แอ่วเจียงฮาย วันที่ 5 แม่สลอง เชียงแสน
ย้อนดูวันที่ 4 ดอยช้าง-แม่สลอง คลิ๊กเลย
วันอังคาร 18 ธ.ค.55
เมื่อคืนที่แม่สลองอากาศเย็นสบายดีครับ ไม่ถึงกับหนาว น่าจะประมาณ 15-18 องศา ผมตื่นมาหกโมงเช้า มารับแสงแดดแรกที่แม่สลอง
ล้างหน้าเสร็จออกไปเดินเล่น เจอตลาดสดแม่สลอง จากลิตเติ้ลโฮม เลี้ยวซ้ายจะผ่านซุ้มประตูโรงแรมซินแซ ก็ถึงตลาดสดแล้วครับ ระยะทางไม่เกิน 10 เมตรไม่ไกลเลย ซุ้มประตูโรงแรมซินแซ
ผ่านซุ้มประตูโรงแรมซินแซ ก็ถึงตลาดสดแม่สลองแล้วครับ
ตลาดสดไม่ใหญ่มาก แต่หน้าตลาดมีชาวบ้านชาวเขาเอาของที่ทำเองมาวางจำหน่าย
ผักปลูกเอง สดมาก แถมถูกอีกต่างหาก ถ้าผมกลับบ้านพรุ่งนี้จะเหมามาทำจับฉ่ายที่บ้านแล้ว
ส่วนของกินนี่เรียกอะไรก็จำไม่ได้แล้วครับ เป็นอาหารคาว สีเหลืองๆเป็นเหมือนแป้งไม่เหนียว เหลวๆหน่อย ตักใส่ถุงใส่ชาม แล้วนำมาปรุงรสใส่เครื่องพวกพริก น้ำปลา น้ำอะไรบ้างก็ไม่รู้ ผมจะลองซื้อกินแล้วแฟนห้าม กลัวผมท้องเสีย เดี๋ยวต้องขับรถทั้งวันอีก ก็เลยไม่ได้ลองชิมครับ
ส่วนแฟนผมซื้อพวกเส้นหมีผัดต่างๆทั้งสองเจ้า รสชาติจืดๆหน่อย ไม่ค่อยเข้มข้นเหมือนภาคกลางแต่ถูกดี 10 บาทเองครับ
นี่ก็จืดเหมือนกัน
ถือโอกาสซื้ออาหารทำบุญใส่บาตรไปด้วยเลย
กุนเชียงยูนานกับหมูน้ำค้าง น่ากินเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้ซื้อครับ มีขายหลายเจ้าอยู่เหมือนกัน
เข้าไปชมด้านในตลาดกัน จะขายผักสด ของชำ ของแห้ง เหมือนตลาดสดทั่วไปครับ ใครพักแถวนั้นจะลองมาเดินเล่นก็ได้
จากตลาดสดเดินตรงไปจะเจอสามแยกเห็นมีป้ายบอกเลี้ยวซ้ายไปวัดสัตติคีรีถ้าเลี้ยวขวาลงไปจะเป็นหมู่บ้านชาวเขา เดินขึ้นเนินไปประมาณ 300 เมตรได้มั่ง ทางราดยางอย่างดี ขึ้นไปถึงวัดมีป้ายบอกขึ้นบันไดไปไหว้พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทร์สถิตมหาสันติคีรี ได้เลยครับ
บันไดทางขึ้นจะเป็นอย่างนี้ครับ ระหว่างทางจะมีศาลาให้พักเหนื่อยระหว่างทางสองจุด
บันไดอย่างที่เห็นในภาพนะครับ ไม่ชันมากเดินสบายๆ มาถึงพระบรมฐาตุฯจนได้ บันไดมีทั้งมด 719 ขั้น ผมไม่ได้นับเห็นเขียนไว้ตรงบันได เล่นเอาขาสั่นเหมือนกัน เห้อๆ
ผมขึ้นมาถึงเกือบแปดโมงเช้า พระบรมฐาตุฯยังไม่เปิดเลย
เลยไม่ได้เข้าไปชมข้างใน แต่ไม่เป็นไร เมื่อวานเดินชมมาแล้ว ส่วนประวัติไม่อธิบายแล้วสนใจกลับไปอ่านของเมื่อวานได้ครับ
วิวจากบนพระธาตุ
ผมถ่ายรูปได้ซักพักก็เดินลงบันไดทางเดิมครับ เดินมาครึ่งทางเจอลุงกำลังกวาดใบไม้ตามบันไดอยู่ ถามว่าที่พระบรมฐาตุเปิดให้เข้าชมกี่โมง ลุงบอกว่าเปิดแต่เช้า เจ็ดโมงกว่าๆก็เปิดแล้ว ผมบอกว่าเมื่อกี้ขึ้นไปยังไม่เห็นเปิดเลยครับ ลุงบอกว่าจะเปิดได้ไง กุญแจอยู่กับลุง ลุงเป็นคนเปิดปิดประตูทุกวันเองละ โห้..ลุงสุดยอดเลย เดินขึ้น-ลงทุกวันดูแล้วแข็งแรงกว่าผมอีก 555
หลังจากลงพระบรมฐาตุเสร็จกลับเข้าที่พักพร้อมออกเดินทาง จากลิตเติ้ลโฮม เวลา 9.13 น.ระยะทางหน้าไมล์ 1,039 ก.ม. ผมลงเส้นทางเดิมที่เมื่อวาน ใช้เส้นทาง 1234 ลงไปทางแม่จันแล้วขับตรงยิงยาวไปตามป้ายถึงแม่สาย จากที่พักแม่สลองมาถึงแม่สาย เวลา 10.35 น.ระยะทาง 1,107 ก.ม. ผมวนตรงหน้าด่านไปสองรอบไม่มีที่จอดรถ ขับวนออกมาอีกรอบเจอป้ายห้างหงษ์ฟ้า บอกว่าเอารถไปจอดฟรีได้ (อยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงด่านแม่สายต้องขับเข้าไปในซอยชั้นใต้ดิน) ห้างนี้จอดรถได้ฟรีแต่ห้ามจอดค้างคืน
ตามโปรแกรมที่ผมวางไว้ก่อนมา ไม่ได้ตั้งใจจะมาเที่ยวแม่สาย ที่จริงวันนี้ลงจากแม่สลอง ใช้เส้นทาง 1089 ลงทางกิ่วสะไต ไปแม่จัน ตัดเข้า 1016 ผ่านทะเลสาบเชียงแสน แต่พอตอนเช้าคุณแฟนอยากข้ามไปท่าขี้เหล็กซะงั้น เลยเปลี่ยนแผนกระทันหัน ส่วนข้อมูลท่าขี้เหล็ก แม่สายไม่มีเลยอ่ะ ไม่ได้เตรียมตัว ก็เลยเที่ยวแบบงมๆกันไป พอจอดรถได้ ถามข้อมูลคนแถวนั้น ถ้าจะข้ามไปท่าขี้เหล็กต้องไปทำใบผ่านแดนที่อำเภอ (เมื่อก่อนทำที่ด่านได้เลย) ถ้าจะไปทำหนังสือใบผ่านแดนที่อำเภอต้องขับรถวนไปใหม่อีกรอบ หรือไม่ก็นั่งมอเตอร์ไซด์คนละ 40 บาทไป-กลับ ผมเลยต้องขับรถวนมาอีกรอบ ถ้าท่านใดจะไปท่าขี้เหล็ก ให้แวะทำหนังสือผ่านแดนก่อนเลยครับ ถ้ามาจากเชียงราย ก่อนถึงแม่สาย (ประมาณ 2 ก.ม.) เลยสามแยกไฟจราจรไปหน่อย ให้ขับช้าๆชิดซ้ายๆไว้จะมีป้ายบอกทำหนังสือผ่านแดนเลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยครับ ไม่ต้องกลัวที่จอดรถกว้างขว้าง
