ชีวิตที่มึความสวยงามนั้น อาจไม่ได้หมายถึงชีวิตที่มีความ "เต็ม" ในทุกๆด้าน แต่มันเป็นเพียงการที่เรารู้จัก "เติม" สิ่งที่สร้างสรรค์ให้กับชีวิตวันละนิดละหน่อย เหมือนการสร้างประโยคเล็กๆที่ดีๆให้กับชีวิต จนกลายเป็นเรื่องราวที่มีคุณค่าและน่าอ่านในท้ายที่สุด
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
20 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
California trip # 6 : Stanford University & Silicon Valley

2 เมษายน 2008
วันนี้พวกเราได้นอนตื่นสายกันแล้ว ไชโย !
โปรแกรมวันนี้ของพวกเราค่อนข้าง relax อ่ะ
แต่พอเอาเข้าจริงก็ต้องรีบจนได้เพราะอานาตมีนัดทำฟันตอน 11.15
จิงๆเค้าก็นัดไว้สายแล้วแหละ แต่พวกเราก็ยังต้องรีบ
ตื่นสายขนาดไหน คิดดู 55

เรานั่งรออาทำฟันอยู่สักพัก
ระหว่างรอก็หยิบหนังสือพิมพ์มาพลิกดูเรื่อยๆ
หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เป็นเรื่องวิธีการจับผิดผู้ก่อการร้ายแบบใหม่
ประเทศนี้ดูเค้ากังวลเรื่องผู้ก่อการร้ายจริงๆนะ
หุหุ เป็นประเทศมหาอำนาจก็ลำบากอย่างนี้แหละ

อ่านหนังสือซะเพลิน แป๊บเดียวอานาตก็ทำฟันเสร็จแล้ว
ประมาณเที่ยงๆก็ได้เวลาเดินดูในมหาวิทยาลัยกัน
คงต้องบอกว่า ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้รับรู้หรอกว่าจะมีเด็กกะเหรี่ยงสองคนมาเยี่ยมชมในวันนี้
พวกเราคงได้เดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆ ยังโชคดีที่ได้อานาตซึ่งเป็นศิษย์เก่าที่นี่ช่วยพาทัวร์
ไม่งั้นอาจจะได้เดินอยู่ขอบๆของมหาลัยแล้วก็กลับ หุหุ

ไหนๆจะมาเที่ยวแล้วก็เลยต้องค้นประวัติกันสักหน่อยได้ความว่า

Stanford University ก่อตั้งขึ้นโดย Leland Stanford และ Jane Stanford
ภายหลังจากที่ Leland Stanford Jr. บุตรชายของทั้งคู่เสียชีวิตจากไข้ไทฟอยด์ ระหว่างที่ทั้งครอบครัวกำลังท่องเที่ยวอยู่ในประเทสอิตาลี
การจากไปของบุตรชายซึ่งกำลังจะอายุครบ 16 ปี
สร้างความเศร้าโศกเสียใจแก่ทั้งสองเป็นอย่างมาก
Leland เลยบอกภรรยาว่า ไม่เป็นไร
“ California children shall be our children ”
ทันทีที่ทั้งคู่กลับมาจากอิตาลี
แผนการก่อตั้งมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งนี้ก็เริ่มขึ้น

คงต้องขอบคุณวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของ Leland ในวันนั้น
ที่ทำให้เรามีมหาวิทยาลัยชั้นน้ำไว้เป็นที่ศึกษาของคนจากทุกมุมโลก
และมีมหาวิทยาลัยสวยๆไว้ให้เรามาเที่ยวในวันนี้ด้วย



อานาตขับรถมาจอดบริเวณ visitor parking
ไม่ไกลจาก memorial church เท่าไร
พวกเราก็ลงมาเดินดูบริเวณ memorial court กันเป็นที่แรก
มุมหนึ่งของสนามนี้มีรูปปั้น The Burghers of Calais
งานแกะสลักอันลือชื่อของ Auguste Rodin อยู่ด้วย
เสียดายว่าวันที่เรามาดูนี้มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งล้อมวงนั่งกินข้าวกันอยู่แถวๆรูปปั้นนี้อยู่แล้ว !! พวกเราเลยไม่ได้ไปเข้าไปถ่ายรูปกัน
สงสัยว่าจะอร่อยกว่ากินในโรงอาหารนะนี่






