เคลียร์งานเสร็จเกือบสองทุ่ม กว่าจะออกเดินทางได้ สี่ทุ่มพอดีครับ ฤกษ์สะดวก ผมเซทไมล์ไว้ที่ 0 น้ำมันเต็มถัง
จากนนทบุรี (ศาลากลางนนท์) ผมใช้เส้นทางด่วนงามวงศ์วาน วิ่งมาลงที่บางปะอิน (เสียแค่ด่านงามวงศ์วาน 15 บ. ส่วนด่านบางปะอินไม่เก็บตังค์ เนื่องจากน้ำท่วม) ขับเข้าบางปะอิน มีน้ำท่วมนิดหน่อย ระดับหน้าแข้ง ระยะทางประมาณห้าร้อยเมตร วิ่งสบายๆครับ แต่บางช่วงมีหลุมเยอะเหมือนกันก่อนถึงบางปะหัน (ขับกลางคืนระวังหน่อยครับ)
หลังจากนั้นก็เข้าถนนเอเชีย ฉลุย ยิงยาวไปถึงนครสวรรค์ ถนนดีครับ ทำเวลาได้ แต่สิบล้อเยอะเหมือนกัน
ช่วงเข้าพิจิต ตรงเก้าเลี้ยว ถึงป้ายจังหวัดพิจิตรยินดีต้อนรับ ถนนไม่ดีเลยครับ เป็นหลุมเป็นบ่อยาวหลายกิโลเหมือนกัน ช่วงนี้ขับระวังๆหน่อยแล้วกัน พอผ่านป้ายเข้าพิจิตร ถึงพิษณุโลกถนนดีแล้วครับ
คืนนี้ผมมานอนโรงแรมไกรแสงเพลส ในตัวเมืองพิษณุโลก ถึงตีสองพอดีครับ ระยะทาง 362 ก.ม. ราคา 350 บ.ขำๆ สำหรับนอนไม่กี่ชั่วโมง ส่วนน้ำมันหมดไปขีดครึ่ง
สำหรับโรงแรมที่จอดรถอยู่ใต้สะพานมียามดูตลอด อยู่ใกล้สถานีรถไฟ ตัวโรงแรมติดมัสยิดห้องมีพร้อมทุกอย่างไม่หรู แต่ก็คุ้มค่าสำหรับราคา 350 บาท ส่วนน้ำ-ไฟ ราบเรียบไม่มีงอแงคุ้มค่ามาก
วันพุูธที่ 7 ธ.ค.54
เวลา 07.00 น.ล้อหมุน ตั้งใจจะเข้าไปไหว้พระพุทธชินราช แวะกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ซะหน่อย เจอการจารจรติดขัดแฟนผมบอกออกไปหากินข้างนอกดีกว่า ก็ดีเหมือนกัน ออกจากที่พักขับตรงไปจะเจอสี่แยกอินโดจีน หรือสี่แยกร้องโพธิ์ ให้เลี้ยวซ้ายออกไป จ.อุตรดิษถ์ (ช่วงขึ้นเขากำลังทำถนนอยู่ พอลงเขาถนนก็ปกติแล้วครับ) ผมขับมาถึงป้ายนี้เวลา 08.57 น. ระยะทาง 154 ก.ม.จาก ไกสแสงเพลส
จากป้ายขับไปหน่อยก็จะถึงแยกเด่นชัย เลี้ยวขวาไปแพร่-น่าน เราเลี้ยวซ้ายครับ เข้าลำปาง (จะมีป้ายบอก) ขับไปเรื่อยๆ ถนนจะเป็นสองเลนวิ่งสวนกัน รถไม่เยอะ พอขับแซงได้ ถนนราดยางตลอดไม่มีหลุมมีบ่อให้มากวนใจ ถึงตอนนี้ผมกับแฟนเริ่มหิวแล้วกันแล้ว แต่ดูสองข้างทางยังไม่เจอร้านอาหาร เลยวิ่งยาวมาถึงลำปาง ช่วงแยกโยนกเลี้ยวซ้ายขับไปเรื่อยๆ เจอร้านอาหารตามสั่งข้างทางถึง 10.00 น.พอดี
สั่งกินง่ายๆกันตายไปก่อน
