ชีวิตที่มึความสวยงามนั้น อาจไม่ได้หมายถึงชีวิตที่มีความ "เต็ม" ในทุกๆด้าน แต่มันเป็นเพียงการที่เรารู้จัก "เติม" สิ่งที่สร้างสรรค์ให้กับชีวิตวันละนิดละหน่อย เหมือนการสร้างประโยคเล็กๆที่ดีๆให้กับชีวิต จนกลายเป็นเรื่องราวที่มีคุณค่าและน่าอ่านในท้ายที่สุด
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
31 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
California trip # 10 : Berkeley & Sacramento

เมษายน  2008เช้าวันนี้ของเราดูจะเร่งรีบเล็กน้อย  เพราะว่าเมื่อคืนยังเก็บของกันยังไม่เสร็จ   ตื่นมาก็วุ่นวายเก็บของต่อ  แต่ถึงจะรีบแต่อานาตก็ยังมีเวลาต้มมาม่าให้พวกเรากิน ( อาหารยอดฮิต  อิๆ )จัดของใกล้จะเสร็จเราก็เกิดกลัวจะลืมของเลยขึ้นมาเดินดูว่าลืมอะไรไว้บ้างรึเปล่า  เดินวนไปวนมาก็เริ่มรู้สึกหวิวๆไม่ได้  เหมือนตอนเก็บของออกจากบ้านเลยด้วยซ้ำ เวอร์ไปมั้ย หุหุ  สงสัยเป็นเพราะจากบ้านมาไกลมั้ง พอมาเจอญาติที่นี่เลยรู้สึกสนิทเร็วเรามีเวลารู้สึกโหวงๆได้พักเดียวก็ได้เวลาออกจากบ้านกันแล้วอานาตให้ถุงมือมาคู่นึง  สวยมากก สีดำ  ท่าทางจะแพงแฮะ เค้าบอกเอาไว้เผื่อเจอหิมะที่ lake tahoe อ่ะนอกจากนี้ก็ยังมีถุงเครื่องสำอางค์ La mer  แบบที่เค้าแถมมาถุงนึง(ซึ่งเราก็ลืมไว้ที่บ้านเค้าน่ะแหละ  ยังเสียดายไม่หาย )แล้วก็อั่งเปา ใส่เงิน US   พร้อมกับสำทับว่า  " ให้ไว้เก็บนะ ไม่ได้ให้ไว้ใช้  โอกาสหน้าจะได้มาใช้อีก"    อืมม เหอๆ  ขอให้มันจริงเถอะนะขับรถกันออกมาจากบ้านในตอนสายๆมุ่งหน้าไปยังวัดไทยในเมือง Berkeleyเพราะว่าอาโจ  ((  ญาติเพื่อน )) จะรอรับอยู่ที่นั่นส่งต่อกันเหมือนส่งของดีมั้ย 55ระหว่างทางเราผ่าน San francisco กัน  (( ได้เวลาตื่นมาดูวิว ))ถือว่าเป็นกำไรได้เห็นเมืองสวยๆกันอีกรอบ   โดยไม่ต้องหนาว  จาก San francisco เราก็ข้าม Bay bridge กันสะพานนี้ก็สวยอีกแล้ว  ดูเป็นเหล็กๆดี แถมยาวมากๆด้วยข้ามมาฝั่ง Oakland กันเสร็จแล้วก็นั่งรถกันต่อเราก็มีหน้าที่นั่งหลับต่อมาเรื่อยๆพวกเรามาถึงวัดไทยกันตอนประมาณสิบเอ็ดโมง  ( เอ่ออ ต้องบอกว่าวัดนี้มีชื่อแหละ  ไม่ได้ชื่อวัดไทยหรอก  แต่ว่าจำไม่ได้  ก็เลยขอเรียกว่าวัดไทยก็แล้วกัน  )สิ่งสะดุดตาสิ่งแรกของวัดไทยที่นี่คือฝรั่งต่อแถวกันยาวมากกเพื่อซื้ออาหารไทยค่ะ ปลื้มนะเนี่ยยยย   อาหารไทย  ชนะเลิศ 55จอดรถกันเสร็จแล้วก็ต้องมาไหว้ทักทายสวัสดีอาโจกันก่อนตื่นเต้นๆ ไม่รู้ญาติเพื่อนจะดุมั้ยเนี่ยปรากฎว่าตัวจริงอาโจยังดูวัยรุ่นอยู่เลยแฮะเจอกันครั้งแรกก็อุ้มลูกชายวัยสองขวบอยู่ด้วยดูเป็นคุณพ่อวัยรุ่นที่ family man สุดๆ  เท่ห์ดีแฮะ  อาโจมีลูกสองคนอ่ะ คนที่อุ้มอยู่นี่ชื่อ collin คุณคอลลินนี่เขินเราใหญ่เลยอ่ะ  พอยิ้มให้ก็รีบเอาหันหน้าไปซุกพ่อน่ารักมากๆ เลยบ้านนี้เค้าต้องมาวัดกันทุกอาทิตย์เพราะภรรยาอาโจและลูกชายคนโตมาเรียนภาษาไทยกันอยู่วัดไทยที่นี่มีสอนภาษาไทยให้ฝรั่งแล้วก็เด็กไทยที่นี่ด้วยอึ้งค่ะอึ้งเป็นรอบที่สองที่ได้เห็นฝรั่งนั่งเรียนภาษาไทยอย่างจริงจังปลื้มอีกแล้วเรา  เห็นเค้าเรียนกันแล้วรู้สึกอยากรักษาภาษาไทยเอาไว้ให้ดีเรามาช่วยกันใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องกันดีกว่าค่ะ  (( เอ่ออ หรือไม่ก็เอาแค่คิดว่าถูกต้องน่าจะง่ายกว่ามั้ง)) โดยเฉพาะเวลา chat กันทาง msn นี่  ภาษาที่ใช้เริ่มจะหน้าตาไม่เหมือนภาษาไทยเข้าไปทุกที  เห็นแล้วใจหาย  บางทีเวลาคุยกับเพื่อนเราก็เริ่มจะอ่านภาษาไทยไม่ออกอย่างจริงจัง  (( หรือว่าเราเริ่มแก่แล้วฟะเนี่ย ))สำรวจห้องเรียนแล้วพวกเราก็สำรวจตลาดของกินกันต่อที่วัดนี้มีขายอาหารไทยหลายชนิดมาก ทั้งข้าวเหนี่ยว  ส้มตำ ไก่ย่าง  อาหารจานเดียว  กับข้าวก็เยอะแยะ  แล้วก็มีข้าวเหนียวมะม่วงขายด้วยอานาตบ่นว่าอยากกิน  อิๆ  แต่ว่าเห็นคนแล้วต้องยอมแพ้  เพราะไม่มีเวลาอานาต อาเส และ น้องลูกหิน  ลงมาไหว้พระกันเพียงครู่เดียวแล้วก็ต้องขับรถกลับไปซ้อมดนตรีต่อเรากับเพื่อนเดินไปยกมือไหว้ลากันที่หน้าประตูวัดรอกันจนท้ายรถลับสายตาไปแล้วก็เข้ามาสำรวจวัดกันต่อเรานั้นไม่ค่อยใจหายอย่างที่คิดเพราะอานาตย้ำนักย้ำหนาว่าเดี๋ยวไว้เจอกันที่เมืองไทย ช่วงเดือนมิถุนานับไปนับมาก็รู้สึกจะไม่ถึงสองเดือน  แหะๆส่งอานาตเสร็จนั่งรออยู่สักพักก็ได้เวลาพักกลางวันของนักเรียนรุ่นเล็กเราถึงได้เจอลูกพี่ลูกน้องฟางที่ชื่อ Aden สักทีฟางเล่าให้ฟังมาสักพักแล้วว่าน้องรักของฟางคนนี้ซนมากแล้วก็เห็นจะจริงอย่างที่เล่าแฮะน้องเค้ากินเกี๋ยวเตี๋ยวนี่ก็กินไปเล่นไป  ก็น่ารักดีไปอีกแบบนะ  เป็นเด็กซนแล้วก็น่ารักไปอีกแบบช่วงบ่ายพวกเราคงเตร็ดเตร่อยู่แถวๆนี้เพื่อรออา DARA เรียนภาษาไทยต่อตอนบ่ายอาดาราคือภรรยาอาโจน่ะ  เป็นคนอเมริกันแบบโตขึ้นมาที่นี่เลยถือเป็นคนอเมริกันหัวทองๆอีกคนคนหนึ่งที่ตั้งใจเรียนภาษาไทยอย่างจริงจังน่าปลื้มใจแทนอาโจที่มีภรรยาน่ารักแบบนี้มื้อกลางวันวันนี้เป็นส้มตำและไก่ย่างแบบได้บรรยากาศดีคือเค้ากางเต้นท์กินกันในวันนี่แหละเสียแต่ส้มตำจานละร้อยห้าสิบกว่าบาทคูณเป็นเงินไทยเสร็จแล้วแทบจะกินไม่ลงกินข้าวกลางวันเสร็จก็เตรียมกระโดดขึ้นรถตระเวนเที่ยวแถวๆนี้กัน  