GERD ...... โรคกรดไหลย้อน
ช่วงนี้เจ้าของบ้านอาการไม่ค่อยจะดีนัก.... ป่วยทั้งกาย ป่วยทั้งใจ...555++ เรื่องของเรื่อง ก็คือ หลายเดือนมาแล้ว....มีอาการไอเรื้อรัง แบบหาสาเหตุ-ไม่ได้ เบื้องต้น....ก็วิเคราะห์อาการตัวเองว่าคงเป็นโรคเดิมๆ คือ หลอดลมอักเสบ แต่กินยารักษาตัวเองไประยะนึง อาการก็ไม่ได้ดีขึ้น ยังคงไอมากขึ้น จนนอนไม่ได้ เหนื่อยมากขึ้นทุกวัน แล้วที่สำคัญมีอาการไอแห้งๆ จนอาเจียนทุกเช้า....
Oh Nooooooo....... เค้าม่ะได้เป็น Morning Sickness น๊า.....
น้องๆและเพื่อนฝูงก็เลยจับตัวเข้าห้องหมอ(ไม่ได้ไปปล้ำหมอนะ ตัวเอ๊ง...) สาเหตุที่ต้องจับ เพราะว่าเป็นโรคม่ะชอบหมออย่างรุนแรง ก็กลัวเข็มฉีดยาอะ....มานเจ็บ หมอก็เลยสัญญิงสัญญาว่า "ม่ะฉีดจ้า...แค่เฉือนนิดเดียว" 555++ พูดเล่นกั๋บ หมอก็ซักอาการ ส่งไปเอกซ์เรย์ปอด (คงกลัวเป็นวัณโรค....หรือมะเร็งจะถามหาน๊อ อาการน่าสงสัยอยู่) ก็สรุปว่า ปอดโล่งมาก ไม่มีจุดใดๆให้ต้องสงสัย ก็เลยส่องกล้องดูหลอดอาหาร ก็มีแผลเล็กๆ หมอก็สรุปว่า...."น่าจะเป็น GERD หรือกรดไหลย้อนนะครับ" "กินยาสักเดือนแล้วมาดูกันใหม่อีกที"
เฮ้อ.....กินยาเดือนนึง ก็โอ อยู่น๊า..... งั้นเรามาดูกันมั้ย ว่า โรคกรดไหลย้อนคืออะไร มีอาการแบบไหนบ้าง
โรคไหลย้อนจากกระเพาะอาหารสู่หลอดอาหาร "GERD" (Gastroesophageal Reflux Disease)
เป็นภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการสำคัญ ได้แก่ อาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก และมีรสเปรี้ยวหรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาในปาก การไหลย้อนนี้ ถ้าเป็นเรื้อรังอาจทำให้เกิดพยาธิสภาพในหลอดอาหารขึ้น ได้แก่ หลอดอาหารอักเสบ มีเลือดออกจากหลอดอาหาร และถ้าหลอดอาหาร อักเสบเรื้อรังและรุนแรง อาจจะทำให้ปลายหลอดอาหารตีบและเกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุหลอดอาหารเป็นขั้นรุนแรง อาจกลายเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้ในที่สุด
สาเหตุสำคัญโรคนี้ เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิเช่น
1.ความผิดปกติของหูรูดส่วนปลายหลอดอาหาร ที่ทำหน้าที่ป้องกันกรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหาร มีความดันของหูรูดต่ำ หรือเปิดบ่อยกว่าคนปกติ ความผิดปกติเหล่านี้อาจเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่และยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรค หอบหืดบางตัว 2.ความผิดปกติในการบีบตัวของหลอดอาหาร ทำให้อาหารที่รับประทานไหลลงช้า หรืออาหารที่ไหลย้อนขึ้นมาจากกระเพาะอาหารค้างอยู่ในหลอดอาหารนานกว่าปกติ 3.ความผิดปกติของการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ทำให้อาหารค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนานกว่าปกติ ทำให้เพิ่มโอกาสการไหลย้อนของกรดจากกระเพาะอาหารสู่หลอดอาหารมากขึ้น อาหารประเภทไขมันสูงและช็อกโกแลตจะทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวลดลง 4.สาเหตุทางพันธุกรรม โรคนี้พบได้บ่อยในคนชาวตะวันตกผิวขาวมากกว่าชาวตะวันตกผิวดำ และคนเอเชีย
จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคไหลย้อนจากกระเพาะอาหาร อาการสำคัญ ได้แก่
ความรู้สึกแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ขึ้นมาที่หน้าอกและคอ อาการนี้จะเป็นมากหลังรับประทานอาหารมื้อหนัก การโน้มตัวไปข้างหน้า การยกของหนักและนอนหงาย
การมีน้ำรสเปรี้ยวหรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาในปาก พบได้บ่อยในคนตะวันตก แต่ในคนไทยส่วนใหญ่ อาการแสบร้อนที่บริเวณหน้าอกพบได้ไม่บ่อยนัก และไม่รุนแรงเท่าชาวตะวันตก ผู้ป่วยมักมีอาการเรอ และมีน้ำเปรี้ยวขึ้นมาในปาก
อาการอื่นๆ เช่น ท้องอืด แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียนหลังรับประทานอาหาร เจ็บหน้าอก จุกคล้ายมีอะไรติดหรือขวางอยู่บริเวณคอ ต้องพยายามกระแอมออกบ่อยๆ อาการหืดหอบ ไอแห้งๆ เสียงแหบ เจ็บคอ อาการเหล่านี้เกิดจากกรดที่ไหลย้อนขึ้นมาบริเวณกล่องเสียง ทำให้เกิดกล่องเสียงอักเสบ