อิ่มเสร็จออกจากร้านอาหารขับมานิดเดียวจะเจอสี่แยกห้าเชียง
จากแยกตรงนี้ให้ขับตรงไปครับ (จะมีป้ายบอกไปลำปาง เชียงใหม่) ขับไปตามป้าย มาถึงแยกจะมีป้ายบอกเลี้ยวซ้ายไป อ.จอมทอง ไม่ต้องเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เลี้ยวซ้ายไปตามป้าย ขับไปเรื่อยๆจะเจอสี่แยก ตรงไปเข้าสะเมิง เลี้ยวขวาเข้าเชียงใหม่ เราเลี้ยวซ้ายครับไป หางดง- จอมทอง มาถึงหางดง แวะเติมน้ำมันเต็มถัง จากนนท์บ้านผมมาถึงปั๊มน้ำมันเชลล์ที่ หางดง ทั้งหมด 710 ก.ม.หมดน้ำมันไป 58.69 ลิตร ตก 12 ก.ม./ลิตร ก็โอเคอยู่
หลังจากเช็คตรวจสภาพรถเสร็จ แวะซื้อของที่ 7/11 นิดหน่อยก็ออกเดินทางต่อ ตอนแรกตั้งใจจะไปไหว้ พระธาตุจอมทอง (เป็นพระธาตุประจำปีชวดครับ) แต่ผมกับแฟนเคยไปไหว้แล้ว ขอไม่แวะแล้วกัน (ถ้าจะเข้าไปไหว้พระธาตุต้องขับเลยแยกไปประมาณสองกิโล) จากหางดงไปจอมทองประมาณ 45 ก.ม.ครับ (จากบ้านผมมาถึงตรงแยกขึ้นดอยอินทนนท์ทั้งหมด 863 ก.ม.ครับ)
เวลา 12.42 น.ถึงแยกไฟแดงให้เลี้ยวขวาขึ้นดอยอินทนนท์ ผมเซทไมล์ไว้ที่ 0 ก.ม
ข้อมูลดอยอินทนนท์ ก่อนมาผมหาจากเวปนี้ละครับ ละเอียดสุดๆ
//www.thaiweekender.com/index.php/doiinthanon.htmlแนะนำเส้นทาง ระยะทางและสถานที่ท่องเที่ยว ใครจะไปไหนก็มาปรับโปรแกรมเอาเองครับ
เอาแผนที่ดอยอินทนนท์มาประกอบให้ดูจ้า
ก่อนขึ้นดอยอินทนนท์ ก.ม.ที่ 8 จะมีด่านตรวจของอุทยานฯ ดอยอินทนนท์ ต้องซื้อบัตรผ่านเข้าไปครับ
- ผู้ใหญ่คนละ 40 บาท
- เด็กคนละ 20 บาท
- ยานพาหนะ คันละ 30 บาท
- มอเตอร์ไซค์ คันละ 20 บาท
ผ่านด่านมาได้ ผมขอแวะเที่ยวน้ำตก วชิรธาร ก่อนครับ ดูในเวปแล้วน่าสนใจ
ผมมาถึงน้ำตกวชิรธารเวลา 13.15 น.ก็เดินชมเล่น ไปเรื่อยๆ
ที่น้ำตกจะมีร้านอาหารไว้บริการ ขายพวกไก่ย่าง-ส้มตำ และอาหารตามสั่ง ใครหิวก็ตามสะดวกนะครับ จะอยู่ตรงลานจอดรถ ข้างล่าง ส่วนผมจอดข้างบน นี้ไงครับรถผม เด่นเชียว
จอดรถได้ก็เดินขึ้นไปชมน้ำตกกัน ไม่ไกลครับ
จากรูปข้างบน เดินไปหน่อยจะมีทางลงไปชมน้ำตกใกล้ๆ (ถ้าเดินลงไปละอองน้ำตกแรงมาก ระวังกล้องด้วยนะครับ เปียกแน่ๆ )
นี่ไงครับ ลงมาชมน้ำตกกันใกล้ๆ ละอองน้ำเย็นเชียว
เดินไปอีกนิดจะเจอละอองน้ำกระทบกับแสงแดดทำให้เกิดสายรุ้งครับ สวยมากๆเลย คุ้มครับที่ลงไป
