แอ่วเจียงฮาย วันที่ 1 นนทบุรี-ลำปาง
ทริปนี้ขับรถลุยไปกับแฟนสองคน วางแผนไว้เป็นเดือนได้เวลาก็ออกเดินทาง
เอาทริปที่ผมไปมาให้ดูก่อนครับ
วันแรก วันศุกร์ที่ 14 ธ.ค.55 นนทบุรี ลำปาง
วันที่ 2 วันเสาร์ที่ 15 ธ.ค.55 ลำปาง - เวียงป่าเป้า คลี๊กเลย
วันที่ 3 วันอาทิตย์ที่ 16 ธ.ค.55 เวียงป่าเป้า ดอยช้าง คลี๊กเลย
วันที่ 4 วันจันทร์ 17 ธ.ค.55 ดอยช้าง ดอยแม่สลอง คลี๊กเลย
วันที่ 5 วันอังคาร 18 ธ.ค.55 ดอบแม่สลอง เชียงแสน คลี๊กเลย
วันที่ 6 วันพุธ 19 ธ.ค.55 เชียงแสน - เชียงของ คลี๊กเลย
วันที่ 7 วันพฤหัส 20 ธ.ค.55 เชียงของ ดอยผาตั้ง คลี๊กเลย
วันที่ 8 วันศุกร์ 21 ธ.ค.55 ดอยผาตั้ง ตัวเมืองเชียงราย คลิ๊กเลย
วันที่ 9 วันเสาร์ 22 ธ.ค.55 ตัวเมืองเชียงราย - กลับบ้าน(นนทบุรี) คลิ๊กเลย
งานนี้เจอทั้งหมอก ทั้งดอย ทั้งแม่น้ำ และไหว้พระธาตุต่างๆจนชุ่มปอดเลยครับ ทั้งเหนื่อย ทั้งล้า แต่ก็คุ้มค่ากับทริปนี้ จองที่พักได้ ศึกษาเส้นทางพร้อมแล้วไปลุยกันเลย เย้..
วันศุกร์ที่ 14 ธ.ค.55 เหมือนเดิม น้ำมันเต็มถัง เซ็ทไมล์ที่ 0 ออกจากบ้านเวลา 06.00 น. (ศาลากลางนนท์) บอกทางคราวๆที่ผมวิ่ง แยกแครายเลี้ยวซ้ายยิงตรงผ่านปากเกร็ด ขับตรงไปเรื่อยๆจะเจอ แยกสมเด็จ แยกบางกระดี่ จนถึงสามแยก รพ.กรุงสยามเซนต์คาร์ลอส ผ่านสามแยก รพ.ขับตรงไปแล้วชิดขวาจะมีป้ายบอกไปศูนย์ศิลปชีพบางไทร ให้ขึ้นสะพานแล้วเลี้ยวขวา ขับตรงไปเรื่อยๆจะผ่าน เชียงราก- บางปะอิน แยกอยุธยา-บางปะหัน เข้าทางหลวง 32 (พหลโยธิน) ถึงตรงนี้ระยะทางจากบ้านผม 74 ก.ม.เวลา 07.07 น.ใช้ความเร็วประมาณ 100 ก.ม./ช.ม. เข้าเส้นหลักได้ ผ่านอยุธยา สิงห์บุรี ระหว่างทางเห็นร้านต้มเลือดหมูใหญ่ดี เลยแวะเข้าไปชิมหน่อยครับ
ราคาชามละ 40 ผมว่าไม่แพงเพราะให้เยอะจริงๆ ส่วนรสชาติพอใช้ได้ ไม่ถึงกับอร่อยมาก แต่แวะรองท้องร้านนี้ก็น่าจะโออยู่นะครับ ถ้าใครไม่มีเจ้าประจำจะลองแวะดูก็ได้ (ระยะทางจากบ้านมาถึงร้านเฮียเล็กต้มเลือดหมูทั้งหมด 118 ก.ม.ครับ) ร้านใหญ่มาก ถ้าใครผ่านเส้นอยุธยา-สิงห์บุรี ขับไปเรื่อยๆจะเห็นหลังคาสีฟ้า เด่นเป็นสง่า อยู่ทางซ้ายมือติดถนนเลยครับ ขนาดผมไม่ได้กะแวะทาน แต่เห็นแล้วต้องลองซะหน่อย ระหว่างนั่งทานอาหารก็จะมีพวกร้านหมูทุบ มีสองเจ้า จะเอาหมูทุบ หมูบด ขนมลอดช่อง สินค้าทางร้านใส่ถ้วยเล็กๆมาให้ชิมฟรีถึงโต๊ะด้วย ผมว่าเป็นการเสนอสินค้าที่สนใจทีเดียว ใครชิมแล้วติดใจก็ซื้อติดไม้ติดมือได้ ส่วนผม ชิมฟรีอย่างเดียว หุหุ (นั่งชิมไปอร่อยเหมือนกันครับไม่อยากบอก)
แวะทานข้าวประมาณครึ่งชั่วโมง ก็เดินทางต่อ จากสิงห์บุรี ผ่านอ่างทอง ชัยนาท ใช้เส้นทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ เส้นทางทั้งหมดโอเค ไม่ค่อยมีปัญหา จะมีปะผุ ซ่อมถนนนิดหน่อย ผ่านเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ช่วงเข้ากำแพงเพชร จะมีทำทางประมาณ 10 ก.ม.มั่งไม่แน่ใจ ใครไปช่วงนี้ก็ขับด้วยความระมัดระวังด้วยครับ ผ่านกำแพงเพชร-ตาก-เข้าลำปาง ผมถึงตรงนี้ ระยะทางทั้งหมด 578 ก.ม.เวลา 13.12 น.หมดน้ำมันประมาณครึ่งถังอย่างที่เห็นในรูปนั้นแหละครับ
จากตรงนี้ไปที่พักอีกประมาณ 10 กว่าโล ผมพักที่ อาลัมภางค์