ใช้เวลาทำไม่เกิน 5 นาทีต่อคนครับ เร็วมาก แค่ยื่นบัตรประชาชนอย่างเดียว แล้วก็ได้ใบผ่านแดนเสร็จแล้วเราก็เซ็นต์นิดหน่อยก็เป็นอันเสร็จพิธี ราคาค่าทำบัตรผ่านแดนคนละ 30 บาทต่อคน (เจ้าหน้าที่แนะนำถ้ามีพาสปอร์ตไม่ต้องใช้ เพราะที่ด่านพม่าเค้าเก็บค่าพาสปอร์ตคนละ 500 บาทให้มาทำบัตรผ่านแดนจะถูกกว่า อันนี้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยบอกนะครับ) หน้าตาหนังสือใบผ่านแดนจะเป็นอย่างนี้ครับ ขออนุญาตปิดบังใบหน้าและข้อมูล กันอุจาด 555
ขั้นตอนการทำหนังสือผ่านแดน (เร็วมากใช้เวลาประมาณ 5 นาที)บัตรที่ใช้ยื่นในการทำหนังสือผ่านแดน บัตรประชาชน, บัตรข้าราชการ หรือ ใบขับขี่ (อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น) 1. ยื่นบัตร (ตามรายละเอียดบรรทัดบน) ที่ช่องบริการ 1-19 2. รอรับหนังสือผ่านแดน (กระดาษ A4 1 แผ่น) พร้อมชำระค่าธรรมเนียม คนละ 30 บาท 3. ถ้ามาเป็นกลุ่มให้รวบรวมบัตรแล้วยื่นทีเดียว สามารถฝากคนอื่นยื่นให้ได้ 4. เมื่อได้หนังสือผ่านแดนแล้วให้ลงชื่อในเอกสาร 5. สามารถนำไปใช้ผ่านแดนได้เลย ถ้าทำตามขั้นตอนนี้จะใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีครับ เร็วมาก 6. หนังสือผ่านแดนเป็นเอกสารสำคัญ ต้องเก็บไว้ให้ดี ขากลับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยจะเรียกเก็บคืน หลังจากได้ใบผ่านแดนแล้วก็เอารถไปจอดที่เดิม จากห้างหงษ์ฟ้า เดินไปด่านไม่ไกล แวะกินข้าวเช้าก่อน เดินผ่านร้านอาหารปักษ์ใต้ตึกแถวข้างๆทางนั้นแหละครับอาหารมื้อเช้ากะกินกันตาย ดันอร่อยขึ้นมาอีก เลยต้องเบิ้ลไปอีกชาม
ส่วนเส้นหมื่ผัดห่อใบตองผมซื้อมาจากตลาดแม่สลองตอนเช้าครับ
อิ่มเสร็จก็เดินผ่านด่านแม่สายเข้าท่าขี้เหล็กแล้วครับ
ตลาดท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่าประเทศพม่า..มีชายแดนติดกับประเทศไทยที่อำเภอสาย จังหวัดเชียงราย โดยมีแม่น้ำแม่สายเป็นแนวกั้นเขตแดนที่ท่าขี้เหล็ก..พม่าเป็นอีกประเทศหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวกันเป็นอย่างมาก ในช่วงวันหยุดยาวนักท่องเที่ยวจะเยอะมาก แบบไม่มีที่จะเดินหรือจะซื้อสินค้าเพราะเข้าไม่ถึง แนะนำว่าการเที่ยวตลาดท่าขี้เหล็กแบบสบาย ผู้คนไม่เยอะ เลือกซื้อสินค้าได้อย่างที่ชอบและถูกใจ ต่อรองราคาได้ต้องเป็นช่วงที่ไม่ใช่วันหยุดยาวจะดีกว่า...เพราะเงียบมาก ข้อมูลจากเวป คลิ๊กเลย
ขั้นตอนเข้าท่าขี้เหล็กจะมีช่องสำหรับคนต่างชาติเดินเข้าไป จะมีเจ้าหน้าที่ด่านคอยปั๊มตราเข้าที่ใบผ่านแดนให้เรา เสียค่าเหยียบแผ่นดินคนละ 10 บาท อย่าให้ใบผ่านแดนหาย เดี๋ยวจะกลับไทยไม่ได้ต้องไปติดต่อเจ้าหน้าที่วุ่นวายแน่ครับ ข้อควรรู้สำหรับนักท่องเที่ยวของต้องห้ามในการนำเข้า/ส่งออกนอกราชอาณาจักรไทย 1. ยาเสพติดให้โทษทุกชนิด 2. สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา แว่นตา แผ่นซีดี และสิ่งเทียมอาวุธปืน (เว้นแต่เป็นของใช้ส่วนตัว ห้ามนำไปแจก จ่าย ฝากขาย) 3. ซีดีอนาจาร วัตถุลามก สิ่งเทียมอวัยวะเพศ 4. สามารถซื้อเครื่องดื่มแอลกฮอล์ติดตัวเข้ามาได้ไม่เกินคนละ 1 ลิตร บุหรี่ไม่เกิน 200 มวน หรือซิการ์ไม่เกิน 250 กรัม การนำเข้ามาในราชอาณาจักรมีความผิดตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 มีโทษปรับ 4 เท่าของราคารวมภาษีอากร หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนข้ามไปท่าขี้เหล็กจะมีป้ายข้อห้ามต่างๆเต็มไปหมด สำหรับผมท่าขี้เหล็กไม่ค่อยประทับใจอะไรมากเท่าไหร่ เดินข้ามด่านไปได้ ก็เจอไกด์+ตุ๊กๆมาถามว่าจะไปเที่ยวเจดีย์ ในเมืองต่างๆไหม เยอะไปหมด (ใครสนใจถาม ต่อรองราคากันเองเลยครับ) พอลงไปในตลาดดูวุ่นวายอ่ะ ของขายก็ทั่วๆไป ส่วนบุหรี่แฟนผมลองถามมาโบโร่ Cotton ละเท่าไหร่ ยาวเลยครับ บอกว่าเดี๋ยวกลับมาซื้อ ก็ไม่ยอมเดินตามตลอด ไปไหนก็ยืนรอหน้าร้าน ผมเลยเดินเข้าไปร้านปลอดภาษี ซื้อที่นี่แหละตัดความรำคาญ แถมเรดลิตรมาอีก 2 ขวด (ในดิวตี้ฟรีบุหรี่ Cotton ละ500 แต่เจ้แกขาย 300 พอผมไม่เอาลดให้เหลือ 200 ยังตามตื้อไม่เลิก ถ้าผมต่อ 150 เจ้แกคงขายให้แน่ หุหุ) ร้านปลอดภาษีฝั่งท่าขี้เหล็ก เป็นตึกแถวสองคูหา ไม่ค่อยใหญ่เท่าใหร่ แต่มีพวกเหล้า บุหรี่ ขายเยอะเหมือนกัน ร้านนี้แหละครับ