ออกจากวัดไม่ไกลก็ขับรถผ่าน UC Berkeleyมหาวิทยาลัยนี้เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของแคลิฟอร์เนียเหมือนกันแต่ได้แค่นั่งรถผ่านอ่ะ  ไม่ได้ลงไปเดินเลยจาก UC Berkeley ไปก็เริ่มเป็นทางขึ้นภูเขาอาโจตั้งใจจะพาเอเดนและคอลลินไปนั่งม้าหมุนแต่ปรากฎว่าเค้าปิดซ่อม   ก็เลยได้ไปนั่งรถไฟแบบที่หัวรถเป็นเครื่องจักรไอน้ำแทน
เจ้ารถไฟนี้ชื่อ redwood valley railway แหละ
( พึ่งเห็นชื่อจากรูปในกล้องฟางแฮะ )
อันที่จริงรถไฟนี้เป็นรถไฟคันเล็กๆ  กว้างประมาณความสูงของเด็กสี่ขวบเอง  ทำไมเรารู้น่ะหรออ   ก็เพราะเจ้าเอเดนลงไปนอนวัดให้เราไง   อิๆรถไฟ(กึ่งๆเด็กเล่น ) คันนี้วิ่งวนไปรอบๆในหุบเขานี้แหละ  วิวแถวนี้ก็ดูเป็นป่าๆดีมีการลอดอุโมงค์ด้วย  เราก็จำอะไรไม่ได้มากเพราะว่าเราหนาว(( อีกแล้ว ))  คือคราวนี้ไม่มีเสื้อของน้องลูกหินให้ยืมแล้วเราก็เลยต้องพึ่งเสื้อกันหนาวตัวเอง  แล้วเสื้อที่เรามีอยู่นี่ดูเค้าจะไม่ได้ตั้งใจจะให้เอามาใส่นั่งรถไฟตากลมบนเขาซะด้วยสิกว่ารถไฟจะวนกลับมาจอดที่เดิมเราก็คิดถึงอากาศร้อนเสียแทบแย่ลงมาได้ก็เดินมาขึ้นรถลูกเดียว  ได้ขึ้นมาเจออากาศอันแสนจะอบอุ่นบนรถนี่ยังกะขึ้นสวรรค์ระหว่างทางขาลงจากเขาอาโจแวะจอดให้ดูวิวได้เห็นเมืองตัวเมือง San francisco กะสะพาน Golden Gate  แบบ Panorama มากๆจากมุมนี้นี่เห็น Alcatraz อยู่ตรงกึ่งกลางของสะพาน Golden Gate แบบเด๊ะๆเลย  อลังการดีดูวิวกันเสร็จอาโจก็พาไปที่ท่าเรือต่อ  ลงจากรถกันมาเสร็จปรากฎว่าอาโจลืมรองเท้าคอลลินเฉยเลยเลยฝากน้องไว้กับเราก่อนแล้วเค้าวิ่งลงไปเอารองเท้าอืมม นะ ตื่นเลยคราวนี้ตรู  เห็นแดดแล้วสงสารน้องเลยต้องอุ้มเจ้าคอลลินขึ้นมาเพื่อพาไปหลบในร่มหวาดเสียวกลัวทำลูกเค้าตกนะเนี่ยย ยังดีที่คอลลินไม่ร้องไห้อ่ะ  แถมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีด้วยการเกาะเราเสียแน่นเลยเราอุ้มคอลลินมาวางในร่มได้แบบทุลักทุเล  ตอนหลังมาเห็นรูปที่เพื่อนถ่ายไว้แล้วหัวใจจะวายย้อนหลัง  คือในรูปนี่เหมือนเจ้าคอลลินตกลงมาสักครึ่งตัวแล้วยังไงยังงั้นไม่ว่าใครเห็นรูปก็จะต้องถามว่าเราไม่มีน้องหรือยังไง  ถึงอุ้มเด็กไม่เป็น 55 รออาโจเพียงไม่นานคอลลินก็ได้รองเท้าใส่เด็กสองคนดูจะตื่นเต้นที่ได้มาท่าเรือ เรานี่เห็นลมแล้วขอยกธงขาวยอมหลบอยู่ในร้านหนังสือดีกว่าเดินไปเดินมาก็จบลงที่สตาร์บัคส์เช่นเคย  โกโก้ร้อนๆดูจะทำให้รู้สึกดีขึ้นมากทีเดียวนั่งกินได้สักพักก็ได้เวลาไปรับอาดาราพอถึงวัดแล้วเราก็ได้เวลาย้ายที่นั่ง  