|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
California trip # 24 : 105 $ & badminton พลัดถิ่น
15 เมษายน 2008
นอกจากจะหายไปนานแล้ว หัวข้อบล็อกก็ยังคงงงๆด้วยอีกตะหาก
เอาเป็นว่าเจ้าของบล็อกสามารถ built อารมณ์ตัวเองให้กลับมาอยากอัพได้ใหม่อีกครั้งแล้ว
จะว่าไป ชีวิตในมหาวิทยาลัยตลอดสองปีและอีกสามเดือนนี้ มีผลทำให้ต่อมความสร้างสรรค์ของเราฝ่อลงอย่างมีนัยสำคัญจริงๆ ( ทั้งทางสถิติและทางคลินิค หึๆ )
แปลได้ว่าถ้าช่วงนี้เขียนไปเขียนมาแล้วมีอาการพูดไม่รู้เรื่อง เราก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ หุ หุ
.............................................................................
วันนี้ถือเป็นวันว่างของเราและเพื่อน เลยตื่นนอนกันแบบสายๆ และชวนกันไปเดินห้างที่ downtown valencia อีกครั้ง
วันนี้เป็นวันเกิดของอาแหวว พวกเราเลยถือโอกาสหาของขวัญให้อาแหววไปด้วยเลยในตัว หลังจากเดินเตร็ดเตร่และซื้อของไม่ได้เสียทีพวกเราเลยแวะเข้ามาซื้อการ์ดกันดูก่อน ร้านการ์ดที่เราแวะเข้ามาดูนี่ รูปแบบการ์ดถือว่าหลากหลายน้อยกว่าที่เมืองไทย แต่ว่ามีการ์ดที่มีคำอวยพรดีๆให้เลือกค่อนข้างมากทีเดียว เราว่าระหว่างเลือกคลื่นไฟฟ้าในสมองเราน่าจะวิ่งไปวิ่งมาวุ่นวายพอดู เพราะว่าคำอวยพรเป็นภาษาอังกฤษไง
แถมบางทีเป็น poem เข้าไปอีก กว่าจะแปลได้ก็ต้องพึ่ง Dictionary กันไปตามเรื่องตามราว เป็นการเลือกการ์ดที่เหนื่อยใช้ได้เลยนะนี่
ใช้เวลานานเหมือนกันกว่าพวกเราจะเลือกกันเสร็จ ฟางนั้นได้ทั้งการ์ดและกล่องเพลงน่ารักๆใบหนึ่ง ถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจในการหาของขวัญ พวกเราก็มานั่งพักขาเพื่อเตรียมเดินหา Post office กันต่อ
เรานั้นเกิดฮึดอยากจะไปหาไปรษณีย์เพราะว่ากลัวตัวเองจะบินถึงบ้านก่อน Postcard ก่อนหน้านี้พวกเราได้แต่เขียนๆกันใหญ่ แต่ ไม่ได้ส่งสักที เท่าๆที่ฟังคนแถวๆนี้พูด Post office ก็ดูจะไม่ไกลจากห้างสักเท่าไร แต่ทำไมพวกเราเดินแล้วมันไกลจังหว่า ลมก็แสนจะแรง แอบหนาวได้ทั้งๆทีแดดเปรี้ยง ก็ตลกดี
หลังจากเดินกันมาได้สักพัก ลมตีขาจนเริ่มจะชา และฟางเหลือบไปเห็นร้านสเก็ต เลยได้ฤกษ์แวะเข้าไปดูของในร้านกันเสียก่อน ระหว่างที่พวกเราออกนอนเส้นทางกันอยู่นี้ สายตาเราก็เหลือบไปเห็นเศษกระดาษบริเวณใต้ท้องรถที่จอดอยู่สองใบ เลยแอบคิดหวังไปว่า กระดาษสองใบนี้จะเป็นธนบัตร คิดได้ดังนั้นลองหยิบใบที่ใกล้มือมาก่อนหนึ่งใบ ปรากฏว่าเป็นธนบัตร 5 $ ฟางโวยวายใหญ่ว่าทำไมฟางมองไม่เห็นบ้าง เราเลยบอกฟางว่ายังมีอีกใบนะ แต่อยู่ใกล้ๆล้อ เลยตกลงกันว่าถ้าออกจากร้านไปแล้วมันยังอยู่ก็จะเก็บ ปรากฏว่าพอเดินผ่านมาแบงค์ก็ยังคงอยู่ แต่ว่าเรานั้นไม่กล้าเก็บเสียแล้ว เลยกลายเป็นฟางเก็บขึ้นมาคลี่ดูแทน เราเห็นเลข 1 ไวๆ ตอนแรกเข้าใจว่าเป็น 1 dollar แต่กลายเป็น 1,00 $ ซะอย่างงั้น พอเห็นเลขแล้วพวกเราก็เกิดอาการหมุนรอบตัวกันเลยทีเดียว เรียกว่าหมุนหากล้อง เพราะสงสัยว่าเค้ากำลังถ่ายทำรายการอะไรกันอยู่รึเปล่า แต่มองไปมองมาก็ยังคงไม่พบหน้ามนุษย์เพียงสักคนเดียว เลยรีบๆเดินไปจากตรงนี้กันดีกว่า มุ่งหน้าหา Post office กันต่อไป