พอเจ้แกเห็นผมซื้อที่ร้านปลอดภาษีแล้ว เจ้แกเลยไม่มายุ่งกับผมอีก จากนั้นก็ลั้นล้าเดินชมนั้นชมนี้ในตลาด ส่วนตัวเฉยๆกับตลาดขี้เหล็ก อาจไม่คุ้นมั่ง ผมชอบเดินคลองถมบ้านเรามากกว่า เห้อๆ
เดินได้ไม่นานก็กลับ ก่อนกลับแวะร้านปลอดภาษีฝั่งไทย ดูคนเงียบๆไม่เหมือนท่าขี้เหล็ก ของจะแพงกว่าฝั่งนั้นเหมือนกัน เข้าด่านไทยได้ จะเดินกลับผ่านตลาดเห็นป้ายไปวัดพระธาตุดอยเวา เลยขอเดินขึ้นไปไหว้พระธาตุหน่อยครับ
ประวัติพระธาตุดอยเวา คลิ๊กเลยพระธาตุดอยเวา สร้างในพ.ศ. 296 ในรัชสมัยพระองค์เวา รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์สิงหนวัติ ผู้ครองนครโยนกนาคพันธุ์ โดยชื่อนั้นได้นำมาจากพระนามของพระองค์เวา ต่อมาพระธาตุเจดีย์ได้พังลงตามกาลเวลา นายบุญยืน ศรีสมุทร คฤหบดีอำเภอแม่สาย ได้ร่วมกับ พระภิกษุดวงแสง รัตนมณี พร้อมด้วย ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนผู้มีจิตศรัทธา และ กรมศิลปากร ร่วมกันจัดสร้างขึ้นขึ้นใหม่ ในการขุดแต่งครั้งนี้ พบผอบหินสีดำ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 5 พระองค์ จึงได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานในองค์พระธาตุดังเดิม มีการวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2494 และสร้างเสร็จพร้อมฉลองสมโภชพระธาตุในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 โดยมีพุทธบริษัททั้งสองประเทศ ร่วมงานอย่างคับคั่ง
ขึ้นพระธาตุดอยเวา ต้องเดินขึ้นบันไดประมาณ 200 กว่าขั้น ถ้าใครขี้เกียจเดินจะมีมอเตอร์ไซด์รับจ้างขึ้นไปส่ง คนละ 20 บาทต่อเที่ยว ขึ้นไปแล้วถ่ายรูปบนอาคารสามารถดูวิวฝั่งพม่าได้ชัดเจนเลยครับ
ด้านซ้ายจะเป็นอาคารพุทธอริยะเทวาลัย มีรูปปั้นแมงป่องยักษ์ด้วย ไม่รู้ความหมายและที่มาที่ไป
ขึ้นไปชมข้างในกัน มีทั้งหมด 3 ชั้น
หลังจากไหว้พระธาตุทำบุญเสร็จลงจากพระธาตุ เดินดูตลาดไปเรื่อยๆแล้วก็มาถึงที่จอดรถ ออกเดินทางไปเชียงแสน ออกจากแม่สายเวลา 13.43 น.หน้าไมล์ 1,107 ก.ม. ผมใช้เส้นทาง 1290 ไปเชียงแสน ออกจากแม่สายจะมีป้ายบอกตรงสามแยกไฟแดง ตรงไปเข้าเชียงราย เลี้ยวซ้ายไปสามเหลี่ยมทองคำ-เชียงแสน เลี้ยวซ้ายโลด สำหรับเส้นทางนี้โอเคเลยครับ ทางเรียบ ไม่ต้องห่วง ขับไปตามป้าย ก็มาถึงสามเหลี่ยมทองคำ
ถึงสามเหลี่ยมทองคำเวลา 14.10 น.หน้าไมล์ 1,141 ก.ม.ระยะทางประมาณ 30 กิโล ประวัติ คลิ๊กเลย"สามเหลี่ยมทองคำ" เป็นแนวตะเข็บชายแดนรอยต่อสามประเทศ คือ ไทย พม่า ลาว มีพื้นที่ประมาณ 1.5 แสน ตร.ม. ภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีชนกลุ่มน้อย กองกำลังติดอาวุธอาศัยอยู่หลายกลุ่ม พื้นที่แถบนี้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางว่าเป็นแหล่งปลูกฝิ่นและผลิตยาเสพติดแหล่งใหญ่ มีโรงงานผลิตเฮโรอีนกระจายอยู่ตามตะเข็บชายแดน การลำเลียงฝิ่นใช้คาราวานล่อลัดเลาะไปตามไหล่เขา มีกองกำลังคุ้มกัน ราคาซื้อขายยาเสพติดว่ากันว่าแลกเปลี่ยนด้วยทองคำ ในน้ำหนักที่เท่ากัน ยางข้นเหนียวของฝิ่นดิบ จึงถูกเรียกว่า ทองคำ พื้นที่แถบนี้จึงถูกขนานนามว่า "สามเหลี่ยมทองคำ"
ที่สามเหลี่ยมทองคำจะมีพระพุทธรูปนวล้านตื้อ เป็นที่นับถือของชาวเชียงแสน วันที่ผมไปทัวร์ต่างชาติมาเที่ยวกันเยอะเลยครับ พระพุทธรูปนวล้านตื้อ (จำลอง) คลิ๊กเลยหากท่านที่ไปเที่ยวเชียงแสนผ่านไปทางป้ายสามเหลี่ยมทองคำ เลยไปทางร้านค้าของที่ระลึกต่างๆ ท่านจะได้พบเห็นองค์พระพุทธรูปสีทองขนาดใหญ่ น้ำหนักกว่า69 ตัน เฉพาะองค์พระตักกว้าง 9.99 เมตร สูง 15.99 เมตร ประทับอยู่บนเรือนแก้วกุศลธรรมขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีตุง(ธง) เฉลิมพระเกียรติองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระบรมราชินีนาถฯ อยู่เบื้องข้าง พระพุทธรูปองค์นี้คือ พระพุทธนวล้านตื้อ พระพุทธนวล้านตื้น องค์นี้เป็นพระเชียงแสนสี่แผ่นดินเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งได้สร้างขึ้นแทนองค์เดิมที่จมลงแม่น้ำโขง หน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน สมัยรัชกาลที่ 3 และสร้างขึ้นด้วยทองสัมฤทธิ์ ปิดทองด้วยบุศราคัม น้ำหนักถึง 69 ตัน หน้าตักกว้าง 9.99 ม.