สิ่งที่เตะตาเราเห็นจะเป็นทางเดินรอบๆสนามนี้และตลอดมาจนถึง main quad กำแพงบริเวณทางเดินเหมือนก่อด้วยอิฐสีน้ำตาลอ่อนๆ
เสาก็เป็นสีเดียวกัน พออยู่รวมกับหลังคาสีแดงแล้วดู classic ดีอ่ะ
ถือเป็นทางเดินที่น่าเดินผ่านมากๆ

พวกเราเดินเอื่อยๆกันมาจนถึง main quad
ลานตรงนี้มีคนขี่จักรยานผ่านไปผ่านมาเยอะเหมือนกัน
มหาลัยเค้าคงกว้างมั้ง เลยต้องขี่จักรยานไปเรียน
จากตรงนี้เริ่มมองเห็น memorial church ชัดแล้ว
ด้านหน้าของโบสถ์มีภาพวาดพระเยซูและเหล่าสาวก สีสวยดีเหมือนกัน
เมื่ออยู่บนผนังโบสถ์สีน้ำตาลอ่อนๆก็ช่วยทำให้ที่นี่ดูสดใสขึ้นมาได้มากทีเดียว



ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ก็ยิ่งเห็นความประณีตในการสร้างโบสถ์นี้
ซุ้มประตูทางเข้าแกะสลักไว้ได้สวยทีเดียว
ภายในโบสถ์ก็ตกแต่งได้สวยงามไม่แพ้ด้านนอก
ยังคงมีภาพเขียนอยู่ทั่วไปตามฝาผนัง สลับกับช่องหน้าต่างซึ่งกระจกบริเวณหน้าต่างนี้ก็ยังคงมีภาพเขียนสีเกี่ยวกับศาสนาคริสต์เช่นเดียวกัน
เรียกว่าไม่ยอมปล่อยให้มีพื้นที่ว่างๆ เลย





เก้าอี้ที่นี่ยังเป็นเก้าอี้ไม้อยู่ แบบที่เวลาจะพับเก็บที่นั่งเข้าไปต้องเก็บทั้งแถวอ่ะ ดูขลังดี โบสถ์นี้มีที่นั่งสองชั้นด้วย เหมือนหอประชุมจุฬาฯ แต่ว่าค่อนข้างเล็กกว่าหน่อย ซึ่งอันที่จริงก็ควรจะเล็กกว่าอยู่หรอก โบสถ์นี่เนอะ ไม่ใช่หอประชุม

ส่วนที่มาของชื่อโบสถ์นี้ก็หาได้ไม่ยาก
เพราะตามผนังจะมีแผ่นหินสี่เหลี่ยมๆ ซึ่งข้างในจารึกประวัติเกี่ยวกับครอบครัว Stanford ติดอยู่เกือบจะรอบด้านของโบสถ์นี้เลยทีเดียว



เดินดูโบสถ์กันเสร็จแล้วพวกเราก็ตกลงว่าจะเดินไป Bookstore กัน
แต่ก่อนจะไปทางเดินรอบๆ main quad นี้ยังมีของน่าสนใจให้ดูอีก
ที่ด้านหนึ่งของทางเดินนี้เราเจอแผ่นเหล็กสีทองๆ รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนบันทึกตัวเลข 00-99
อยู่ที่พื้นทางเดินยาวเป็นแถวเลย
อานาตเล่าว่าใต้แผ่นสีทองๆนี้จะเป็นช่อง
ซึ่งเค้าจะให้นักศึกษาที่เรียนจบในปีที่ลงท้ายด้วยเลขนั้นๆ เอาของของตัวเองหนึ่งชิ้นใส่ไว้ในช่องสี่เหลี่ยมนี้ แล้วพอร้อยปีให้หลังคือในปีก็จะเปิดแผ่นทองเหลืองนี้ให้นักศึกษาที่จบในแต่ละปีได้ดูว่ารุ่นพี่ของตนใส่อะไรไว้บ้าง
เช่นใส่ในปี 1901 แล้วพอถึงปี 2001 ก็จะเปิดช่อง 01
ชักอยากรู้เหมือนกันแฮะว่านักเรียนที่นี่เค้าจะใส่อะไรไว้บ้าง