จากรูปข้างบน ขับตรงไปข้ามสะพานทางด้านซ้ายจะเห็นบิ๊กซี จะผ่านสี่แยก ให้นับไปถึงแยกที่สี่จากบิ๊กซี (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นแยกสนามบิน) พอถึงแยกที่สี่ให้เลี้ยวซ้ายแล้วขับตรงไปสุดทาง จะถึงถนนคนเดิน(กาดกองต้า) สามแยกให้เลี้ยวซ้ายขับตรงไปเรื่อยๆที่พักจะอยู่ทางขวามือครับ ผมมาถึงที่พักอาลัมภางค์รวมระยะทาง 590 ก.ม.เวลา 13.30 น.ใช้ความเร็ว 100-120 โดยประมาณ รวมแวะทานข้าวครึ่งชั่วโมง และพักตามปั๊มรายทางประมาณยี่สิบนาที
ที่พักอาลัมภางค์ ผมไม่ได้จองไว้ ตอนแรกตั้งใจพักอีกที่ครับ ระหว่างกินข้าวต้มเลือดหมูลองโทรไปเต็ม บี 2 ก็เต็ม อีกที่ก็เต็ม เหลือที่อาลัมภางค์ว่างอยู่หนึ่งห้องพอดี เป็นห้องพัดลมธรรมดา ห้องน้ำรวม ผมจองเลยครับ บอกเดี๋ยวบ่ายๆไปอย่าเพิ่งให้ห้องใครไปละ ตอนแรกว่าจะแวะเที่ยวพระธาตุลำปางหลวง แต่ขอขับเลยเข้าไปตัวเมืองไปเอาที่พักก่อน วันแรกขี้เกียจกางเต้นท์นอน ไปถึงที่พักถามน้องที่เคาเตอร์ น้องน่ารักมาก เอาแผนที่มาให้ แนะนำร้านอาหาร ที่เที่ยวเป็นอย่างดี
หลังจากได้ที่พัก ยึดกุญแจห้องเป็นของเราแล้ว (มั่นใจว่าคืนนี้มีที่ซุกหัวนอนแน่) ก็ขับออกไปหาของกินก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาแนะนำที่พักกัน มื้อเที่ยงผมกินก๋วยเตี๋ยวปู่โย่ง เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ผมบอกทางไม่ถูกนะครับ ถ้าใครไปถามว่าก๋วยเตี๋ยวร้านปู่โย่ง หรือถามวัดเมืองศาสน์ ได้ครับร้านปู่โย่งจะอยู่ติดหน้าวัดเลย คนลำปางรู้จักดี
อยากบอกว่าลูกชิ้นอร่อยมากกกก ใครไม่กินเนื้อจะมีร้านข้าวซอยอร่อยๆหลายร้าน พอดีผมกับแฟนไม่ชอบกินข้าวซอยเลยไม่ได้ถามมาครับว่าร้านไหนอร่อย
ผมสั่งเส้นเล็กแห้งลูกขิ้นเนื้อ แฟนผมสั่งเส้นเล็กน้ำ คนละชามพอลูกชิ้นเข้าปาก ผมสั่งเกาเหลาลูกชิ้นไปอีกชาม คงไม่ต้องบอกนะครับว่าอร่อยหรือเปล่า
ราคาตามป้าย
อิ่มเสร็จ ผมขับย้อนกลับไปเที่ยวพระธาตุลำปางหลวงต่อ (ถ้ามาจากตากเข้าลำปาง พระธาตุลำปางจะอยู่ทางซ้ายมือมีป้ายบอกถึงก่อนตัวเมืองลำปางประมาณ 15 ก.ม. ใครมานอนในตัวเมืองลำปางควรแวะพระธาตุลำปางก่อนจะได้ไม่ย้อนไปย้อนมาเหมือนผม)
พระธาตุลำปางหลวงพระธาตุลำปางหลวง ลักษณะทางสถาปัตยกรรม เป็นเจดีย์กลมทรงระฆังคว่ำ(แต่ในหนังสือพระเจดีย์ในล้านนา โดย สถาบันวิจัยสังคม ม.เชียงใหม่ กลับเรียกว่า เจดีย์แบบพุกามล้านนา เนื่องจากมีการปิดทองจังโกคล้ายแบบพุกามนั่นเอง) ปิดทองจังโกทั่วทั้งองค์เจดีย์ รูปทรงหนักแน่น ไม่ชลูดเหมือนเจดีย์แห่งอื่นๆ รอบๆพระธาตุมีการล้อมรอบด้วยรั้วเหล็ก โคมรั้ว มีการสร้างซุ้มประตูโขงอยู่ทางทิศใต้ของพระธาตุ บริเวณรั้วเหล็กมีเรื่องเล่าถึง รอยกระสุนปืน ที่หนานทิพย์ช้างยิงปืนสังหาร ท้าวมหายศ เมื่อช่วงพุทธศตวรรษที่ 23 ปรากฏในตำนานพระธาตุลำปางหลวงที่กล่าวถึง การเสด็จมาถึงของพระพุทธเจ้า ที่บ้านลัมภะการีวัน(บ้านลำปางหลวง) เมื่อเสด็จอยู่ดอยม่อนน้อย ขณะนั้นมีชายผู้หนึ่ง นาม"ลัวะอ้ายกอน" เห็นพระพุทธเจ้า เกิดมีความเลื่อมใสได้นำเอาน้ำผึ้งบรรจุกระบอกไม้ป้าง(ไม้ช้าวหลามไม้เปราะ) มะพร้าวและมะตูมอย่างละ 4 ลูกน้อมถวายพระองค์ และพระองค์ก็มอบพระเกษาและได้มีพุทธพยากรณ์ต่อไปว่า ในอนาคต จะมีพระอรหันต์นำเอาอัฐิพระนลาต(หน้าผาก)ข้างขวา และอัฐิลำคอข้างหน้าหลังมาบรรจุไว้ในนี้ สนใจข้อมูลพระธาตุลำปางหลวง คลิ๊กเลย
วันที่ผมไป พระธาตุลำปางหลวงกำลังบูรณะซ่อมแซมกันอยู่ เคยอ่านข่าว เห็นมีชาวบ้านมาต่อต้านว่าการซ่อมแซมทำให้ภาพจิตรกรรมฝาผนังเสียหาย อันนี้ผมไม่มีความรู้เลยไม่ขอแสดงความคิดเห็นอะไรนะครับ