สูง 15.99 ม. ประทับนั่งบน "เรือแก้วกุศลธรรม" ขนาดใหญ่ ..พร้อมกันนั้นก็ได้สร้างตุงหลวงเฉลิมพระเกียรติ สูง 17.99 ม. ศูนย์ OTOP ล้านนา ซุ้มประตูโขงและพระมหาโพธิสัตว์(เจ้าแม่กวนอิมหยกขาว สูง 9.99 ม.) ทั้งหมดนี้ได้ใช้งบประมาณถึง 69 ล้านบาท
ก่อนจะเข้าไปไหว้พระพุทธรูปนวล้านตื้อ จะต้องลอดท้องช้างเพื่อเป็นสิริมงคลครับ
ใครมาสามเหลี่ยมทองคำอย่าลืมเคารพสักการะพญาแสนภูด้วยนะครับ อยู่หน้าพระพุทธรูปนวล้านตื้อ พญาแสนภู ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์มังรายลำดับที่ ๓ ทรงเป็นราชบุตรองค์แรกของพญาไชยสงคราม เหตุที่ชื่อแสนภู เพราะเกิดบนภูดอยทรงพระประสูติ ณ เวียงหิรัฐนครเงินยาในราวต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๙ มีพี่น้องร่วมพระราชบิดาและพระราชมารดาเดียวกัน ๓ พระองค์ คือ เจ้าแสนภู เจ้าน้ำท่วม และเจ้าน้ำน่าน(ท้าวงั่ว) ในขณะทรงพระเยาว์ ได้ติดตามพระราชบิดาไปพำนักที่เมืองเชียงราย
ถ้าใครมีเวลาแนะนำนั่งเรือล่องแม่น้ำโขงชมทิวทัศน์สามประเทศ เป็นกิจกรรมยอดนิยมอีกอย่างที่สามเหลี่ยมทองคำ มีท่าเรือยาวให้บริการหลายท่า แต่ละท่าจะจัดเรือพาท่องเที่ยวเหมือนกัน คือ แล่นทวนลำน้ำโขงเลียบฝั่งพม่า ผ่านเกาะหมอโท ซึ่งเป็นเกาะสันดอนทรายกลางลำน้ำโขง ผ่านเข้าพาราไดส์รีสอร์ท วกกลับล่องลำน้ำเลียบฝั่งลาว แวะให้ขึ้นไปชมตลาดปลอดภาษีของลาวที่บ้านดอนซาว ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นเหล้าและบุหรี่ เครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูกจากจีน จากนั้นกลับมายังท่าเรือที่สบรวก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ใครสนใจก็ลองเดินถามราคากันได้เลยครับ ส่วนผมไม่ได้นั่งเรือเที่ยว
สำหรับที่จอดรถยนต์ สามารถจอดตามข้างทางฝั่งด้านแม่น้ำได้เลย ส่วนด้านตรงกันข้ามจะเปิดร้านขายสินค้าต่างๆให้นักท่องเที่ยวได้แวะซื้อ ใครขับเส้นทางนี้ก็ขับช้าๆด้วยนะครับ มีรถเข้า-ออกตลอด
ได้เวลาเดินทางไปเชียงแสน ผมออกจากสามเหลี่ยมทองคำเวลา 14.50 น.มาถึงเชียงแสนเวลา 15.00 น.ระยะทางห่างกัน 10 ก.ม. สภาพถนนรถวิ่งสวนสองเลน ทางค่อนข้างดี ขับสบายครับ บางช่วงแอบเลาะริมโขงบ้าง แล้วก็มาถึงกำแพงเมืองเชียงแสน จะไปที่พักผม ให้ขับตรงตามถนนเลาะชายโขงไปเรื่อยๆ ด้านขวาจะผ่านวัด ตัวเมือง ส่วนด้านซ้ายก็เป็นร้านอาหาร ท่าเรือ ด่านศุลกากร ก็ขับตรงไปเรื่อยๆ ออกกำแพงเมืองเชียงแสนไปอีก 1 ก.ม.ก็มาถึง สยามไทรแองเกิ้ล คลิ๊กเลย เพิ่งเปิดได้ประมาณ 2-3 ปี
ปล.ตอนกลางคืนเค้าไม่ให้เอารถมาจอดที่หน้าโรงแรมติดถนนนะครับ เพราะตอนกลางคืนสิบล้อจะวิ่งกันเยอะ เค้าจะให้เข้าไปจอดที่จอดรถของโรงแรมเอง อยู่ฝั่งตรงข้าม มียามดูแลสะดวกปลอดภัยดี
มาดูห้องพักกันบ้าง ห้องติดถนนที่ผมจองไว้ ห้องกว้างเหมือนกัน สะอาด มีอุปกรณ์ให้พร้อม แต่เป็นเตียงคู่
ภายในห้องน้ำ มีอ่างน้ำ แยกแบบเปียก-แห้ง ชอบมาก
ผมเปลี่ยนห้องมาอยู่ริมแม่น้ำ ได้ห้อง 303
การจัดแต่งห้องจะคล้ายๆกัน ห้องใหญ่เท่ากัน ห้องน้ำเหมือนกัน ต่างกันแค่วิว ส่วนห้องติดริมน้ำจะเป็นเตียงเดี่ยว ห้องใหม่ สะอาดไม่มีกลิ่นอับ แอร์เย็น น้ำไหลแรง พนักงานบริการดีทุกท่าน แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับผม
มีระเบียงไว้นั่งชมวิวกับโต๊ะรับแขก 1 ชุด
หลังชมห้องเสร็จ ได้เวลาไปพระธาตุผาเงา (ออกจากที่พักให้ขับตรงไปทางเชียงของ ไม่ได้เข้าตัวเมืองเชียงแสน) ขับไปประมาณ 4-5 ก.ม.ก็ถึงพระธาตุผาเงาจะอยู่ทางด้านขวามือของถนน มีป้ายบอกครับ อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนบ้านสบคำ
จากปากทางเข้าวัด ให้ขับตรงเข้าไปในตัววัด จะมีป้ายบอกเลี้ยวขวาขึ้นเนินเขาไปตามทางจะไปถึงยอดพระธาตุครับ จอดรถได้ก็เข้าไปชมพระธาตุข้างในกัน