จากเบาะหน้ามานั่งเบาะเสริมตรงท้ายรถง่ะ ตอนแรกเจ้าของรถบอกว่าเค้าจะนั่งข้างหลังให้เอง  แล้วถึงจิตใต้สำนึกเราเนี่ยอยากนั่งข้างหน้าใจจะขาดแต่ก็ยังโชคดีที่สมองชนะ  สั่งให้เราย้ายไปนั่งเก้าอี้เสริมจนได้ในเมื่อตัดสินใจจะมานั่งข้างหลังได้แล้วก็เถียงชนะอาดาราได้ไม่ยากด้วยเหตุผลว่าเราตัวเล็กกว่า  น่าจะนั่งสะดวกกว่าคราวนี้อาดาราก็เลยขำเลยจาก Berkeley เราก็จะมุ่งหน้าสู่ Sacramento เสียทีระหว่างทางนี้เราดูจะมีภารกิจรบกับสมบัติอันมากมาย ( ของเราและฟาง )อยู่ข้างหลังรถ  คือของเยอะอ่ะ  เวลารถเลี้ยวทีมันก็จะเอียงมาหาเราได้ด้วยแรงเฉื่อยเราก็ต้องคอยผลักมันกลับไปทีเดิมถือเป็นการนั่งรถโดยได้ใช้กำลังแขนไปด้วย  ก็ดีไปอีกแบบเหมือนกันระหว่างทางเรามาแวะกินข้าวร้านอาหารไทยกัน แล้วก็แวะซื้อของใน super แต่ที่นี่ดูจะเป็นห้างของคนเอเชียเลยอ่ะไม่ค่อยเห็นฝรั่งมาเดิน  อ่ออ ตอนจอดรถเจอคนแปลกๆด้วยอ่ะเอเดนโดนคนที่จอดรถอยู่ข้างๆปิดประตูมาทับอ่ะเค้าบอกว่าเค้ากลัวประตูไปโดนรถของเค้า    ใจร้ายจริงๆ  ปิดประตูไม่ได้ดูเด็กเล้ยยยกว่าจะมาถึงบ้านอาโจก็ค่ำๆแล้วบ้านอาโจเป็นบ้านชั้นเดียว  หลังไม่ใหญ่นักแต่มีบริเวณบ้านกว้างดีที่น่าตื่นเต้นคือเค้าทำโรงรถเป็นห้องของเล่นให้ลูกด้วยคือเค้าปูพื้นด้วยยางนิ่มๆเลยอ่ะ ลูกจะได้ล้มไม่เจ็บน่าอิจฉาเจ้าเด็กสองคนนี้แฮะ  ของเล่นเยอะสุดๆคืนนี้เรากะฟางต้องแยกกันนอนเป็นคืนแรกเพราะในห้องเตียงนอนได้คนเดียวฟางบอกว่ากลัวเตะกันก็เลยออกไปนอนข้างนอกโซฟาเค้ากางออกมาเป็นที่นอนได้  เจ๋งดีอ่ะจัดการเรื่องที่นอนกันเสร็จก็ต้องเอารูปลงคอมเพราะว่า memory กล้องเราเต็มเรียบร้อย (( วันนี้เลยไม่มีรูปง่ะ ไม่ได้ถ่ายเลย  ต้องรอคุณท่านฟาง ))นอกจากจะได้ใช้คอมแล้วในที่สุดวันนี้ยังมี internet ใช้ด้วยอารมณ์ดีไปตามๆกันเพราะติดเนตกันทั้งคู่เสียด้วยพวกเรา  ถึงจะมีคอมให้ใช้แต่ก็ได้ใช้แบบหนาวๆ  เลยหนาวแบบต่อเนื่องตั้งแต่บ่ายๆเลยนะเนี่ยวันนี้เกือบน่าจะเป็นวันแรกในชีวิตได้ที่รู้สึกอยากได้ห้องนอนร้อนๆcensor อุณหภูมิบ้านนี้อยู่ตรงห้องโถงอ่ะ  ในห้องที่เรานอนนี่รู้สึกจะไม่มีนะเวลาเหยียบพื้นที่นี่สะดุ้งเลยเดินไปก็หมั่นไส้ตัวเองไป  แทนที่จะหาถุงเท้าหนาๆมาเตรียมไว้เรากลับมีแต่ถุงเท้ายกโหลจากสำเพ็งเสียนี่ ในที่สุดหลังจากกระย่องกระแย่งเข้าห้องน้ำเสร็จก็ได้นอนเสียทีพอมุดเข้าไปในผ้าห่มได้เราก็ง่วงอย่างรวดเร็วพรุ่งนี้ไป lake tahoe ไม่รู้จะหนาวขนาดไหนเนี่ย  ชักเสียวๆแล้วสิ