คราวนี้พวกเราเหมือนจะมีเรี่ยวแรงมาจากไหนก็สุดจะรู้ เดินไปก็ถกกันไปว่าอะไรเกิดขึ้นนี่ เมฆฝนที่กำลังตั้งเค้าอยู่ในใจก็สลายไปได้เยอะทีเดียว จากหน้าร้านสเก็ตปริศนาเดินมาอีกประมาณนึงช่วงตึกก็ถึงหัวมุมเลี้ยวมา Post office
หลังจากหา Post office เจอแล้วพวกเราก็เลยถึงบางอ้อ ว่าทำไมพวกเราถึงเดินกันไกลมากมาย ทั้งๆที่มันไม่น่าจะไกล แต่เป็นเพราะว่าพวกเราเดินวนตามขอบของรูปสี่เหลี่ยมสามด้าน แทนที่จะเดินแค่ด้านเดียวถึง สรุปว่าไปรษณีย์มันอยู่ไม่ไกลจากห้างหรอก แต่ว่าเลือกออกประตูผิดกันไปหน่อย (( ภาษาอังกฤษแข็งแรงกันมากเลยคู่นี้ หุหุ )) รวมถึงการออกนอนเส้นทางกันนิดหน่อยด้วย ก็ตลกดี ฟางบอกว่าเค้าเรียกดวงมันจะเก็บได้ เหอๆ
จากเส้นทางอันหฤโหด ในที่สุดเราก็มาถึงไปรษณีย์กันตอนเกือบๆหกโมงเย็น เค้ากำลังจะปิดพอดี ( ยังดีนะไปรณีย์บ้านเค้าปิดเย็นกว่าบ้านเราเนี่ย ) แต่วันนี้ก็ผู้คนมากมายล้นไปรณีย์ ชนิดต่อแถวกันยาวเหยียด
เลยนึกได้อีกเรื่องว่าวันนี้คงเป็นวันสุดท้ายของกำหนดเสียภาษีของที่นี่ เลยมีแต่ผู้คนเร่งรีบมากมาย เราเดินชิลๆเข้าไปต่อแถวแบบไม่ทุกข์ร้อนสักเท่าไร แต่พอต่อเสร็จเจ้าหน้าที่ก็ทำท่าจะปิดประตูพอดี เลยรีบเรียกฟางเข้ามาด้วยกัน พอหกโมงเป๊ะๆ เจ้าหน้าที่ก็ปิดประตูชนิดไม่เกร็งใจคนที่โวยวายเลยทีเดียว คือเรายืนต่อแถวเป็นคนสุดท้าย เห็นมีผู้คนมาโวยวายขอเข้ามาส่งแบบฟอร์มเสียภาษีมากมาย เจ้าหน้าที่ก็เถรตรงดีจริงๆ เป็นเมืองไทยนี่ยามคงใจอ่อนเป็นแน่แท้
เราเห็นแล้วอดอมยิ้มในใจเป็นรอบที่สองไม่ได้ นี่ถ้าเค้ารู้ว่าเด็กกะเหรี่ยงสองคนสุดท้ายนี่มาส่งโปสการ์ดกลับบ้านนี่จะรู้สึกยังไงเนี่ย
และแล้วเวลาผ่านไปไม่นาน พวกเราก็ได้ยื่นโปสการ์ดให้เจ้าหน้าที่อย่างสง่าผ่าเผย ท่ามกลางรอยยิ้มเล็กๆของเจ้าหน้าที่ เห็นขำกันหลายคนอยู่ หุหุ คงแหวกแนวดีกว่าชาวบ้านมั้งงง คิดว่านะ
อันที่จริงโปสการ์ดใบน้อยของพวกเรานี้น้ำหนักความซีเรียสอาจจะไม่เท่ากับเอกสารเกี่ยวกับ tax ทั้งหลายที่เค้าส่งกัน แต่สำหรับเราแล้ว โปสการ์ดเหล่านี้มีคุณค่าทางจิตใจไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างน้อยๆ เราก็ได้ส่งมันกลับมาเมืองไทยได้ตามที่บอกกับที่บ้านจนได้
ส่งไปรษณีย์เสร็จก็แทบจะหมดสิ้นเรี่ยวแรง ขี้เกียจเดินกลับบ้านกันเลยทีเดียว ประจวบเหมาะกับอาจุ้ยบอกว่าจะมารับ แต่ว่า
. จะมาพาเราไปตีแบดนะ เหอๆ เอากะเค้าสิ แต่ไหนๆก็สัญญาไว้แล้ว สัญญาลูกผู้หญิง ต้องรักษาจริงมั้ยคะ พวกเราขึงกระโดดขึ้นรถอาจุ้ย เพื่อไปแวะเอาไม้แบด แล้วก็ตะลุยไปตีแบดกันต่อ
อันที่จริงเรานับว่าโชคดีที่อาจุ้ยชอบตีแบดอยู่แล้ว เลยได้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาตีแบดไกลถึงเพียงนี้ สงสัยเหมือนกันแหละ ว่าคอร์ดที่นี่จะเหมือนเมืองไทยรึเปล่า แต่เอาเข้าจริงๆ คนที่เล่นส่วนมากก็เป็นเอเชียนะ เป็นคนไทย จีน อินโด ประมาณนี้แหละ ไม่ค่อยเห็นฝรั่งเล่นเท่าไรอ่ะ