หลายท่านคงเคยไปเที่ยวพระธาตุลำปางหลวงกันแล้ว ไม่ขออธิบายแล้วกัน ส่วนผมเคยมาครั้งนี้เป็นครั้งที่สองเอง ใครสนใจข้อมูลก็ลองอ่านในลิงค์ที่ผมเอามาให้ดูแล้วกันครับ
ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเข้าไปชมภายในวิหารได้ แต่ส่วนอื่นหรือบริเวณรอบๆยังสามารถเดินเข้าไปชมและกราบไหว้บูชาพระพุทธรูปข้างนอกได้เหมือนเดิม
ด้านหลังเป็นซุ้มพระบาท จะมีแสงเงาหักเหของพระธาตุ ผู้หญิงไม่สามารถขึ้นไปชมได้
สำหรับผู้หญิงถึงแม้ไม่ได้ดูเงาบนซุ้มพระบาทแต่ก็สามารถดูเงาแสงของพระธาตุภายในวิหารได้ รูปที่เห็นผมก็ถ่ายจากภายในวิหาร ไม่ได้ถ่ายบนซุ้มพระบาท
เงาพระธาตุที่ลำปางไม่ได้มีที่เดียวนะครับ ผมลองค้นดูที่ลำปางจะมีเงาพระธาตุไม่น้อยกว่า 5 ที่ อีกที่ที่ผมเคยไปอยู่ใกล้ๆพระธาตุลำปางหลวงประมาณ 17 ก.ม. คือที่พระธาตุจอมปิง คราวที่แล้วผมมาก็แวะทั้งสองที่ คราวนี้ผมแวะแค่พระธาตุลำปางหลวงที่เดียว
ที่น่าสนใจอีกอย่างของพระธาตุลำปางหลวงคือต้นขะจาว มีประวัติ สนใจก็อ่านในลิงค์ข้างบนเอาเองครับ
ส่วนอีกกิจกรรมที่ใครไปต้องถ่ายรูปกับม้าหรือนั่งรถม้าชมเมือง
หลังจากทำบุญ ไหว้พระเสร็จ ก็ออกเดินทางกลับเข้าที่พัก จากพระธาตุลำปางหลวง หน้าไมล์ระยะทาง 615 ก.ม.มาถึงที่พักระยะทาง 631 ก.ม.เวลา 16.00 น.ครับ ได้เวลาเข้าไปชมบ้านพักกันแล้ว
อาลัมภางค์ จะเป็นเกสต์เฮ้าท์ บ้านไม้ทาสีเขียวตัดกับขอบสีขาวบ้านไม่ใหญ่มาก มีห้องน่ารักๆ อยู่ไม่กี่ห้อง แต่ละห้องผมไม่ทราบว่ามีอะไรบ้าง เพราะห้องพักเต็มเลยไม่ได้เข้าไปสำรวจ
ผมได้ห้อง 11 เคียงวังครับ พวงกุญแจน่ารักเชียว
มาดูข้างในห้องกัน ผมได้ห้องพัดลม ห้องไม่ใหญ่มาก ไม่ได้ติดมุ้งลวดแต่มีมุ้งน่ารักๆให้ ขอบอกว่าผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ปลอกหมอนสะอาดมาก ห้องพักผมไม่มีห้องน้ำในตัว ต้องลงไปอาบน้ำข้างล่าง ส่วนบนห้องจะมีทีวีขนาดกะทัดรัดให้ชมแก้เหงา แล้วก็พัดลมอีกหนึ่งตัว อ้อ..น้ำเปล่าสองขวด พร้อมผ้าเช็ดตัว สะอาดเหมือนเดิม ขนาดแฟนผมเตรียมผ้าเช็ดตัว หมอนผ้านวมไปเอง ยังไม่ใช้เลย บอกใช้ของที่พักนั้นแหละสะอาดแล้ว
อีกอย่างที่แฟนผมชอบคือ มีสมุดบันทึกให้คนที่เคยมาพักได้เขียน แอบอ่านหลายๆท่าน เขียนแต่สิ่งที่ประทับใจทั้งนั้นเลยครับ เล่มเล็กๆที่ข้างขวดน้ำนั้นแหละ
บรรยากาศภายในห้องโดยส่วนตัว ผมโอเคเลยกับห้องเลย ถึงแม้จะผิดหวังกับอากาศบ้าง ที่คิดว่าจะหนาว อยากบอกว่าลำปางตอนกลางวันร้อนแทบตับแล่บเลย ส่วนกลางคืนแค่เย็นๆไม่ถึงกับหนาว เปิดพัดลมเบอร์หนึ่งกำลังดี อีกอย่างยุงก็ไม่มี นอนสบายเลยครับ (เรื่องอากาศไม่เห็นจะเกี่ยวกับที่พักเลยเนอะ มั่วเลยผม) เปิดหน้าต่างก็เห็นบรรยากาศริมน้ำวังเลย
ห้องผมอยู่ชั้นสอง เดินขึ้นบันไดห้องผมอยู่ทางขวามือ เดินขึ้นไปก็เห็นเลย ส่วนห้องน้ำลงบันไดเดินตรงไปนิดเดียวก็จะถึงห้องน้ำแล้วครับ ห้องส้วมจะแยกระหว่างห้องผู้หญิงกับผู้ชาย ส่วนห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวมมีห้องเดียว มีน้ำอุ่นให้ด้วย นี้ไงครับห้องน้ำรวม ถ่ายจากบันไดหน้าห้องพักผม เดินไม่ไกลเลยครับ
ส่วนนี่จะเป็นบันไดขึ้นห้องพัก ห้องผมจะอยู่ทางขวามือ
มาดูการตกแต่งภายในบ้านบ้าง ชั้นบนเป็นกระดานไม้ พื้นมันเรียบ น่านอนเล่นมาก มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะเหมือนกัน
เนื่องจากเป็นบ้านไม้ทั้งหลัง จะทำอะไรก็เกรงใจคนที่อยู่ห้องข้างล่างด้วยนะครับ เพราะถ้าเดินลงส้นเสียงจะดังไปถึงห้องข้างล่าง
ลืมบอก เกสต์เฮ้าท์มีที่จอดรถพร้อม ปลอดภัยแน่ เจ้าของบริการดีมากเลยครับ อัทธยาศรัยเยี่ยมแนะนำเส้นทาง บอกสถานที่เที่ยวให้อย่างเต็มใจ โอเคเลยอ่ะ ชอบครับ อีกอย่างทำเลดีมาก หลังบ้านติดแม่น้ำวัง ส่วนหน้าบ้านเดินไปนิดเดียวก็ถึงตลาดกองต้า (ถนนคนเดินลำปาง) ส่วนบริเวณภายในที่พัก จะมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก (อีกแล้ว) มีเรือนไม้ริมน้ำ จัดโต๊ะไว้ให้ลูกค้านั่งเล่น
ความจริงผมไม่ได้คาดหวังกับที่นี่เลย กะแค่มาซุกหัวนอนพักรถไว้ไปเที่ยวเชียงรายต่อ แต่พอได้มาพัก มาสัมผัส รับรองถ้าผมมาลำปางอีก ที่นี้เป็นที่แรกที่ผมจะมาพัก ใครสนใจอาลัมภางค์ ณ ลำปางติดต่อ โทรศัพท์ 081-764-1497, 081-817-0899, 054-225-278 สนใจที่พัก คลิ๊กเลย ลืมบอก ที่พักมีรถจักรยานไว้บริการให้เช่าขับเที่ยวในตัวเมืองลำปางด้วยนะครับ ราคาติดต่อกันเอาเอง ส่วนห้องผมพักคืนละ 350 บาท ห้องแอร์มีหลายราคา ลองโทรเช็คดูครับ
ภาพจะมั่วหน่อยนะครับ แต่ก็อยู่ในถนนคนเดินนั้นแหละ ลาถนนคนเดินด้วยตึกนี้ครับ สีสันโดนใจมาก
เดินชมตลาดกองต้าเสร็จ ผมก็เดินตรงไปจะเจอสี่แยกเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานแรก (ไม่ใช่สะพานรัษฏาภิเศก) เป้าหมายคือวัดปงสนุกครับ ระหว่างข้ามสะพานเห็น สะพานรัษฏา ขอซักสองสามแชะครับ
น้ำแอบสกปรกไปหน่อย เสียดายภูมิทัศน์สวยๆหมดเลย
เดินข้ามสะพานตรงไปเรื่อยๆก็จะถึงวัดปงสนุกเหนือ
ลำปาง เปิดตำนาน วัดปงสนุก แห่งเขลางค์นคร ธรรมสถานหนึ่งเดียวของไทย ที่พึ่งได้รับรางวัล Award of Merit จาก UNESCO ในปี 2008 เผยเส้นทางการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม-สถาปัตยกรรมเก่าแก่ ที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในประเทศ จากชุมชน-รัฐ วัดปงสนุก หรือวัดปงสนุกเหนือ ตั้งอยู่ในเขต ต.เวียงเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง เป็นวัดสำคัญคู่กับจังหวัดลำปางมาช้านาน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยที่เจ้าอนันตยศ ราชบุตรของพระนางจามเทวีแห่งหริภุญไชย (ลำพูน) เสด็จมาสร้างเขลางค์นคร (ลำปาง) เมื่อ พ.ศ.1223 หรือ 1,328 ปีก่อน ซึ่งเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา พระครูโสภิตขันตยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดปงสนุกด้านเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง พึ่งรับมอบรางวัลดี (Award of Merit) ด้านการอนุรักษ์มรดกทางด้านวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ตามโครงการ 2008 Asia-Pacific Heritage Award for Cultural Heritage Conservation จากองค์การ UNESCO โดยมีดร.ริชาร์ด อิงเกิลฮาร์ท ที่ปรึกษาอาวุโสในผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ด้านวัฒนธรรมประจำองค์การยูเนสโก เป็นผู้ถวายรางวัลหออารักษ์ ข้อมูลวัดปงสนุก คลิ๊กเลยจ้า
พระประธานในอุโบสถ
ผ่านประตูเข้าไปจะเจอเสาหลักเมืองเสาแรกของ จ.ลำปาง เสาหลักเมืองเสาแรกของเขลางค์นคร หรือจังหวัดลำปาง จากประวัติศาสตร์พบว่า เป็นชื่อที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การอพยพผู้คนในเหตุการณ์ช่วงปี พ.ศ.2346 ที่พญากาวิละได้ยกทัพเข้าโจมตีเมืองเชียงแสน ซึ่งเป็นที่ตั้งมั่นของพม่า และได้กวาดต้อนชาวเชียงแสนซึ่งเป็นชาวบ้านบ้านปงสนุกมาตั้งถิ่นฐานที่ลำปาง รวมถึงการอพยพของคนเมืองพะยาวที่หนีศึกพม่าลงมายังลำปาง ชาวปงสนุกเชียงแสน และชาวพะยาว จึงได้ ตั้งบ้านเรือนจนกลายเป็นหมู่บ้าน