Create Date : 31 พฤษภาคม 2551
Last Update : 5 มิถุนายน 2551 22:24:31 น. 1 comments
Counter : 743 Pageviews.

 
รูปจะเดินทางไปถึงคณะพรุ่งนี้เจ้าค่ะ


โดย: ฟางข้าว IP: 58.8.94.200 วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:18:52:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

MsBrenda
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




blog นี้ดูจะเกิดขึ้นมาได้เนื่องด้วยเจ้าของบล็อกเกิดอยากจะเขียน
แล้วอยากให้คนอื่นๆอ่านเรื่องที่ตัวเองเขียนด้วย
การมีบล็อกเป็นของตัวเองก็เลยดูจะลงตัวดี
และแม้ว่าช่วงนี้ถึงชีวิตการเรียนที่เป็นอยู่ไม่ค่อยเอื้อให้เรามานั่งเขียนบล็อกสักเท่าไร
แต่การที่ได้พักจากชีวิตที่วุ่นวายมาทำอะไรที่ชอบสักพัก ก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน


บางเรื่องที่เราเขียนก็ดูจะบ้าๆบอๆไร้สาระไปหน่อย
จนเหมือนยึดเป็นที่ระบายอารมณ์ในบางครั้ง
อย่างไรก็ตาม
เราต้องขอขอบคุณทุกคนมากๆนะคะที่เข้ามาอ่าน


ปล .
เราใช้ชื่อ N3K เป็นชื่อ blog เนื่องจากชื่อนี้เป็นชื่อกลุ่มเราสมัย ม.ต้น
แล้วเราสมัครพันธุ์ทิพย์ช่วงมอต้นพอดี ก็เลยใช้ login เป็นชื่อนี้แล (( ง่ายดีมั้ย ))

((( ปล จริงๆแร้ว )))

ตอนนี้เรากำลังจิตตกกับการเข้าสู่แผนกทำคลอดเป็นวันแรก

แอบกลัวอยู่อ่ะ เราไม่อยากทำคลอดเรย

ทำไงดีอ่ะ??




Friends' blogs
[Add MsBrenda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.