ชีวิตที่มึความสวยงามนั้น อาจไม่ได้หมายถึงชีวิตที่มีความ "เต็ม" ในทุกๆด้าน แต่มันเป็นเพียงการที่เรารู้จัก "เติม" สิ่งที่สร้างสรรค์ให้กับชีวิตวันละนิดละหน่อย เหมือนการสร้างประโยคเล็กๆที่ดีๆให้กับชีวิต จนกลายเป็นเรื่องราวที่มีคุณค่าและน่าอ่านในท้ายที่สุด
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
6 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
California trip # 24 : 105 $ & badminton พลัดถิ่น

15 เมษายน 2008

นอกจากจะหายไปนานแล้ว หัวข้อบล็อกก็ยังคงงงๆด้วยอีกตะหาก

เอาเป็นว่าเจ้าของบล็อกสามารถ built
อารมณ์ตัวเองให้กลับมาอยากอัพได้ใหม่อีกครั้งแล้ว


จะว่าไป ชีวิตในมหาวิทยาลัยตลอดสองปีและอีกสามเดือนนี้
มีผลทำให้ต่อมความสร้างสรรค์ของเราฝ่อลงอย่างมีนัยสำคัญจริงๆ
( ทั้งทางสถิติและทางคลินิค หึๆ )


แปลได้ว่าถ้าช่วงนี้เขียนไปเขียนมาแล้วมีอาการพูดไม่รู้เรื่อง เราก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ หุ หุ


.............................................................................


วันนี้ถือเป็นวันว่างของเราและเพื่อน
เลยตื่นนอนกันแบบสายๆ และชวนกันไปเดินห้างที่ downtown valencia อีกครั้ง


วันนี้เป็นวันเกิดของอาแหวว พวกเราเลยถือโอกาสหาของขวัญให้อาแหววไปด้วยเลยในตัว หลังจากเดินเตร็ดเตร่และซื้อของไม่ได้เสียทีพวกเราเลยแวะเข้ามาซื้อการ์ดกันดูก่อน

ร้านการ์ดที่เราแวะเข้ามาดูนี่ รูปแบบการ์ดถือว่าหลากหลายน้อยกว่าที่เมืองไทย
แต่ว่ามีการ์ดที่มีคำอวยพรดีๆให้เลือกค่อนข้างมากทีเดียว
เราว่าระหว่างเลือกคลื่นไฟฟ้าในสมองเราน่าจะวิ่งไปวิ่งมาวุ่นวายพอดู
เพราะว่าคำอวยพรเป็นภาษาอังกฤษไง

แถมบางทีเป็น poem เข้าไปอีก
กว่าจะแปลได้ก็ต้องพึ่ง Dictionary กันไปตามเรื่องตามราว
เป็นการเลือกการ์ดที่เหนื่อยใช้ได้เลยนะนี่

ใช้เวลานานเหมือนกันกว่าพวกเราจะเลือกกันเสร็จ
ฟางนั้นได้ทั้งการ์ดและกล่องเพลงน่ารักๆใบหนึ่ง
ถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจในการหาของขวัญ
พวกเราก็มานั่งพักขาเพื่อเตรียมเดินหา Post office กันต่อ


เรานั้นเกิดฮึดอยากจะไปหาไปรษณีย์เพราะว่ากลัวตัวเองจะบินถึงบ้านก่อน Postcard
ก่อนหน้านี้พวกเราได้แต่เขียนๆกันใหญ่ แต่ ไม่ได้ส่งสักที เท่าๆที่ฟังคนแถวๆนี้พูด Post office ก็ดูจะไม่ไกลจากห้างสักเท่าไร
แต่ทำไมพวกเราเดินแล้วมันไกลจังหว่า ลมก็แสนจะแรง แอบหนาวได้ทั้งๆทีแดดเปรี้ยง ก็ตลกดี