พระธาตุผาเงา
วัดพระธาตุผาเงา อำเภอเชียงแสน เป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญของจังหวัดเชียงราย ได้ชื่อมาจากพระธาตุผาเงาที่อยู่ในบริเวณวัดซึ่งตั้งอยู่บนยอดหินก้อนใหญ่ คำว่า "ผาเงา" ก็คือ เงาของก้อนผาหรือก้อนหินที่มีลักษณะเป็นรูปสูงใหญ่คล้ายรูปทรงพระเจดีย์และให้ร่วมเงาที่ดีมาก ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า "พระธาตุผาเงา" พระธาตุองค์นี้เชื่อกันว่าสร้างมาตั้งแต่ ระหว่าง ปี พ.ศ.๔๙๔ - ๕๑๒ โดย ขุนผาพัง เข้าผู้ครองนครโยนก องค์ที่ ๒๓ สิ่งสำคัญในวัดพระธาตุผาเงา นอกจากพระธาตุผาเงาแล้วยังมีสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น พระเจดีย์เจ็ดยอด พระเจดีย์จอมจัน พระวิหาร สถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลวงพ่อผาเงา พระธาตุพุทธนิมิต และซุ้มประตูพระธาตุผาเงาที่มีลวดลายลักษณะสวยงามมาก เป็นสถานปฏิบัติธรรมบนเนื้อที่ประมาณ ๑๔๓ ไร่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในปี พ.ศ.๑๐๐๕ วิหารใหม่สร้างขึ้นบริเวณที่ขุดพบพระประธาน (หลวงพ่อเงา) บนยอดเขาประดิษฐาน พระบรมธาตุนิมิตรเจดีย์ ซึ่งบริเวณนี้สามารถชมวิว ทิวทัศน์บริเวณเมืองเชียงแสน แม่น้ำโขง แม่น้ำคำ และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้
ที่เห็นเป็นพระธาตุเจ็ดยอด โดยมีพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์สร้างครอบไว้ รูปข้างบนเจดีย์สีขาวคือพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ครับ ภายในพระธาตุเจ็ดยอด จะมีพระพุทธรูปปางต่างๆ สร้างรอบพระธาตุ
ด้านนอกรอบๆพระบรมธาตุจะมีพระพุทธประจำวันเกิดให้ทำบุญกัน
ต้นสาระลังกา ในหลวงของเราทรงปลูกเมื่อวันที่ 29 ม.ค.36
พระธาตุผาเงาจะมีพระธาตุโบราณ 3 องค์ เนินเขาข้างล่าง เป็นที่ตั้งของพระธาตุผาเงา ที่สร้างไว้บนหินก้อนใหญ่ ถัดจากนั้นสูงขึ้นไป 300 เมตร เป็นซากเจดีย์ สูงประมาณ 5 เมตร ชาวบ้านเรียกว่าพระธาตุจอมจัน ส่วนที่สูงที่สุดของเนินเป็นที่ตั้งของซากเจดีย์อีกองค์หนึ่ง สูงประมาณ 5 เมตรเช่นกัน ชาวบ้านเรียกว่า พระธาตุเจ็ดยอด ต่อมาทางวัดได้สร้างพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ครอบองค์พระธาตุเจดีย์เดิมไว้ แต่ก็ยังสามารถมองเห็นซากของพระเจดีย์เจ็ดยอดได้ ณ ภายในพระเจดีย์องค์ใหม่นี้ สรุปแล้วในวัดนี้มีเจดีย์โบราณสร้างไว้ในอดีตถึง 3 องค์ คือ 1.พระธาตุผาเงา (ล่างสุด) 2.พระธาตุจอมจัน (อยู่ระหว่างกลาง) 3.พระธาตุเจ็ดยอด (บนสุด) นี่คือพระธาตุจอมจันครับ ส่วนเนินข้างล่างที่ตั้งพระธาตุผาเงาผมไม่ได้ถ่ายรูปมาครับ
รูปนี้จากวิวด้านบนพระบรมธาตุ จะเห็นแม่น้ำโขงและฝั่งลาวอย่างชัดเจน
ใครไปเที่ยวเชียงแสน อย่าลืมแวะไปไหว้พระธาตุผาเงาด้วยนะครับ แนะนำเลย ที่พระธาตุผาเงามีอะไรน่าสนใจเยอะเลย โดยเฉพาะอุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมล้านนาสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กตกแต่งด้วยไม้สักแกะสลัก และลวดลายปูนปั้นในศิลปะแบบล้านนาเป็นโบสถ์ วิหารคต ขนาดกว้าง ๑๕ เมตร ขนาดยาว ๒๕ เมตร หลังคามุงกระเบื้องดินขอโบราณลดหลั่น ๒ ชั้น ท่านผู้หญิงอุศนา ปราโมช ณ อยุธยา เป็นประธานกรรมการก่อสร้างอุโบสถเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาาฯ สยามบรมราชกุมารี และได้เสด็จฯ ทรงเป็น ประธานพิธีถวายอุโบสถ เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๔๗ อีกทั้งได้พระราชทานพระราชานุญาตอัญเชิญอักษรพระนามาภิไธย่อ สธ ประดิษฐาน หน้าบันอุโบสถ สนใจรายละเอียด รูป ภาพและข้อมูลพระธาตุผาเงา คลิ๊กเลย
อยากบอกว่า อุโบสถ สวยงามมากเลยครับ ทั้งไม้ ทั้งปูนปั้นแกะได้อ่อนช้อย งดงามจริงๆ
ผมอยู่ที่พระธาตุผาเงาเกือบเย็นก็ได้เวลากลับเข้าที่พักแล้วครับ ดูเส้นทางที่ผมจะกลับจากที่พักสิครับ สวยเนอะ
ผมมาถึงโรงแรมเวลา 16.55 น.ระยะทาง 1,166 ก.ม. เข้ามาห้องพักขอชมบรรยากาศริมแม่น้ำโขงยามเย็น ถ่ายจากห้องพักครับ
ตอนแรกว่าจะอาบน้ำแล้วไปหาอะไรกินตามชายโขงแถวในเมือง แต่ขี้เกียจขับรถ เลยสั่งอาหารกินที่สยามไทรแองเกิ้ลนั้นแหละครับ คิดผิดอ่ะ อาหารแพงมาก รสชาติและปริมาณไม่สมราคา ผมสั่งไปมี ทอดมัน จานนี้รสชาดธรรมดามาก แถมไม่ค่อยร้อนอีกต่างหาก