ที่น่าปลื้มคือตอนเดินเข้าคอร์ดเจ้าหน้าที่เก็บเงินเค้าถามว่า High school or University ?? อิๆ น่าจะแอบอ้างเป็นเด็ก แต่ได้ข่าวว่าจะขึ้นปีสามแล้ว เลยต้องจำยอมเสียเงินในราคา University ไปตามระเบียบ
ที่นี่ถึงจะเป็นคนไทยแต่ก็พูดกันเป็นภาษาอังกฤษมากกว่า มีครั้งนึงลุงที่เล่นคู่กับเราเค้าร้อง เอ้า ๆ เราก็เลยรีบรับลูกไป ทั้งๆที่เค้าบอกว่าว่า out out คือลูกมันออกข้าง ฮาดี เราก็งงอยู่ตั้งนาน ว่าบ้างลูกก็เห็นว่าออกชัดๆ แล้วให้ตรูรับทำไมฟะเนี่ย
พวกเราตีกันอยู่ถึงประมาณเที่ยงคืนก็ได้เวลาจรลี จะว่าไปก็เล่นแบดอยู่ตั้งสี่ชั่วโมงนะเนี่ย จะว่าไปก็ไม่ต่างกับตีแบดที่ไทยเท่าไรหรอก แต่เราเห็นว่านี่เป็นประสบการณ์ที่ดีไม่น้อย เพราะถ้ามากับทัวร์คงไม่ได้มาตะลอนๆเหมือนมากับญาติแบบนี้หรอกใช่มั้ย เค้าเรียกว่าได้มาพบมาเห็น อย่างน้อยๆก็เศษเสี้ยวของวิถีชีวิตคนไทยที่มาอยู่ที่นี่จริงๆ เรียกว่าคนไทยใน LA นี่เยอะจนน่าใจหายเหมือนกันนะเนี่ย ถึงขนาดมีใครสักคนที่บอกว่ามาอยู่ตั้งนานแล้วยังพูดภาษาอังกฤษไม่คล่องเลย เราฟังแล้วก็ว่าแปลกดีเหมือนกัน เมื่อก่อนนึกว่าถ้ามาอยู่ที่นี่แล้วน่าจะเก่งภาษาอังกฤษอ่ะ
คือเราพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบภาษีของอเมริกาหลายรอบแล้วแต่ไม่รู้เรื่องสักทีน่ะ เลยขอขี้ตู่เอามาเขียนเสียแบบนี้แล้วกันนะ
Create Date : 06 สิงหาคม 2551 |
|
7 comments |
Last Update : 6 สิงหาคม 2551 22:34:22 น. |
Counter : 503 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: prapasri IP: 202.57.171.26 6 สิงหาคม 2551 21:42:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: . IP: 124.121.5.98 7 สิงหาคม 2551 14:24:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฟางข้าว IP: 58.8.90.94 7 สิงหาคม 2551 21:53:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 11 สิงหาคม 2551 23:53:09 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
blog นี้ดูจะเกิดขึ้นมาได้เนื่องด้วยเจ้าของบล็อกเกิดอยากจะเขียน แล้วอยากให้คนอื่นๆอ่านเรื่องที่ตัวเองเขียนด้วย การมีบล็อกเป็นของตัวเองก็เลยดูจะลงตัวดี และแม้ว่าช่วงนี้ถึงชีวิตการเรียนที่เป็นอยู่ไม่ค่อยเอื้อให้เรามานั่งเขียนบล็อกสักเท่าไร แต่การที่ได้พักจากชีวิตที่วุ่นวายมาทำอะไรที่ชอบสักพัก ก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน
บางเรื่องที่เราเขียนก็ดูจะบ้าๆบอๆไร้สาระไปหน่อย จนเหมือนยึดเป็นที่ระบายอารมณ์ในบางครั้ง อย่างไรก็ตาม เราต้องขอขอบคุณทุกคนมากๆนะคะที่เข้ามาอ่าน
ปล . เราใช้ชื่อ N3K เป็นชื่อ blog เนื่องจากชื่อนี้เป็นชื่อกลุ่มเราสมัย ม.ต้น แล้วเราสมัครพันธุ์ทิพย์ช่วงมอต้นพอดี ก็เลยใช้ login เป็นชื่อนี้แล (( ง่ายดีมั้ย ))
((( ปล จริงๆแร้ว )))
ตอนนี้เรากำลังจิตตกกับการเข้าสู่แผนกทำคลอดเป็นวันแรก
แอบกลัวอยู่อ่ะ เราไม่อยากทำคลอดเรย
ทำไงดีอ่ะ??
|
|
|
|
|
|
|