ระหว่างทางเดินไป Bookstore ก็ได้ดูบรรยากาศของมหาลัยเพิ่ม
ช่วงนี้เป็นช่วง spring พอดี ต้นไม้ที่เลยพร้อมใจกันผลิใบ หลายต้นก็มีใบหลายสี ตัดกับสีตึกซึ่งเป็นสีโทนน้ำตาลเกือบหมด เลยดูสดใสมากๆ
ยังกะคนปลูกต้นไม้ระบายสีได้ว่าจะให้ต้นไหนมีใบสีอะไร
ท้องฟ้าที่นี่ก็ใสเสียเกือบจะหาเมฆไม่เจอ เป็นมหาวิทยาลัยที่สวยจริงๆ




เรากะเพื่อนพร้อมใจกันโวยวายว่าที่นี่น่ามาอยู่มากๆ
เรื่องนั้นพวกเราก็มีสิทธิ์จะฝันอยู่จริงมั้ย
แต่ถ้ากลับสู้โลกแห่งความเป็นจริงนิดนึงง
แล้วก็พิจารณาสติปัญญาของตัวเองซักหน่อย ก็จะเห็นได้ว่าถึงตัวเองฟลุคได้มาเรียนต่อจริงๆ ก็คงได้แต่ก้มหน้าก้มตาเรียน ไม่มีเวลาได้เดินเอื่อยๆกินลมชมวิวเป็นแน่ คิดได้ดังนี้แล้วสมองก็เตรียมบันทึกภาพ เก็บไว้ในความทรงจำน่าจะดีกว่า 555

Bookstore ของที่นี่ก็ใหญ่โตตามคาด
พวกเราเข้าไปที่ medical text ก่อนเลย
ขอทำตัวมีสาระนิดนึงก็ยังดีวะ
เรารู้สึกว่าที่นี่น่าจะมีหนังสือเตรียมสอบ USMLE ให้เลือกมากกว่าที่เมืองไทยนะ ปัญหาก็คือ เลือกไม่ค่อยจะถูกและกลัวจะไม่ได้อ่านเนี่ยสิ
ผลสุดท้ายเราได้สรุปเนื้อหามาหนึ่งเล่ม กะ รวมข้อสอบเก่าของ keplan เพราะเห็นอาบอกว่าสำนักพิมพ์นี้ดี ( เหตุผลเลิศอีกแล้ว )
เพื่อนเราได้รวม Recall question กะรวมข้อสอบเก่าอีกเล่มนึงแต่คนละสำนักพิมพ์กัน เล่ม Recall นี่เค้าติดว่า Best seller แต่ว่าลดราคาสิบห้าเปอร์เซนต์ เล่นเอาคนซื้อสับสนว่าตกลงขายดีหรือขายไม่ดีกันแน่
หวังว่าเค้าคงไม่ติดป้าย Bestseller มั่วๆม้าง

จ่ายเงินเสร็จก็ขอเดินดูร้านขายของที่ระลึกของมหาลัยสักหน่อย
สินค้าที่ Screen คำว่า Stanford หรือไม่ก็ตัว S นี่มีตั้งแต่รองเท้าแตะ ถุงเท้า เสื้อยืด เสื้อกล้าม เสื้อกันหนาว จะเอาเครื่องแต่งกายแบบไหน มีหมด ที่นี่เค้าก็กล้าใส่กันเนอะ ถ้าเปลี่ยนเป็นถุงเท้ามีตราพระเกี้ยวนี่เราคงไม่กล้าใส่เป็นแน่