จุดนี้ต้องรีบถ่ายกลัวละอองน้ำเข้ากล้องพัง ทางเดินลงจะลื่นหน่อยถ้าใครจะลงก็ระวังๆแล้วกัน ขากลับไม่ต้องย้อนขึ้นไปทางเดิม ให้เดินตรงไปเรื่อยๆ จะเจอทางขึ้นเองครับ ระยะทางเดินชมน้ำตกไม่ไกลเดินเพลินดี หลังจากผมเดินชมน้ำตกได้ซักพัก ก็ออกเดินทางต่อไปยังสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
เวปสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
//www.royal-inthanon.com/
พิกัด จากน้ำตกวชิรธารที่ กม. 20 ถึง กม. 31 ก็จะเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ถ้าจะมากางเต็นท์ ต้องไปติดต่อเสียค่าธรรมเนียมตรงที่ทำการอุทยานฯ ก่อน (สถานที่กางเต้นท์กับที่ทำการอุทยานอยู่คนละที่กันครับ แต่ไมไกลประมาณ 4-5 กิโล) ถ้าจะไปที่ทำการ ให้ขับตรงไปจะผ่านสามแยก แล้ววิ่งผ่านสะพานข้ามลำห้วยไปนิดก็ถึงหน้าที่ทำการแล้ว(ถ้าตรงไปจะไปพระมหาธาตุเจดีย์ กิ่วแม่ปาน อ่างกา ยอดดอยอินทนนท์) จะมีป้ายบอกไม่ต้องกลัวหลงครับ ก่อนจะถึงตัวที่ทำการ จะมีสามแยกให้เลี้ยวขวาไปน้ำตกสิริภูมิ ด้านนั้นจะมีทั้งสถานีเกษตรของโครงการหลวง รวมทั้งลานกางเต็นท์ของอุทยานฯ อยู่ด้วย
มากันถูกแล้วเนอะ ถ้างงก็ลองดูแผนที่ข้างบนแล้วกันครับ
ถ้ามาถึงสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ก็หาที่จอดรถ จะมีลานจอดรถอยู่ด้านขวามือ แถวนั้นจะมีชาวบ้านเอาของมาขายหรือใครจะขับเข้าไปจอดข้างในก็ได้ แต่ที่จอดรถน้อยไม่สะดวก นอกจากจะไปทานอาหารข้างในจะมีที่จอดรถได้หลายคันหน่อย (เสียค่าเข้าคนละยี่สิบบาท)
ดูแผนที่สถานีเกษตรหลวงอินททน์กันก่อนครับ เวลาเดินจะได้ไม่หลง ไม่มั่วเหมือนผม
ภายในสถานี ได้จัดแบ่งเป็นโซนๆไว้ครับ มีอะไรก็เดินชมกันเองนะครับ ผมไม่บรรยาย เพราะบรรยายไม่ถูก
เดินลืมเหนื่อยเลยครับ อยู่กันเกือบสี่โมงเย็น หิวดิ 555 กินที่สถานีเกษตรนั้นแหละ เค้าว่าอาหารอร่อย ปลาก็สด ผักก็สด
ระหว่างทางเดินไปร้านอาหาร เห็นปลูกสวยดี
ร้านอาหารบรรยากาศเปิดโล่ง ตกแต่งเรียบๆ เย็นสบาย
ได้เวลาสั่งอาหาร เมนูแรก สลัดผักครับ จานนี้แฟนผมชอบ
จานต่อมา ปลาเทราต์ ที่นี่ทำได้หลายอย่าง ผมสั่งเป็นปลาเทราต์นึงซีอิ๋ว สุดยอดครับ เอาไป 5 ดาวเลยจานนี้
จานนี้ผมลืมชื่ออาหารครับ เอาผักไปชุบแป้งทอด แล้วจิ้มกับน้ำจิ้ม จานนี้เฉยๆอ่ะ
