากที่ไม่ต้องถูกบังคับจิตใจกันเสมือนหนึ่งเป็นแค่สิ่งของไร้จิตใจ จะถูกทำอะไรก็ได้ เพียงเพราะว่าเป็นผู้หญิงที่ต้องถูกฆ่าเพื่อรักษาเกียรติของตระกูลทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด ซึ่งการเปลี่ยนธีมในตรงนี้สร้างฐานที่มั่นคงว่าอะไรคือสิ่งที่พิสูจน์ตัวเองของนางเอกและพระเอกว่าทั้งสองเป็นคนที่ศีลเสมอกันอย่างแท้จริง มันดูหนักแน่นกว่า ไม่เลื่อนลอย จนอาจจะทำให้นักเขียนรู้สึกว่าความจริงจังในจุดนี้ทำให้เรื่องหวานน้อยหรือเปล่า
ที่คิดเช่นนั้นอาจจะเพราะฉากพูดจาอ่อนหวานต่อกัน แสดงออกถึงความรักหรือเปิดเผยความรู้สึกในใจมีไม่มาก นิยายไม่ได้เล่มหนาแบบเขย่ารักมาเฟียก็เลยได้อยู่ในปริมาณประมาณนี้ เชื่อว่าถ้าเล่มยาวก็คงจะมีฉากสวีทมากขึ้น แต่ฟีน่าเองไม่ได้รู้สึกว่าตรูอ่านอะไร ใช่นิยายรักจริงหรือ เพราะฟีน่าก็รู้สึกว่าสองคนนี้เขารักกันนะคะ แต่รักแบบไม่โฉ่งฉ่าง ไม่ต้องมานั่งกุมมือสบตาหวานใส่กัน แต่เพราะการกระทำที่ทำให้อีกฝ่ายมันบอกว่าเขารักกันจริงๆ ความห่วงใยและการช่วยเหลือแบบที่อาจจะเอาชีวิตไปทิ้งแบบนั้นเป็นข้อพิสูจน์ว่ามันมีความหมายกว่าคำพูดมาก ตัวนางเอกเองก็ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นอะไรด้วย เกิดเหตุการณ์ที่สั่นคลอนความรู้สึก เธอก็ยังพอมีสติให้ไตร่ตรองว่าเป็นความจริงหรือแค่แผนการบางอย่างของเจ้าเล่ห์สุดติ่งแบบพระเอก แน่นอนว่าเธอไม่โง่แบบที่ประกาศกับพระเอก ก็เลยไม่มีมุกแนว ผิดใจกันเพราะข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ เอะอะก็จะไปจากชีวิตจนต้องให้พระเอกปล้ำทำเมียจะได้ยอมรับฟังความจริง (หรือมันเป็นแผนที่จะรวบหัวรวบหางพระเอกเลยไม่ฟังเสียเลย เขาจะได้ปล้ำสักที)
คำผิดในเล่มมีบ้างเล็กน้อย แต่มาจากการพิมพ์ตกหล่นหรือการตรวจต้นฉบับที่ผิดพลาดไปบ้างนะคะ เล่มนี้ยังไม่เจอสำนวนแปลกๆ หรืออะไรแบบที่เคยบอกไปบ้างในเล่มอื่นๆ
แต่ที่รู้สึกเล็กน้อยก็คือตัวแฮโรลด์ความที่ฟีน่าชอบตอนพันวามากกว่าตอนมินตรา ทำให้ฟีน่าหวงแฮโรลด์แทนพันวามาก ไม่รู้ละว่าตอนจบมันเป็นความรู้สึกลึกซึ้งแค่ไหน แต่เวอร์ชั่นเดิมฟีน่าจำไม่ได้ว่าแฮโรลด์มีความรู้สึกแบบนี้กับใครหรือเปล่า เพราะท้ายเล่มมินตรามันรู้สึกถึงความจริงจังในสัมพันธ์ครั้งนี้ ถ้ามีแค่บางเบาเราอาจไม่รู้สึกว่าต้องมาหวงแทนพันวา แต่กับตัวของไนเจลและมินตรา ฟีน่าชอบบุคลิกของตัวละครในแบบเวอร์ชั่นนี้มากว่านะคะ ไม่ต้องหวานมาก แต่มีความโรแมนติคในระดับที่พอประมาณ ช่วงแรกมินตราอาจจะดูเย็นชานิดๆ ไม่มีความรู้สึกอ่อนหวานหรือส่งสัญญาณว่าจะรักไนเจลเลย แต่เพราะการสร้างความมั่นคงในสายสัมพันธ์เลยทำให้พอมาจริงจังมันดูสมเหตุสมผลมากกว่า ไม่ต้องหวานให้มากมายแต่ให้มีความพอดีในเนื้อเรื่องแบบนี้ดีกว่าค่ะ ใครที่ชอบนิยายไม่ต้องเน้นความเลี่ยน ชอบทัศนคติในแบบจริงจังทั้งความรักและการใช้ชีวิตในมุมต่างๆ เมื่อทุกอย่างมีจังหวะของตัวเอง ต้องรอความพร้อมที่ลงตัวความรักเป็นรูปแบบความคิดแบบผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกนิด ไม่ใช่นิยายรักแท้เพียงแค่สบตาหรือเธอสวยจนตกหลุมรักหรือเซ็กส์ของเราเข้ากันได้แบบไม่เคยเจอมาก่อน นิยายของออสม่าเป็นสไตล์ที่ใช่กับรสนิยมของคนอ่านแนวนี้เลยค่ะ ฟีน่าเป็นคนที่อ่านนิยายทั้งหวานจ๋อยและจริงจัง ก็เลยไม่เกี่ยงงอนและรู้สึกว่าเล่มนี้ผ่านการรีไรท์แล้วมีความสมจริงสมจังกว่าเดิม และชอบมากกว่าเดิมด้วย แม้ว่าคนเขียนจะบอกว่าหวานน้อยกว่าเวอร์ชั่นแรกก็ตามที แต่เราเป็นคนที่ชอบอะไรบนโลกความจริงมากกว่า เพ้อฝันได้แต่ไม่เพ้อเจ้อ ขอเลือกมินตราเวอร์ชั่นนี้นะคะ