เดินต่อไปเป็นศูนย์อนุรักษ์โบราณวัตถุวัดปงสนุกเหนืออยู่ข้างๆพระอุโบสถ
ภายในจะแสดงพระบฏและหีบธรรม พระบฏ หมายถึง ผืนผ้าที่เขียนภาพพระพุทธเจ้า พุทธประวัติ หรือทศชาติชาดก ตลอดจนข้อคติธรรมคำสอน สำหรับห้อยแขวนเป็นพุทธบูชา มีขนาดแตกต่างตามคติและความนิยม โดยนิยมเขียนเป็นภาพพระพุทธเจ้าพระองค์เดียว หรือ ขนาบข้างด้วยพระอัครสาวก รวมถึงเรื่องราวอื่น ๆ เช่น พระมาลัย ชาดกทศชาติ พระเวสสันดรชาดก พระเจดีย์จุฬามณี และข้อคติธรรมต่าง ๆ เพื่อการสักการะ ประดับ ตกแต่งและประกอบการถ่ายทอดสอนสั่ง เผยแผ่พระศาสนาจนกระทั่งเป็นการสืบทอดและอุทิศส่วนกุศลสร้างผลบุญ ประเพณีแห่ผ้าขึ้นพระบรมธาตุเจดีย์ของชาวนครศรีธรรมราช จะมีผ้าห่มพระบรมธาตุผืนพิเศษที่เขียนภาพพุทธประวัติผืนยาว ซึ่งก็คือ ผ้าพระบฏนั่นเอง แต่ในปัจจุบันผ้าพระบฏในขบวนแห่ผ้าขึ้นธาตุมีสีขาว สีแดง สีเหลือง ส่วนใหญ่เป็นผ้ายาวเรียบๆ ที่มาพระบฏ คลิ๊กเลย
หีบพระธรรมหีบพระธรรมมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ด้านล่างทำฐานสอบ มีหูทำด้วยโลหะสำหรับยกอยู่ที่ด้านข้างทั้ง ๒ ด้าน มีขนาดยาวประมาณ ๗๖ ซ.ม. กว้าง ๕๑ ซ.ม. ลักษณะเด่นของหีบพระธรรม สามารถแบ่งออกได้เป็น ๓ ประเภทด้วยกันคือ ประเภทแรก ได้แก่หีบพระธรรมฝาตัด ฝาของหีบพระธรรมประเภทนี้ตัดเรียบแบนราบไม่นูนคุ่มขึ้นมาเหมือนหีบพระธรรมฝาคุ่ม ซึ่งจัดอยู่ในประเภทที่ ๒(อย.ห. ๑๒ และ อย.ห. ๓) ส่วนประเภทที่ ๓ เป็นหีบลายจำหลักไม้ จึงได้ชื่อว่า หีบจำหลักทำขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์เท่านั้น ในสมัยอยุธยานิยมทำหีบพระธรรมฝาตัด และฝาคุ่ม ส่วนในสมัยธนบุรีอาจจะมีการสร้างหีบพระธรรมขึ้น แต่ยังไม่มีปรากฏให้เราได้ศึกษากันเลย ในสมัยรัตนโกสินทร์นิยมสร้างตู้ไทยโบราณมากว่าหีบพระธรรม ที่มาหีบธรรม คลิ๊กเลย
ตอนแรกยอมรับเลยครับ นึกว่าเป็นโกฏิใส่พระศพ ตอนนั้นก็กล้าๆกลัวๆกำลังโพล้เพล้อยู่เลยแถมเข้าไปถ่ายรูปคนเดียว แฟนก็รอข้างนอก เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะ กลับมาบ้านค้นข้อมูลดู เพิ่งรู้ว่าเป็นหีบพระธรรมกับพระบฏ เสียดายจัง เที่ยวแบบไม่มีความรู้ก็เป็นอย่างนี้เอง
เดินต่อมาหน่อยจะมีศาลาแสดงพิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณล้ำค้ามากมาย ปัจจุบัน วัดปงสนุก ได้กลายเป็นแหล่งรวมของสิ่งสำคัญหลายอย่างที่ทรงคุณค่าทางด้านศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม มากมาย อาทิ พระพุทธรูปไม้ เสาหงส์ ซุ้มประตูโขง ภาพพระบฎ เขียนเรื่องพระเวนสันดรบนผ้าและกระดาษสา หีบธรรมโบราณ และธงช้างเผือกขนาดใหญ่ในสมัยรัชกาลที่6 ซึ่งทางวัดได้นำมารวมไว้เป็นพิพิธภัณฑ์
วัดปงสนุกเหนือกับวัดปงสนุกใต้จะอยู่ติดกันไม่มีกำแพงกันเดินถึงกันครับ ชมวัดปงสนุกเหนือเสร็จก็เดินขึ้นไปยังวัดปงสนุกใต้ต่อครับ
ขึ้นบันไดไปเลย
งดงามเนาะ