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่ดูจะมีสาระภารกิจเดียวของ trip นี้แล้วเราก็เดินกลับมาที่รถเตรียมหาข้าวกลางวันกิน ตอนเดินย้อนกลับมาที่รถเราได้เห็นดอกซากุระบานด้วย ( อิๆ ไม่ต้องไปถึงญี่ปุ่น )
เค้าปลูกไว้บริเวณที่จัดเป็นสวนหย่อมให้คนมานั่งพักอ่ะ
เราถ่ายกันมาหลายรูปเหมือนกัน แต่น่าจะอยู่กล้องเพื่อน ถ้าได้รูปแล้วจะเอามาอัพ ถือเป็นอีกมุมหนึ่งของที่นี่ที่เราสองคนเห็นพ้องต้องกันว่าถ่ายวิวอย่างเดียวสวยกว่าเวลามีหน้าเราสองคนแปะอยู่ด้วย 55


รูปนี้จากกล้องฟางไม่รู้ส่วนไหนเหมือนกาน

อานาตพาพวกเราไปหาของกินแถว Stanford shopping mall
อาหารกลางวันพวกเราเป็น Chicken sandwich กับสลัดอะไรสักอย่าง
อร่อยดีแต่สงสารเพื่อน ต้องทนกินอาหารอเมริกันเพราะว่าไม่มีร้านอาหารไทยแถวนี้ หุหุ

กินเสร็จก็ช้อป ( อีกแร้น ) Shopping mall ของที่นี่สวยดี เค้าปลูกดอกไม้ไว้ตามทางเดินเยอะอ่ะ
มีดอกทิวลิปด้วย ไม่ต้องรองานพืชสวนโลก อิๆ






พวกเราเดินเข้าร้านโน้น ร้านนี้ที่เราไม่ค่อยจะรู้จักอยู่สักพัก
เรากะเพื่อนก็ได้กระเป๋า kipling คนละใบ กระเป๋าเราเป็นกระเป๋าสะพายข้าง
ช่องเยอะดีชอบบ ของฟางเป็นเป้ใบเล็กๆ คุณเธอสะพายแล้วก็น่ารักดี
เหมือนแฟชันสมัยมอต้น อิๆ

เดินกันเสร็จก็ขับรถกลับบ้านอานาตกัน
ยังคงเห็นคนที่นี่วิ่งออกกำลังกายตามทางขึ้นเขาเป็นปกติ
ดูรักสุขภาพกันดี
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงบ้านแร้ว พอกลับมาถึงอาเสบอกว่าจะออกไปบริษัท
เลยชวนพวกเราไปนั่งรถดู Silicon Valley กัน
ไปๆมาๆเลยกลายเป็นว่าออกไปนั่งรถเที่ยวกันหมดทั้งห้าคนน่ะแหละ


ที่แรกที่พวกเราไปคือบริษัท Juniper network ที่ทำงานอาเสแหละ
แล้วก็นั่งผ่านตึกของ google ใหญ่เหมือนกัน
( รูปอยู่ในกล้องเพื่อนหมดเลยเพราะกล้องเราแบตหมดไปเรียบร้อย คาดว่าอีกประมาณสามวันคงได้เอารูปมาลง )
โดยรวมๆแล้วก็เป็นตึกๆ มีต้นไม้เยอะเกินคาด
ตอนแรกเรานึกว่าต้องมีแต่ตึก อารมณ์ไฮเทคๆหน่อย
แบบนี้ถ้าปิดตาแล้วเอามาปล่อยคงไม่รู้ว่าอยู่ใน Silicon Valley

เราจบทริปชม Silicon Valley กันโดยเร็วเนื่องจากฝนตก
สภาพอากาศดูซึมเซายังไงไม่รู้ ไม่เอื้อให้ลงไปถ่ายรูปเลยย
ฟางบ่นว่าปวดหัว เราเดาว่าคงเป็นเพราะโดนฝนง่ะ