ผัดไท จานนี้เฉยๆ
ส่วนแหนมเนือง พอใช้ได้ไม่ถึงกับเลวร้าย ขัดใจตรงให้ผักมาน้อยมาก
ต้มยำปลาบึก รสชาติกลมกล่อมไม่เปรี้ยวมาก ปลาเหนียวหนืบดี จานนี้ให้ผ่าน
แต่ราคาใช้ได้เลยครับ ทั้งหมด 1,045 บาท จานไม่ใหญ่นะครับ มีน้ำแข็ง 2 กระติก น้ำเปล่ากับน้ำอัดลมอย่างละขวด ส่วนเหล้าหิ้วไปเอง ไม่เป็นไร ถือว่าซื้อบรรยากาศไปแล้วกัน เพราะก่อนไปผมก็หาข้อมูลมาแล้ว ว่าไปนั่งกินปลาเผาแถวริมโขงในตัวเมือง ราคาถูก สดและอร่อยด้วย มีหลายร้านเลย ถึงว่าไม่มีลูกค้ามาเลยนอกจากโต๊ะผมโต๊ะเดียว ถือว่าเหมาห้องอาหารไปแล้วกัน 555
แนะนำ ถ้าใครมาเที่ยวเชียงแสน ผมให้มาพักที่ สยามไทรแองเกิ้ล ยิ่งได้ห้องติดแม่น้ำ รับรองวิวสวยสุดๆ แต่ถ้าไม่ติดเรื่องวิวมากนัก ห้องติดถนนก็โอเคครับ ห้องสะอาด มีอุปกรณ์ต่างๆให้ครบ ห่างตัวเมืองแค่ 1 กม.เอง ส่วนอาหารแนะนำไปกินข้างนอกดีกว่าหรือจะซื้อบรรยากาศแบบผมก็ของที่โรงแรมผมก็ได้เหมือนกันครับ (แอบแพงเกินรสชาติ) บรรยากาศริมฝั่งโขงที่ห้องอาหาร
อิ่มเสร็จขึ้นห้องก่อนนอนประมาณสามทุ่ม สยามไทรแองเกิ้ล เคาะประตูเอาน้ำเต้าหู้มาเสิร์ฟให้ถึงห้องเลยครับ ประทับใจสุดๆ ลืมเรื่องค่าอาหารมื้อเย็นไปเลย ถ้ามีโอกาสไปเชียงแสนอีก ผมก็จะพักที่สยามไทร ประทับใจบรรยากาศ ห้องพักและการบริการ แต่อาหารคงต้องไปกินข้างนอนอ่ะ 555
คืนนี้ลาด้วยน้ำเต้าหู้สองแก้วนี่นะครับ
สำหรับเมืองเชียงแสน ไม่ใช่ทางผ่านสำหรับผมอีกต่อไป จากที่หาข้อมูลก่อนไป เชียงแสนมีประวัติน่าสนใจมากมาย เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะทัวร์เมืองเชียงแสน คืนนี้ขอนอนพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ไปเที่ยวตัวเมืองเชียงแสน-แล้วไปนอนที่ไร่แสงอรุณกัน //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nongmalakor&month=02-2013&date=05&group=15&gblog=29 คืนนี้ฝันดีครับ ระยะทางจากดอยแม่สลอง-แม่สาย-เชียงแสน ทั้งหมด 127 ก.ม.ค่าเสียหายวันนี้ ตอนเช้า - ใส่บาตร+ของกินเล่น 70 บาท - ทำใบผ่านแดนไปท่าขี้เหล็ก 60 บาท (2 คน) ตอนกลางวัน แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก - ค่าข้าวร้านปักษ์ใต้ 145 บาท - ค่าเข้าพม่า 20 บาท ( 2 คน) - ค่าเหล้าเรดลิตร 2 ขวด บุหรื่มาโบโร่ 1 หีบ 1,400 บาท (เรด ขวดละ 450 บาทบุหรื่ 500 บาท) - กระเป๋าผ้าถัก 1 ใบ 240 บาท - มอเตอร์ไซด์ขึ้นพระธาตุดอยเวา 20 บาท (1 คน) - ดอกไม้บูชาพระ 20 บาท - แป้งพม่า 1 กระปุก 50 บาท ตอนเย็นเชียงแสน - ทำบุญพระธาตุผาเงา 200 บาท - ค่าอาหารมื้อเย็น 1,045 บวกทิป 20 บาทรวม 1,065 บาท - ค่าที่พัก 1,800 บาท รวมทั้งหมด 5,090 บาท
Create Date : 14 มกราคม 2556 |
|
4 comments |
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2560 22:28:03 น. |
Counter : 11113 Pageviews. |
|
|
|
อำเภอเชียงแสน
อำเภอเชียงแสน เป็นอำเภอเล็ก ๆ ริมฝั่งแม่น้ำโขง ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 59 กิโลเมตร โดยแยกจากทางหลวงหมายเลข 110 ที่อำเภอแม่จัน ไปตามทางหลวงหมายเลข 1016 ประมาณ 31 กิโลเมตร เชียงแสนเป็นเมืองเก่าแก่มากแห่งหนึ่งในภาคเหนือ เดิมชื่อ เวียงหิรัญนครเงินยวง แม้ปัจจุบันยังมีซากกำแพงเมืองโบราณ 2 ชั้น และโบราณสถานหลายแห่งปรากฏอยู่ทั้งในและนอกตัวเมือง
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน ตั้งอยู่ในตัวเมืองเชียงแสน เป็นที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุที่ได้จากบริเวณเมืองโบราณเชียงแสน แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนที่หนึ่ง แสดงเรื่องประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐาน และวัฒนธรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ปูนปั้นจากวัดป่าสัก พระพุทธรูปศิลปะล้านนา จารึก เครื่องถ้วยล้านนา ส่วนที่ 2 เกี่ยวกับโบราณสถาน และโบราณวัตถุสำคัญที่พบใน