รูปนี้ตอนถ่ายรูปไม่คิดอะไร แต่มาเปิดเนทดู มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เหมือนกัน โง่จริงๆเลยผม วิหารหลังมียอด หรือวิหารพระเจ้าพันองค์ หรือวิหาร 12 ราศี หรือวิหารสะเดาะเคราะห์ ราว พ.ศ.2386 เจ้าหลวงมหาวงศ์ได้ไปฟื้นฟูเมืองพะเยาขึ้นใหม่ รูบาอินทจักรพระอุปัชฌาย์ของครูบาอาโนชัยธรรมจินดามุนี ได้นำชาวพะยาว (พะเยา) อพยพกลับ แต่ก็ยังคงเหลืออีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ยอมกลับ ละได้มาตั้งรกรากอยู่กับชาวบ้านปงสนุก
วัดปงสนุก เหนือเป็นวัดโบราณวัดหนึ่งในลำปาง สันนิษฐานว่าสร้างร่วมสมัย พระเจ้าอนันตยศเสร็จมาทรงสร้างเมืองเขลางค์นคร เมื่อ พ.ศ. 1223 วัดปงสนุก เดิมมีชื่อเรียกอยู่หลายชื่อ ตามหลักฐานในจารึกที่พบในที่ต่าง ๆ มีอยู่ 4 ชื่อ คือ วัดศรีจอมไคล วัดศรีเชียงภูมิ วัดดอนแก้ว วัดพะยาว(พะเยา) ชุมชนเดิมบริเวณวัดปงสนุกเป็นผู้คนที่อพยพมาจาก 2 ที่ด้วยกัน คือจากการกวาดต้อนครั้งที่ลำปางไปรบกับเมืองเชียงแสน ราว พ.ศ. 2364 และจากเมืองพะเยาเมื่อชาวเมืองคราวหนีศึกพม่า ด้วยเหตุนี้ชาวเมืองเชียงแสนและเมืองพะเยา แม้เมื่อมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ใหม่ ก็ยังรำลึกถึงบ้านเกิดเมืองนอนเดิม จึงได้เอานามชื่อวัดและชื่อบ้านมาเรียก โดยชาวพะเยาก็เรียกวัดพะยาว(พะเยา) ชาวเชียงแสนก็เรียกวัดปงสนุก ซึ่งเป็นชื่อบ้านเดิมของตนในเชียงแสน ซึ่งปัจจุบันวัดปงสนุก ใน อ.เชียงแสน ก็ยังมีอยู่ ปัจจุบันวัดปงสนุก แยกเป็น 2 วัด ทั้งที่อาณาเขตก็ไม่กว้างขวางเท่าใด คือ วัดปงสนุกเหนือ และวัดปงสนุกใต้ สาเหตุที่แยกเนื่องมาจากพระสงฆ์ สามเณร ในอดีต มีจำนวนมาก จึงแบ่งกันช่วยดูแลรักษาวัด แต่ถึงอย่างไรทั้งสองวัดก็นับถือกันว่าเป็นวัดพี่วัดน้องอาศัยช่วยเหลือกัน มาโดยตลอด วัดปงสนุกในอดีตถือว่าเป็นวัดที่มีสำคัญและมีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวพันกับ เมืองลำปาง อาทิ เป็นสถานที่ดำน้ำชิงเมืองบริเวณหน้าวัดระหว่างเจ้าฟ้าชายแก้วและเจ้าลิ้น ก่าน ราวปี พ.ศ. 2302 และยังเป็นสถานที่ฝังเสาอินทขิลหรือเสาหลักเมือง หลักแรก เมื่อ พ.ศ. 2400 สมัยเจ้าหลวงเจ้าวรญาณรังษีราชธรรม เสาหลักเมืองดังกล่าว ถูกย้ายไปฝังไว้ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองในปัจจุบัน
วัดปงสนุกใต้ กำลังจัดงานทำบุญทอดผ้าป่าลอยฟ้าด้วยครับ
ผมเดินชมแบบไม่มีข้อมูลอะไรเลย รู้แค่ว่าเป็นวัดที่สำคัญอีกแห่งของจังหวัดลำปาง แต่ไม่รู้จริงๆว่ามีความสำคัญอย่างไร ลองกลับมาค้นข้อมูลดู โอ้... สุดยอดเลยครับวัดนี้ ถ้าผมมีข้อมูลหรือศึกษาก่อนไปคงไม่รีบเดินอย่างนี้หรอก พลาดที่สำคัญๆตั้งหลายอย่าง เฮ้อ..อนาจใจตัวเองแท้ ขากลับผมเดินออกจากประตูทางด้านวัดปงสนุกใต้ครับ
เดินออกจากประตูวัดผ่านร้านนี้ เดินเลยไปหน่อย ได้กลิ่นปิ้งๆย่างๆเตะจมูกดีเหลือเกิน มองหน้าแฟน รู้กันครับ อิอิ
มื้อเย็นขอแวะชิมซักหน่อยบรรยากาศภายในร้าน เป็นร้านเล็กๆธรรมดาแต่เห็นมีลูกค้าเจ้าถิ่นเข้ามาตลอด แอบๆเหล่ว่าแต่ละโต๊ะสั่งอะไรบ้าง ล๊อกเป้าหมายเรียบร้อยไม่รอช้า สั่งไป 4 อย่าง
ไส้กรอกอีสานย่าง จานนี้อร่อยมาก รสชาติไม่เค็มมาก หมักเครื่องเทศเข้ากับเนื้อ กินคู่กับผัก ขิง ตามด้วยพริกสด สุดๆ
จานที่สอง คอหมูย่าง ตอนแรกผมนึกว่าเป็นหมูกรอบอีกแม่ค้าบอกไม่ใช่เป็นคอหมูย่าง จานนี้เหนียวไปหน่อย รสชาติธรรมดาผมกับแฟนเฉยๆ หน้าตาให้เต็ม พอชิมรสชาติคะแนนหายไปครึ่ง