เมนูสุดท้าย น้ำพริกเห็ด กับปลาสลิด จานนี้กินน้ำพริกเห็ดไม่เป็นครับ มันเลี่ยนๆยังไงไม่รู้ แต่เป็นอาหารแนะนำนะครับ ผมไม่ชอบ แต่ปลาสลิดอร่อยมาก กินไม่เหลือซักตัว แถมเบียร์สิงห์อีกหนึ่งขวด ข้าว 2 จานค่าเสียหาย รวมทิป 650 บ.พอดีครับ
หลังจากนั่งกินไปก็คุยกันไป พี่คืนนี้นอนไหน แฟนเค้าถามผม ผมลืมไปเลยว่าคืนนี้ยังไม่มีที่พัก แต่ผมได้เตรียมเต้นท์มาแล้วไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ ก็เลยบอก เดี๋ยวค่อยไปหาที่กางเต้นท์ ชอบตรงไหนค่อยเลือกเอาแล้วกันเนอะ
ผมลองถามดูมีบ้านว่างอยู่สามหลัง นอนได้สองคน บ้านหลังละ 1,700 บ.ยังว่างอยู่ 2 ห้อง เอาว่ะ ถ้าไม่มีที่จริงๆ ก็คงกลับมานอนที่นี่แหละครับ
ถามข้อมูลเสร็จ (เวลา 16.15 น.) ขับรถออกทางด้านหลังจะไปน้ำตกสิริภูมิ ความจริงเดินไปก็ได้ครับ ไม่ไกลจากห้องอาหารออกประตูหลังไปน้ำตกสิริภูมิประมาณ 5-600 ม.
แอบเห็นจุดกางเต้นท์แถวน้ำตก น่าจะเป็นของเอกชนไม่แน่ใจ จะอยู่ข้างๆน้ำตก (เห็นสถานที่และบรรยากาศแล้วยังไม่โดนครับ)
เราเข้าไปชมข้างในน้ำตกกันดีกว่า เก็บค่าเข้าคนละ 20 บ. ในส่วนหน้าไม่ได้เก็บตังค์นะครับ ตรงป้ายสวนหลวงสิริภูมิ จะมีสวน น้ำตกเล็กเปิดให้เข้าชมได้ แต่ถ้าจะเข้าไปในส่วนของน้ำตก จะต้องเสียค่าเข้าครับ
น้ำตกสิริภูมิ
เป็นน้ำตกซึ่งไหลมาจากหน้าผาสูงชัน เป็นทางยาวสวยงามมาก สามารถมองเห็นได้จากถนนขึ้นดอยอินทนนท์ตรงที่ทำการอุทยานฯ จะเห็นเป็นสายน้ำตกแฝดไหลลงมาคู่กันแต่เดิมเรียกว่า เลาลี ตามชื่อของหมู่บ้านม้ง (แม้ว) เลาลี ซึ่งอยู่ใกล้ๆ น้ำตก น้ำตกสิริภูมิตั้งอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 31 ของทางหลวงหมายเลข 1009 มีทางแยกขวามือเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร แต่รถไม่สามารถเข้าไปใกล้ตัวน้ำตกได้ นักท่องเที่ยวต้องเดินเท้าเข้าไปบริเวณด้านล่างของน้ำตก
ภายในบริเวรน้ำตก ร่มรื่นเย็นสบาย ผมเดินไม่นาน (ประมาณครึ่งชั่วโมง) ก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดกางเต้นท์ของ อช. (ไม่ไกลครับ ขับประมาณสิบห้านาที) ลองดูแผนที่ข้างบนดูนะครับ
ผมลองขับวนเข้าไปดู และถามเจ้าหน้า ยังมีเหลือที่กางเต้นท์อยู่ คืนนี้ผมไม่กลัวแล้วครับ ยังไงก็มีที่นอนแน่