หลังจากเดินกันมาได้สักพัก ลมตีขาจนเริ่มจะชา
และฟางเหลือบไปเห็นร้านสเก็ต เลยได้ฤกษ์แวะเข้าไปดูของในร้านกันเสียก่อน
ระหว่างที่พวกเราออกนอนเส้นทางกันอยู่นี้
สายตาเราก็เหลือบไปเห็นเศษกระดาษบริเวณใต้ท้องรถที่จอดอยู่สองใบ
เลยแอบคิดหวังไปว่า กระดาษสองใบนี้จะเป็นธนบัตร
คิดได้ดังนั้นลองหยิบใบที่ใกล้มือมาก่อนหนึ่งใบ ปรากฏว่าเป็นธนบัตร 5 $ ฟางโวยวายใหญ่ว่าทำไมฟางมองไม่เห็นบ้าง เราเลยบอกฟางว่ายังมีอีกใบนะ แต่อยู่ใกล้ๆล้อ เลยตกลงกันว่าถ้าออกจากร้านไปแล้วมันยังอยู่ก็จะเก็บ ปรากฏว่าพอเดินผ่านมาแบงค์ก็ยังคงอยู่ แต่ว่าเรานั้นไม่กล้าเก็บเสียแล้ว
เลยกลายเป็นฟางเก็บขึ้นมาคลี่ดูแทน เราเห็นเลข 1 ไวๆ ตอนแรกเข้าใจว่าเป็น 1 dollar แต่กลายเป็น 1,00 $ ซะอย่างงั้น พอเห็นเลขแล้วพวกเราก็เกิดอาการหมุนรอบตัวกันเลยทีเดียว เรียกว่าหมุนหากล้อง เพราะสงสัยว่าเค้ากำลังถ่ายทำรายการอะไรกันอยู่รึเปล่า แต่มองไปมองมาก็ยังคงไม่พบหน้ามนุษย์เพียงสักคนเดียว เลยรีบๆเดินไปจากตรงนี้กันดีกว่า มุ่งหน้าหา Post office กันต่อไป

คราวนี้พวกเราเหมือนจะมีเรี่ยวแรงมาจากไหนก็สุดจะรู้ เดินไปก็ถกกันไปว่าอะไรเกิดขึ้นนี่ เมฆฝนที่กำลังตั้งเค้าอยู่ในใจก็สลายไปได้เยอะทีเดียว จากหน้าร้านสเก็ตปริศนาเดินมาอีกประมาณนึงช่วงตึกก็ถึงหัวมุมเลี้ยวมา Post office

หลังจากหา Post office เจอแล้วพวกเราก็เลยถึงบางอ้อ ว่าทำไมพวกเราถึงเดินกันไกลมากมาย ทั้งๆที่มันไม่น่าจะไกล แต่เป็นเพราะว่าพวกเราเดินวนตามขอบของรูปสี่เหลี่ยมสามด้าน แทนที่จะเดินแค่ด้านเดียวถึง สรุปว่าไปรษณีย์มันอยู่ไม่ไกลจากห้างหรอก แต่ว่าเลือกออกประตูผิดกันไปหน่อย (( ภาษาอังกฤษแข็งแรงกันมากเลยคู่นี้ หุหุ )) รวมถึงการออกนอนเส้นทางกันนิดหน่อยด้วย ก็ตลกดี ฟางบอกว่าเค้าเรียกดวงมันจะเก็บได้ เหอๆ


จากเส้นทางอันหฤโหด ในที่สุดเราก็มาถึงไปรษณีย์กันตอนเกือบๆหกโมงเย็น เค้ากำลังจะปิดพอดี
( ยังดีนะไปรณีย์บ้านเค้าปิดเย็นกว่าบ้านเราเนี่ย )
แต่วันนี้ก็ผู้คนมากมายล้นไปรณีย์ ชนิดต่อแถวกันยาวเหยียด

เลยนึกได้อีกเรื่องว่าวันนี้คงเป็นวันสุดท้ายของกำหนดเสียภาษีของที่นี่ เลยมีแต่ผู้คนเร่งรีบมากมาย เราเดินชิลๆเข้าไปต่อแถวแบบไม่ทุกข์ร้อนสักเท่าไร แต่พอต่อเสร็จเจ้าหน้าที่ก็ทำท่าจะปิดประตูพอดี เลยรีบเรียกฟางเข้ามาด้วยกัน พอหกโมงเป๊ะๆ เจ้าหน้าที่ก็ปิดประตูชนิดไม่เกร็งใจคนที่โวยวายเลยทีเดียว คือเรายืนต่อแถวเป็นคนสุดท้าย เห็นมีผู้คนมาโวยวายขอเข้ามาส่งแบบฟอร์มเสียภาษีมากมาย เจ้าหน้าที่ก็เถรตรงดีจริงๆ เป็นเมืองไทยนี่ยามคงใจอ่อนเป็นแน่แท้