จานที่สาม ต้มแซ่บเอ็นหมู รสชาติกลมกล่อม เนื้อไม่เหนียว เคี้ยวกรุบๆดี โอเคเลยจานนี้ทดแทนคอหมูย่างไป จานที่สี่ ส้มตำไทยใส่ปู ผมว่าเค็มไปหน่อย ไม่มีรสหวานเลย สรุปโดยรวม อาหารรสชาติพอประมาณ ราคาปานกลาง อาหาร 4 อย่างมีน้ำแข็ง 1 ถังข้าวเหนียว 1 กระติบน้ำเปล่ากับโค้กอย่างละขวดทั้งหมด 240 บาท
อิ่มเสร็จตามข้อมูลที่หามา วันศุกร์ที่ลำปางจะมีถนนคนเดินสายวัฒธรรมตรงถนนวังเหนือตรงหน้าป่าไม้ มีข้อมูลก็เดินถามไปเลย ออกจากร้านเลี้ยวซ้ายเดินตรงไปเลยจะผ่านสะพานที่ผมข้ามมา ไม่ต้องข้ามครับ ให้เดินตรงไปจะไปถึงสะพานรัษฏาให้เดินข้ามถนนไปจะเจอตลาดสดเทศบาล 3 (รัษฎา)เดินตัดซอยตรงตลาดสดจะไปถึงถนนแล้วเลี้ยวซ้ายไปหน่อยก็จะเจอถนนวังเหนือแล้วครับ งงเปล่า ผมอ่านแล้วผมยังงงเลย เอาใหม่ถ้ามาจากฝั่งโน้น ให้ข้ามสะพานรัษฏา ด้านขวาจะเป็นตลาดสดเทศบาล 3 ด้านหน้า ให้เดินผ่านไปแล้วเลี้ยวขวาจะเป็นถนนเล็กๆ ผ่านตลาดสดเทศบาล 3 ด้านข้าง ให้เดินตรงไปสุดถนนแล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปอีกหน่อยก็จะถึงถนนวังเหนือแล้วครับ เฮ้อ..ไม่งงแล้วเนอะ (จะเดินผ่านตลาดเลยก็ได้ครับ เข้าด้านหน้าแล้วเดินออกด้านข้างแล้วเลี้ยวขวาตรงไป) ระหว่างทางแฟนเจอร้านเสริมสวย ขอสระผมหน่อย 20 นาทีจัดไปที่รัก เดี๋ยวไม่สวย อิอิ
ผมเดินมาถึงแล้ว เอ่อ..ไหงทำไมมันเงียบอย่างนี้ละ
ระหว่างทางผมก็ถามไปเรื่อย บางคนก็บอกว่าไม่มีถนนคนเดินวันศุกร์เลิกไปแล้ว บางคนก็บอกว่ายังมีอยู่ ข้อมูลสับสนมาก ไปถึงก็ชัดเลยเงียบกริบ เดินกลับมาทางเก่า ผ่านตลาดสดแวะซื้อขนมมากินแก้ช้ำใจ 1 ถุง
ขากลับข้ามสะพานรัษฏาครับ ดูดีกว่าเดินกลับทางเก่า นี่ไงครับสะพานรัษฏาภิเศก
แฝนผมบ่นอุบเลย ไหนว่าข้อมูลแน่น ให้เดินไปกลับไม่ต่ำกว่า 6 กิโลแถมไม่มีถนนคนเดินอีก เดินไปถึงที่พักถามเจ้าของ บอกว่าวันนี้วันศุกร์มีถนนคนเดินสายวัฒธรรม บ้านผมอยู่แถวนั้น แต่ต้องเดินเข้าไปอีก รับรองมีแน่ แค้นมากๆ ขออาบน้ำอีกรอบแต่งตัวเสร็จคราวนี้ขอขับรถไปแล้วกัน จากปากถนนวังเหนือขับรถไปอีกไม่ไกล แต่ถ้าเดินอ่ะไกลแน่ ก็มาถึงถนนสายวัฒนธรรมจนได้ หาทีจอดแล้วเดินลุยต่อ ไม่เสียหน้าแล้วผม
เป็นถนนคนเดินเล็กๆ ขายของทั่วไป ของขายยังไม่เยอะเท่าไหร่ นักท่องเที่ยวเลยไม่ค่อยมี ส่วนมากจะเป็นคนท้องถิ่นเดินกันมากกว่า ถ้าอากาศหนาวกว่านี้คงน่าเดินเหมือนกันครับ ใครที่มาลำปางวันศุกร์ไม่รู้ไปไหนก็ลองมาแวะที่ถนนสายวัฒนธรรมได้เลยครับ ผมเดินเล่นๆก็หมดไปหลายบาทอยู่เหมือนกัน
เดินได้ซักพัก ปวดขาสิครับท่าน ได้เวลากลับไปนอนพักแล้ว ตอนกลับที่พักขับหลงพอเป็นพิธีตามแบบฉบับผม วันนี้ขับรถทั้งหมดจากบ้านถึงที่พักลำปาง 641 ก.ม. ขอลาด้วยภาพนี้แล้วกันครับ
ถนนวัฒนธรรมอยากให้จังหวัดประชาสัมพันธ์นิดนึง ตลาดจะได้โตกว่านี้ ผมว่าทำเลออกจะไกลหน่อยไม่เหมือนกาดกองต้า แต่ถนนวัฒนธรรมยังมีจุดเด่นตรงมีโบราณสถานให้น่าเดิน ถ้าได้นักการตลาดเก่งๆผมว่าถนนสายวัฒนธรรมจะเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อีกที่ครับ วันนี้ขอจบทริปวันแรกแค่นี้ครับ พรุ่งนี้ไปนอนเวียงป่าเป้า แล้วอย่าลืมตามไปเที่ยวด้วยกันต่อนะครับ วันนี้เดินทางจากนนทบุรี ถึงลำปางและเที่ยวในตัวเมืองรวมระยะทางทั้งหมด 643 ก.ม.ค่าเสียหายวันนี้- อาหารเช้าร้านเลือดหมู 120 บาท (เลือดหมู+กระดูกหมูอย่างละ 1 ชาม+น้ำเปล่า 2 ขวด+ข้าว 2 ถ้วย) - ข้าวโพดคั่ว 1 ถุง 25 - ก๋วยเตี๋ยวปู่โย่ง 3 ชาม 90 บาท - ทำบุญที่วัดปงสนุก 20 บาท - อาหารมื้อเย็น 240 บาท - ค่าสระผม 70 บาท - ตลาดสดเทศบาล ขนมหวาน 1 ถุง ถั่วกับแหนมรวมเป็น 40 บาท - ถนนสายวัฒนธรรม - ข้าวแต๋น 100 บาท - น้ำส้ม+ชาเย็น 35 บาท - ลูกชิ้น+ไส้กรอกทอด 20 บาท - ค่าที่พัก 350 บาท สรุปยอดวันนี้ 1,110 บาท