เอาค่าธรรมเนียมกางเต็นท์คนละ 30 บาทต่อคืน แต่ถ้าไม่มีเต็นท์มาเองก็มีให้เช่ากันด้วย
- เต็นท์ 3 คน หลังละ 225 บาท
- เต็นท์ 6 คน หลังละ 300 บาท
- เต็นท์ 8 คน หลังละ 600 บาท
- ถุงนอน ถุงละ 30 บาท
- หมอนใบละ 10 บาท
ผมขับออกจากลานกางเต้นท์ ไปที่ ดอยชัวร์ย่า (เป็นของเอกชน) จาก อช.ให้เลี้ยวขวาแล้วขับขึ้นไป ประมาณ 3 ก.ม.ก็มาถึง ดอยชัวร์ย่า ผมกับแฟนเห็น ไม่ต้องคิดมากเลยครับ เราตกลงกางเต้นท์นอนที่ดอยชัวร์ย่า ลานกางเต้นท์จะเป็นแบบลานกว้าง พาโนราม่ามาก ทำเป็นขั้นบันไดกางตรงไหนก็เห็นวิวเหมือนกันหมด ไม่มีเต้นท์คนอื่นมาบัง มองตรงออกไปจะเห็นน้ำตก สิริภูมิ สวยมาก ผมมาถึงดอยชัวร์ย่า 17.00 น.
คิดค่ากางเต้นท์ คนละ 80 บาทต่อคน (เอาเต้นท์ไปเอง) ส่วนบ้านพักผมไม่ได้ถาม ถ้าใครสนใจลองติดต่อไปเองนะครับ ดอยชัวร์ย่า
//www.doiinthanon.com/blog/?id=inthanon104 กางเต้นท์เสร็จก็ไป อาบน้ำ ห้องน้ำมีแก๊สทำน้ำอุ่นและเปิดไฟตามจุดกางเต้นท์ตลอดคืน สะดวกและปลอดภัยครับ ตอนเย็นๆที่ดอยชัวร์ย่ามีหมูกระทะบริการส่งให้ปิ้งย่างกันถึงเต้นท์ ขายเป็นชุดมีหลายราคาผมไม่ได้ใช่บริการ (ที่ อช.ก็มีเหมือนกัน)
นี่ไงครับเต้นท์ผม
ผมกางเต้นท์ข้างๆต้นท้อ ดอกกำลังบานเลย มองวิวข้างหน้าก็เห็นน้ำตกสิริภูมิ แบบพาโนราม่า ตอนกลางคืน ไร่เบญจมาศ ก็เปิดไฟเต็มดอย แถมกลางคืนนอนดูดาวอีก คืนนี้มีความสุขครับ คืนนี้ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ พรุ่งนี้จะไปเที่ยวสะเมิงต่อ
คลิ๊กเลย คืนนี้ฝันดีทุกท่านครับ
ผมลงรายละเอียดการเดินทางและค่าใช้จ่ายไว้เพื่อให้เพื่อนๆเป็นข้อมูลในการวางแผนเดินทางมาเที่ยวนะครับ ใครสงสัยถามได้จ้า
สรุปค่าใช้จ่าย
วันอังคารที่ 6
- ค่าทางด่วน 15 บาท
- ค่าโรงแรมไกรแสงเพลส 350 บาท
วันพุธที่ 7
- ค่าอาหารเช้าที่ลำปาง 170 บาท
- ค่าน้ำมัน 1,950 บาท (เติมเชลล์ วีเพาเวอร์ลิตรละ 33.23 บาททั้งหมด 58.69 ลิตร)
- ซื้อขนม 7/11 138 บาท
- ค่าเข้าด่าน 110 บาท
- ค่าดอกไม้ 4 ชุด 40 บาท
- ค่าเข้าชมสถานีเกษตรคนละ 20 บาท 40 บาท
- ค่าอาหารที่สถานีเกษตร 650 บาท
- ค่ากางเต้นท์คนละ 80 บาท 160 บาท
- ค่าน้ำแข็ง+ขนม 25 บาท
รวมวันแรก 3,648 บาท