เราเห็นแล้วอดอมยิ้มในใจเป็นรอบที่สองไม่ได้ นี่ถ้าเค้ารู้ว่าเด็กกะเหรี่ยงสองคนสุดท้ายนี่มาส่งโปสการ์ดกลับบ้านนี่จะรู้สึกยังไงเนี่ย

และแล้วเวลาผ่านไปไม่นาน พวกเราก็ได้ยื่นโปสการ์ดให้เจ้าหน้าที่อย่างสง่าผ่าเผย ท่ามกลางรอยยิ้มเล็กๆของเจ้าหน้าที่ เห็นขำกันหลายคนอยู่ หุหุ คงแหวกแนวดีกว่าชาวบ้านมั้งงง คิดว่านะ

อันที่จริงโปสการ์ดใบน้อยของพวกเรานี้น้ำหนักความซีเรียสอาจจะไม่เท่ากับเอกสารเกี่ยวกับ tax ทั้งหลายที่เค้าส่งกัน แต่สำหรับเราแล้ว โปสการ์ดเหล่านี้มีคุณค่าทางจิตใจไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างน้อยๆ เราก็ได้ส่งมันกลับมาเมืองไทยได้ตามที่บอกกับที่บ้านจนได้

ส่งไปรษณีย์เสร็จก็แทบจะหมดสิ้นเรี่ยวแรง ขี้เกียจเดินกลับบ้านกันเลยทีเดียว ประจวบเหมาะกับอาจุ้ยบอกว่าจะมารับ แต่ว่า……. จะมาพาเราไปตีแบดนะ เหอๆ เอากะเค้าสิ แต่ไหนๆก็สัญญาไว้แล้ว สัญญาลูกผู้หญิง ต้องรักษาจริงมั้ยคะ พวกเราขึงกระโดดขึ้นรถอาจุ้ย เพื่อไปแวะเอาไม้แบด แล้วก็ตะลุยไปตีแบดกันต่อ


อันที่จริงเรานับว่าโชคดีที่อาจุ้ยชอบตีแบดอยู่แล้ว เลยได้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาตีแบดไกลถึงเพียงนี้ สงสัยเหมือนกันแหละ ว่าคอร์ดที่นี่จะเหมือนเมืองไทยรึเปล่า แต่เอาเข้าจริงๆ คนที่เล่นส่วนมากก็เป็นเอเชียนะ เป็นคนไทย จีน อินโด ประมาณนี้แหละ ไม่ค่อยเห็นฝรั่งเล่นเท่าไรอ่ะ

ที่น่าปลื้มคือตอนเดินเข้าคอร์ดเจ้าหน้าที่เก็บเงินเค้าถามว่า High school or University ?? อิๆ น่าจะแอบอ้างเป็นเด็ก แต่ได้ข่าวว่าจะขึ้นปีสามแล้ว เลยต้องจำยอมเสียเงินในราคา University ไปตามระเบียบ

ที่นี่ถึงจะเป็นคนไทยแต่ก็พูดกันเป็นภาษาอังกฤษมากกว่า มีครั้งนึงลุงที่เล่นคู่กับเราเค้าร้อง เอ้า ๆ เราก็เลยรีบรับลูกไป ทั้งๆที่เค้าบอกว่าว่า out out คือลูกมันออกข้าง ฮาดี เราก็งงอยู่ตั้งนาน ว่าบ้างลูกก็เห็นว่าออกชัดๆ แล้วให้ตรูรับทำไมฟะเนี่ย

พวกเราตีกันอยู่ถึงประมาณเที่ยงคืนก็ได้เวลาจรลี จะว่าไปก็เล่นแบดอยู่ตั้งสี่ชั่วโมงนะเนี่ย จะว่าไปก็ไม่ต่างกับตีแบดที่ไทยเท่าไรหรอก แต่เราเห็นว่านี่เป็นประสบการณ์ที่ดีไม่น้อย เพราะถ้ามากับทัวร์คงไม่ได้มาตะลอนๆเหมือนมากับญาติแบบนี้หรอกใช่มั้ย เค้าเรียกว่าได้มาพบมาเห็น อย่างน้อยๆก็เศษเสี้ยวของวิถีชีวิตคนไทยที่มาอยู่ที่นี่จริงๆ เรียกว่าคนไทยใน LA นี่เยอะจนน่าใจหายเหมือนกันนะเนี่ย ถึงขนาดมีใครสักคนที่บอกว่ามาอยู่ตั้งนานแล้วยังพูดภาษาอังกฤษไม่คล่องเลย เราฟังแล้วก็ว่าแปลกดีเหมือนกัน เมื่อก่อนนึกว่าถ้ามาอยู่ที่นี่แล้วน่าจะเก่งภาษาอังกฤษอ่ะ


คือเราพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบภาษีของอเมริกาหลายรอบแล้วแต่ไม่รู้เรื่องสักทีน่ะ เลยขอขี้ตู่เอามาเขียนเสียแบบนี้แล้วกันนะ



Create Date : 06 สิงหาคม 2551
Last Update : 6 สิงหาคม 2551 22:34:22 น. 7 comments
Counter : 496 Pageviews.

 
แปะไว้ก่อน เดี๋ยวมาอ่าน น่าสนุกๆ


โดย: kaajibjib วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:6:41:43 น.  

 
หายไปซะนานเลยนะคะ รออ่านอยู่คะ


โดย: prapasri IP: 202.57.171.26 วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:21:42:03 น.  

 
การเรียนที่หนักไม่มีผลต่อการอัพบล็อกอย่างนัยสำคัญ อิอิ


โดย: . IP: 124.121.5.98 วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:14:24:01 น.  

 
ไอ้นก
กว่าจะอัพพพพพ

เเกเขียนสนุกเจงๆ
แกจามได้มะ วานนี้ป่าววะที่เราโดนขังในห้องน้ามม

ตอนเดินไปไปรษณีนี้เเทบกระอัก
เก็บตังได้ทีตัวปลิวเชียว

อิอิ



โดย: ฟางข้าว IP: 58.8.90.94 วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:21:53:35 น.  

 
เฮ้อ..อ่านแล้วก้อคิดถึง CA ไม่นานคงได้ไปอีก



โดย: kaajibjib วันที่: 7 สิงหาคม 2551 เวลา:23:14:40 น.  

 
เข้ามาอ่านประสบการณ์ และมุมมองที่น่าสนใจครับ หวังว่าคงได้อ่านในครั้งต่อๆไปอีกนะครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 11 สิงหาคม 2551 เวลา:23:44:23 น.  

 


หลับฝันดีค่ะ

ขอบคุณที่แวะมาดูรูปค่ะ


โดย: ญามี่ วันที่: 11 สิงหาคม 2551 เวลา:23:53:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

MsBrenda
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




blog นี้ดูจะเกิดขึ้นมาได้เนื่องด้วยเจ้าของบล็อกเกิดอยากจะเขียน
แล้วอยากให้คนอื่นๆอ่านเรื่องที่ตัวเองเขียนด้วย
การมีบล็อกเป็นของตัวเองก็เลยดูจะลงตัวดี
และแม้ว่าช่วงนี้ถึงชีวิตการเรียนที่เป็นอยู่ไม่ค่อยเอื้อให้เรามานั่งเขียนบล็อกสักเท่าไร
แต่การที่ได้พักจากชีวิตที่วุ่นวายมาทำอะไรที่ชอบสักพัก ก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน


บางเรื่องที่เราเขียนก็ดูจะบ้าๆบอๆไร้สาระไปหน่อย
จนเหมือนยึดเป็นที่ระบายอารมณ์ในบางครั้ง
อย่างไรก็ตาม
เราต้องขอขอบคุณทุกคนมากๆนะคะที่เข้ามาอ่าน


ปล .
เราใช้ชื่อ N3K เป็นชื่อ blog เนื่องจากชื่อนี้เป็นชื่อกลุ่มเราสมัย ม.ต้น
แล้วเราสมัครพันธุ์ทิพย์ช่วงมอต้นพอดี ก็เลยใช้ login เป็นชื่อนี้แล (( ง่ายดีมั้ย ))

((( ปล จริงๆแร้ว )))

ตอนนี้เรากำลังจิตตกกับการเข้าสู่แผนกทำคลอดเป็นวันแรก

แอบกลัวอยู่อ่ะ เราไม่อยากทำคลอดเรย

ทำไงดีอ่ะ??




Friends' blogs
[Add MsBrenda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.