Create Date : 24 ธันวาคม 2555 |
|
18 comments |
Last Update : 14 มกราคม 2560 21:06:13 น. |
Counter : 29256 Pageviews. |
|
|
|
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว (จากกรุงเทพมาลำปาง)
1.ใช้ทางหลวงเส้นพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) ผ่านประตูน้ำพระอินทร์แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 32 วิ่งผ่านจังหวัดอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท แล้วเข้าสู่ทางหลวงเส้นพหลโยธินอีกครั้ง ผ่านจังหวัดอุทัยธานี นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก แล้วเข้าสู่จังหวัดลำปางทาง อ.แม่พริกและ อ.เถิน รวมระยะทางประมาณ 599 กม. ใช้เวลาการเดินทางประมาณ 7-8 ชม.
2.กรณีไปทางพิษณุโลก ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านอุตรดิตถ์ อ.เด่นชัย จ.แพร่ แล้วเข้าสู่จังหวัดลำปาง
สภาพถนนหนทางจากตัวเมืองลำปางเพื่อไปท่องเที่ยวอำเภอต่างๆส่วนใหญ่เป็นถนนสี่เลน สภาพดี ขับขี่รถยนต์สะดวก
การเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง (จากกรุงเทพมาลำปาง)
ขึ้นรถที่สถานีขนส่งหมอชิต รถโดยสารประจำทางมาจังหวัดลำปาง มีทั้งบริษัทขนส่งจำกัด และบริษัทเอกชน เช่น วิริยะทัวร์ สมบัติทัวร์ เป็นต้น มีให้เลือกทั้งรถโดยสารชั้น 1 ชั้น 2 และวีไอพี
รถรอบเช้าถึงลำปางตอนกลางคืน ถ้ารถรอบกลางคืนจะถึงลำปางตอนเช้ามืด
บริษัท ขนส่ง จำกัด
สอบถามตารางการเดินรถ (หมอชิตกรุงเทพฯ) โทร 02-9363660
รถปรับอากาศชั้น 1 , รถปรับอากาศชั้น 2
บริษัท นิววิริยะทัวร์ จำกัด
สอบถามตารางการเดินรถ (หมอชิตกรุงเทพฯ) โทร 02-9362205-7
รถปรับอากาศชั้น 1 , รถปรับอากาศVIP (24 ที่นั่ง)
บริษัท สมบัติทัวร์ จำกัด
สอบถามตารางการเดินรถ (หมอชิตกรุงเทพฯ) โทร 02-9362495-9
รถปรับอากาศชั้น 1 , รถปรับอากาศVIP (24 ที่นั่ง)
บริษัท สยามเฟิร์สทัวร์ จำกัด
สอบถามตารางการเดินรถ (หมอชิตกรุงเทพฯ) โทร 02-9362953
รถปรับอากาศชั้น 1 , รถปรับอากาศVIP (32 ที่นั่ง)
บริษัท เชิดชัยทัวร์ จำกัด
สอบถามตารางการเดินรถ (หมอชิตกรุงเทพฯ) โทร 02-9360198-9
รถปรับอากาศชั้น 1 , รถปรับอากาศชั้น 2
บริษัท ทันจิตต์ทัวร์ จำกัด
สอบถามตารางการเดินรถ (หมอชิตกรุงเทพฯ) โทร 02-9363210-3
รถปรับอากาศชั้น 1
บริษัท วิริยะทัวร์ จำกัด
สอบถามตารางการเดินรถ (หมอชิตกรุงเทพฯ) โทร 02-9362827
รถปรับอากาศชั้น 1
การเดินทางโดยรถไฟ (จากกรุงเทพมาลำปาง)
ขึ้นรถไฟที่สถานีหัวลำโพง มีให้บริการทั้งรถเร็ว รถด่วนพิเศษ ถ้านั่งรถไฟจะมีโอกาสได้ลอดอุโมงค์รถไฟขุนตาล และสามารถลงที่สถานีขุนตาลได้เลยกรณีต้องการเที่ยวอุทยานแห่งชาติขุนตาล
การเดินทางโดยเครื่องบิน (จากสนามบินสุวรรณภูมิมาลำปาง)
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ ของบริษัทการบินกรุงเทพ จำกัด เปิดบริการเที่ยวบินมาจังหวัดลำปางทุกวัน กำหนดบินออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 06.40 น. ถึง จังหวัดลำปาง เวลา 09.20 น. และออกจากจังหวัดลำปาง 09.50 น. ถึงสุวรรณภูมิ เวลา 12.30 น.
ขอบคุณข้อมูลจากเวป
คลิ๊กเลย