โรคนี้พบในเด็กได้หรือไม่
โรคนี้พบได้ตั้งแต่เด็กทารกจนถึงเด็กโต ในเด็กเล็กอาการที่ควรนึกถึงโรคนี้ ได้แก่ อาเจียนบ่อยหลังดูดนม โลหิตจาง น้ำหนักและการเจริญเติบโตไม่สมวัย ไอเรื้อรัง หืดหอบในเวลากลางคืน ปอดอักเสบเรื้อรัง ในเด็กบางรายอาจมีปัญหาการหยุดหายใจขณะหลับ
การวินิจฉัย
วินิจฉัยจากอาการสำคัญที่กล่าวมาแล้ว ผู้ป่วยที่มีอาการสำคัญชัดเจนสามารถให้การรักษาเบื้องต้นได้เลย ส่วนผู้ป่วยที่ไม่มีอาการสำคัญชัดเจน หรือมีอาการร่วมอื่นหรือผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยพิเศษเพิ่มเติม เช่น การส่องกล้องทางเดินอาหาร การเอ็กซเรย์กลืนสารทึบแสง การตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ การตรวจการบีบตัวของหลอดอาหาร และการตรวจวัดความเป็นกรด-ด่างในหลอดอาหาร ซึ่งให้ผลที่ไวในการวินิจฉัยโรคที่สุด
การปฏิบัติตนเมื่อเป็นโรคนี้
ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่มักมีอาการไม่มาก สามารถรักษาได้โดยการเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตดังต่อไปนี้
-ระวังน้ำหนักตัวไม่ให้มาก หรืออ้วนเกินไป -หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ หรืออาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด เผ็ดจัด อาหารไขมันสูง ช็อกโกแลต -หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา และการสูบบุหรี่ -หลีกเลี่ยงการรรับประทานอาหารมื้อเย็นปริมาณมาก และไม่ควรนอนทันทีหลังรับประทานอาหารอย่างน้อย 3 ชั่วโมง -ไม่ใส่เสื้อผ้ารัดรูปหรือรัดเข็มขัดแน่นจนเกินไป -ควรรับประทานอาหารปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้ง -หนุนหัวเตียงให้สูง -ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพยายามหลีกเลี่ยงความเครียด
เมื่อปฏิบัติตัวเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรทำอย่างไร
ปัจจุบันมียาหลายชนิดที่ใช้รักษาโรคนี้ เช่น ยาเคลือบกระเพาะอาหารรักษาแผล ได้แก่ ยา antacid ที่มีหลายชนิด ยากลุ่มนี้จะช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร และใช้ได้ผลในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงหรือมีอาการแสบหน้าอกเป็นครั้งคราว ยาลดหลั่งกรด ที่สำคัญมี 2 กลุ่ม กลุ่มแรก ได้แก่ ยา H2 blockers ยากลุ่มนี้สามารถรักษาลดการหลั่งกรดได้บางส่วน และลดอาการได้ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่เป็นโรคไหลย้อน ยากลุ่มที่ 2 ได้แก่ protonpump inhibitors ยากลุ่มนี้สามารถลดกรดได้มากกว่า ยากลุ่มแรกและลดอาการแสบหน้าอกได้ผล 60-80% ของผู้ป่วยและสามารถรักษาแผลหลอดอาหารอักเสบได้ผล 60-75%
จำเป็นต้องรักษาโดยการผ่าตัดหรือไม่
การผ่าตัดแนะนำในผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาเป็นเวลานาน แล้วไม่สามารถควบคุมอาการ หรือหยุดยาได้ หรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานยาเป็นเวลานานและมีผลข้างเคียงจากยา หรือผู้ป่วยอายุน้อยที่จำเป็นต้องรับประทานยาเป็นเวลานาน และผู้ป่วยที่มีผลแทรกซ้อนที่รุนแรงจากโรคโดยเฉพาะผู้ป่วยเด็ก
ขอบคุณข้อมูล จากโรงพยาบาลกรุงเทพฯ
ตอนนี้ เจ้าของบ้าน กินยาครบสองเดือนแว้วว และเป็นเด็กดีไปหาคุณหมอทุกเดือน เพื่อดูอาการ กินอาหารตรงตามเวลา ลดชา กาแฟ (อันนี้ทำได้ยากจัง....ก็เค้านอนดึกอ่ะ) ไม่ทำตัวให้เครียด
อาการไอก็เริ่มหายขาด แต่ยังมีบ้างเล็กน้อย ก็ต้องกินยากันต่อไป....เน๊อะ ช่วงนี้ขอพักกายให้สบายดีก่อนน๊ะ หายดีแล้วจะเอารูปเที่ยวมาอัพจ๊ะ ขอหายไปสักช่วงนึงเน้อ....คิดถึงก็ฝากข้อความไว้ได้จ๊ะ แล้วจะเข้ามาตอบเป็นระยะๆ...บ๊ายยยยย
Create Date : 28 กรกฎาคม 2552 |
|
43 comments |
Last Update : 28 กรกฎาคม 2552 10:37:34 น. |
Counter : 2415 Pageviews. |
|
|
|