อาเสไปพาไปแวะร้าน Fry electronic เพราะว่ามีธุระนิดหน่อย
ร้านนี้ใหญ่เหมือนกัน ขายของอารมณ์คล้ายๆพันธุ์ทิพย์ที่เมืองไทย
ระหว่างรออาเปลี่ยน ipod เครื่องใหม่ เราก็ได้ USB 2.0 4Gb มาหนึ่งอัน
ก็ดี เอาไว้ใส่รูปกลับเมืองไทย
ตอนเดินออกจากร้านฝนก็หยุดตกแล้ว
อากาศหลังฝนตกสดชื่นสุดๆ
ก็ยังดีที่ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของโลกนี้ฟ้าหลังฝนก็ยังคงสดใสเหมือนเดิม

พวกเราขับรถไปแวะกินข้าวที่ร้านอาหารไทยกัน
คราวนี้ฟางน่าจะปวดหัวน้อยลงนะ อิๆ
กินเสร็จก็ขับรถกลับบ้าน
เราชอบถนนขึ้น Los Altos Hill อ่ะ
ถนนเค้าจะเป็นสองเลนส์แล้วก็ไม่มีเสาไปฟ้าเพราะว่ามีเม็ดสะท้อนแสงติดอยู่ตรงสองข้างทางแทน
เวลารถวิ่งผ่านจะคล้ายๆมีคนคอยเปิดไฟให้เฉพาะบริเวณแถวๆหน้ารถเรา
ก็สวยดีไปอีกแบบ ไม่เปลืองไฟด้วย ประเทศไทยน่าจะทำแบบนี้มั่งแฮะ




Create Date : 20 พฤษภาคม 2551
Last Update : 21 พฤษภาคม 2551 1:17:17 น. 2 comments
Counter : 1131 Pageviews.

 
ตามมาเที่ยวค่ะ

ตอนที่จิ๊บไป CA ไม่ได้ไป Stanford U. โปรแกรมแน่มากๆ
สวยดีเหมือนกัน ไว้คราวหน้าไม่พลาดแน่


โดย: kaajibjib วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:24:08 น.  

 

ขอตามไปเที่ยวด้วยคนนะครับ
มหาลัยเค้าน่าเรียนเน้อะ
และมาชวนไปเที่ยวเกาะไข่นอก จ.พังงา ด้วยกันครับ

เกาะไข่นอก จ.พังงา
คลิกที่ภาพเพื่อตามมาเที่ยวเกาะไข่นอกด้วยกันได้เลยนะครับ



โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:23:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

MsBrenda
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




blog นี้ดูจะเกิดขึ้นมาได้เนื่องด้วยเจ้าของบล็อกเกิดอยากจะเขียน
แล้วอยากให้คนอื่นๆอ่านเรื่องที่ตัวเองเขียนด้วย
การมีบล็อกเป็นของตัวเองก็เลยดูจะลงตัวดี
และแม้ว่าช่วงนี้ถึงชีวิตการเรียนที่เป็นอยู่ไม่ค่อยเอื้อให้เรามานั่งเขียนบล็อกสักเท่าไร
แต่การที่ได้พักจากชีวิตที่วุ่นวายมาทำอะไรที่ชอบสักพัก ก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน


บางเรื่องที่เราเขียนก็ดูจะบ้าๆบอๆไร้สาระไปหน่อย
จนเหมือนยึดเป็นที่ระบายอารมณ์ในบางครั้ง
อย่างไรก็ตาม
เราต้องขอขอบคุณทุกคนมากๆนะคะที่เข้ามาอ่าน


ปล .
เราใช้ชื่อ N3K เป็นชื่อ blog เนื่องจากชื่อนี้เป็นชื่อกลุ่มเราสมัย ม.ต้น
แล้วเราสมัครพันธุ์ทิพย์ช่วงมอต้นพอดี ก็เลยใช้ login เป็นชื่อนี้แล (( ง่ายดีมั้ย ))

((( ปล จริงๆแร้ว )))

ตอนนี้เรากำลังจิตตกกับการเข้าสู่แผนกทำคลอดเป็นวันแรก

แอบกลัวอยู่อ่ะ เราไม่อยากทำคลอดเรย

ทำไงดีอ่ะ??




Friends' blogs
[Add MsBrenda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.