เมืองโบราณเชียงแสน และที่อื่น ส่วนที่ 3 จัดแสดงเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มชนแถบลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งชาวไทใหญ่ ไทลื้อ และชาวไทยภูเขาเผ่าต่าง ๆ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 -16.00 น. ทุกวันพุธ-อาทิตย์เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ค่าเข้าชมคนไทยคนละ 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท โทร. 0 5377 7102 และเยื้องพิพิธภัณฑ์จะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ให้บริการข้อมูลเมืองโบราณเชียงแสน
วัดพระธาตุเจดีย์หลวง
วัดพระธาตุเจดีย์หลวง ตั้งอยู่ติดกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน สร้างโดยพระเจ้าแสนภูเมื่อประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ 19 โบราณสถานประกอบด้วยเจดีย์ประธานทรงระฆังแบบล้านนา เป็นเจดีย์ใหญ่ที่สุดในเชียงแสน นอกจากนี้ยังมีพระวิหารที่เก่ามากซึ่งพังทลายเกือบหมดแล้ว และเจดีย์รายแบบต่าง ๆ 4 องค์
วัดพระเจ้าล้านทอง
วัดพระเจ้าล้านทอง วัดนี้ตั้งอยู่ในเขตกำแพงเมือง เจ้าทองงั่ว ราชโอรสพระเจ้าติโลกราชเป็นผู้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2032 ได้ทรงหล่อพระพุทธรูปองค์หนึ่งหนักล้านทอง (1,200 กิโลกรัม) ขนานนามว่า พระเจ้าล้านทอง เป็นพระประธาน ในวัดนี้ยังมีพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งได้มาจากวัดทองทิพย์ซึ่งเป็นวัดร้าง เรียกกันว่า พระเจ้าทองทิพย์ เป็นพระพุทธรูปทองเหลือง พระพักตร์งดงามมาก ลักษณะเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย
วัดป่าสัก
วัดป่าสัก อยู่ห่างจากอำเภอเชียงแสน ประมาณ 1 กิโลเมตร เขตตำบลเวียง พระเจ้าแสนภูสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1838 และให้ปลูกต้นสักล้อมกำแพงจำนวน 300 ต้น จึงได้ชื่อว่า วัดป่าสัก ภายในวัดมี โบราณสถานที่สำคัญคือ เจดีย์ประธานทรงมณฑปยอดระฆัง ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นอันวิจิตร มีฐานกว้าง 8 ม. สูง 12.5 ม. เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุกระดูกตาตุ่มข้างขวาจากเมืองปาฏลีบุตรทรงตั้งพระพุทธโฆษาจารย์ เป็นสังฆราชจำพรรษา ณ อารามแห่งนี้ ภายในวัดมีโบราณสถานที่สำคัญ คือ เจดีย์ประธานทรงมณฑปยอดระฆัง ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นอันวิจิตร เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุกระดูกตาตุ่มข้างขวาจากเมืองปาฎลีบุตร
วัดพระธาตุผาเงา
อยู่ห่างจากอำเภอเชียงแสนไปตามเส้นทางเชียงแสน-เชียงของ ประมาณ 4 กม. อยู่ตรงข้ามโรงเรียนสบคำ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมมีเนื้อที่ 143 ไร่ มีเจดีย์ทรงระฆังขนาดเล็กตั้งอยู่บนหินก้อนใหญ่ วิหารปัจจุบันสร้างทับซากวิหารเดิม บนยอดเขาข้างหลังวัด เป็นที่ตั้งของพระบรมพุทธนิมิตรเจดีย์ที่มองเห็นทิวทัศน์สวยงามได้โดยรอบ
วัดเจดีย์เจ็ดยอด
อยู่เหนือวัดพระธาตุผาเงาขึ้นไปบนดอยประมาณ 1 กม. ตัววัดหักพังหมดแล้ว เหลือแต่เพียงซากอิฐเก่า ๆ ดูแทบไม่เห็นรูปร่างแล้ว อาจกล่าวได้ว่าวัดพระธาตุผาเงาและวัดเจดีย์เจ็ดยอดอยู่บนเขาลูกเดียวกัน มีบริเวณต่อเนื่องอย่างกว้างขวาง ร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ สมกับเป็นสถานปฏิบัติธรรม
วัดพระธาตุจอมกิจติ
ตั้งอยู่บนเนินเขานอกตัวเมือง ตามพงศาวดารกล่าวว่า พระเจ้าพังคราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 1483 พร้อมกับพระธาตุดอยทอง พระเจดีย์องค์ปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในราวพุทธศตวรรษที่ 22-23
วัดสังฆาแก้วดอนหัน
มีประวัติว่า สร้างโดยพรเจ้าลวจักราช เมื่อต้นพุทธศตวรรษที่ 12 แต่หลักฐานที่พบแสดงว่ามีอายุอยู่ในช่วงไม่เกินพุทธศตวรรษที่ 21 กรมศิลปากรได้ขุดพบหลักฐานที่พบแสดงว่ามีอายุอยู่ในช่วงไม่เกิน พุทธศตวรรษที่ 21 กรมศิลปากรได้ขุดพบภาพขูดขีดบนแผ่นอิฐเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระชาติของพระพุทธเจ้า ตอนพระเวสสันดรชาดก เช่น พระเวสสันดรเดินป่า ชูชกเฝ้าพระเวสสันดร เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบชิ้นส่วนจิตรกรรมฝาผนังที่หลุดพังมาจากผนังวิหารมีสภาพแตกหัก แต่ยังคงเหลือลักษณะของสีและตัวภาพซึ่งใช้สีชาดและสีแดงเพียง 2 สี นับได้ว่าเป็นการค้นพบที่สำคัญทางวิชาการอย่างยิ่ง
ทะเลสาบเชียงแสน
เป็นอ่างเก็บน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่ตำบลโยนก ในเขตอำเภอเชียงแสน ตามทางสายเชียงแสน-แม่จันไปประมาณ ๕ กม. แยกซ้ายตรงกม.ที่ ๒๗ เข้าไปอีก ๒ กม. ในฤดูหนาวจะมี ฝูงนกน้ำอพยพมาอาศัย ริมทะเลสาบมีร้านอาหารและที่พัก
สบรวก
(ดินแดนแห่งสามเหลี่ยมทองคำ) ห่างจากที่ว่าการอำเภอเชียงแสนไปตามถนนเลียบแม่น้ำโขงระยะทาง ๙ กม. ซึ่งเป็นบริเวณที่แผ่นดินของ ๓ ประเทศได้มาพบกัน คือ ไทย พม่า ลาว โดยมีแม่น้ำรวกกั้นอาณาเขตระหว่างไทยและพม่า และแม่น้ำโขงกั้นอาณาเขตระหว่างไทยและลาว ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นไร่ฝิ่นที่ใหญ่โตมาก แต่ปัจจุบันไม่มีไร่ฝิ่นอีกแล้ว เหลือคง
แต่ทิวทัศน์ที่เงียบสงบของลำน้ำและเขตแดนของ 3 ประเทศเท่านั้น ที่นี่ยังมีบริการเรือให้เช่าเพื่อเดินทางไปชมทิวทัศน์บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ใช้เวลา 20 นาที และยังสามารถเช่าเรือจากสบรวกไปยังเชียงแสนและเชียงของได้ ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีและ 1 ชม.ครึ่งตามลำดับ
พระพุทธนวล้านตื้อ
องค์นี้เป็นพระเชียงแสนสี่แผ่นดินเฉลิมพระเกียรติฯซึ่งได้สร้างขึ้นแทนองค์เดิมที่จมลงแม่น้ำโขง หน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสนสมัยรัชกาลที่3 และสร้างขึ้นด้วยทองสัมฤทธิ์ปิดทองด้วยบุศราคัม น้ำหนักถึง69ตัน หน้าตักกว้าง9.99ม.สูง15.99ม.ประทับนั่งบน"เรือแก้วกุศลธรรม" ขนาดใหญ่อย่างที่เห็นในรูปที่1นั่นแหละครับ
..พร้อมกันนั้นก็ได้สร้างตุงหลวงเฉลิมพระเกียรติ สูง17.99ม.ศูนย์OTOPล้านนา ซุ้มประตูโขงและพระมหาโพธิสัตว ์(เจ้าแม่กวนอิมหยกขาว สูง9.99ม.)ทั้งหมดนี้ได้ใช้งบประมาณถึง69ล้านบาท
หอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ
หอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ ตั้งอยู่ในพื้นที่ประมาณ 250 ไร่ ห่างจากอำเภอเชียงแสนประมาณ 10 กิโลเมตร ตัวอาคารล้อมรอบด้วยสวนอันสวยงาม เป็นศูนย์นิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของฝิ่นเมื่อสมัยที่มีการใช้กันอย่างถูกกฏหมายและผลกระทบของการเสพติดฝิ่น อีกทั้งยังทำหน้าที่ศูนย์ข้อมูลเพื่อการค้นคว้าวิจัยและการศึกษาต่อเนื่องในหัวข้อฝิ่น สารสกัดจากฝิ่นในรูปแบบต่างๆและยาเสพติดอื่นๆ
หอฝิ่นจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ระหว่างเวลา
08.30-16.00 น. ค่าเข้าชมบุคคลทั่วไป ต่างชาติ 300 บาท คนไทย 200 บาท ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 50 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี 50 บาท (เฉพาะคนไทย)เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ฟรี รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ โทร. 0 5378 4444 เว็บไซต์
พิพิธภัณฑ์บ้านฝิ่น
เป็นสถานที่จัดแสดงเครื่องมือและเครื่องใช้ในการสูบฝิ่นของผู้คนในอดีต มีทั้งประวัติของสามเหลี่ยมทองคำ สถานที่ ปลูกฝิ่นการปลูกและสูบฝิ่น ตลอดจนอุปกรณ์ที่ใช้สูบฝิ่นแสดงให้ชม ส่วนชั้นล่างของบ้านฝิ่นเป็นสถานที่ขายของที่ระลึก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พิพิธภัณฑ์บ้านฝิ่น โทร. 053-784062, 01-6035740
พระธาตุดอยปู
พระพุทธดอยปูเข้านี้ สร้างขึ้นบนดอยเชียงเมี่ยง ริมปากน้ำรวก เมื่อ พ.ศ 1302 ในสมัยพระยาลาวเก้าแก้วมาเมือง กษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งเวียงหิรัญนครเงินยาง โบราณสถานประกอบด้วยพระวิหาร และกลุ่มเจดีย์ที่พังทลายก่อด้วยอิฐมีร่องรอยการตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น นอกจากนั้นบนดอยเชียงเมี่ยงยังเป็นจุดชมวิว สามารถมองเห็นสามเหลี่ยมทองคำได้ชัดเจนเข้าตามเส้นทางเชียงแสน-สบรวก แยกซ้ายก่อนถึงสามเหลี่ยมทองคำเล็กน้อย รถยนต์สามารถขึ้นไปถึงยอดเขา หรือจะเดินขึ้นบันไดก็ได้
ขอบคุณข้อมูลจากเวป คลิ๊กเลย