ชีวิตที่มึความสวยงามนั้น อาจไม่ได้หมายถึงชีวิตที่มีความ "เต็ม" ในทุกๆด้าน แต่มันเป็นเพียงการที่เรารู้จัก "เติม" สิ่งที่สร้างสรรค์ให้กับชีวิตวันละนิดละหน่อย เหมือนการสร้างประโยคเล็กๆที่ดีๆให้กับชีวิต จนกลายเป็นเรื่องราวที่มีคุณค่าและน่าอ่านในท้ายที่สุด
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
20 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
California trip # 7 : San francisco

3 เมษายน 2008

วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่โปรแกรมเราไม่ต้องรีบร้อนเท่าไร
เราตื่นมาตอนประมาณ 8 โมงครึ่งแล้วนอนต่อไม่หลับ
เลยตัดสินใจลุกขึ้นมาผจญภัยกับเครื่องวิ่ง treadmill ดีกว่า
ที่บ้านอาเรามีอยู่เครื่องนึง ด้วยความที่ไม่เคยใช้นี่กว่าจะวิ่งได้ก็ตื่นเต้นพอดู
แต่ก็เหนื่อยดี ได้เหงื่อมากกว่าบน Yosemite อีก
คงเป็นเพราะเริ่มเป็นช่วงสายแล้วมั้ง เริ่มร้อนหน่อยๆแล้ว

เช้าวันนี้อานาตพาน้องลูกหินไปเรียนเปียโนตอนเช้า เลยพาพวกเราเที่ยวได้ตอนช่วงบ่ายๆ พวกเราเลยออกมาถ่ายรูปบริเวณบ้านกันก่อน
พวกเราเลือกออกมาฝั่งโรงรถเป็นที่แรก เพราะเล็งมาหลายวันแล้ว
เห็นมีต้น Maple ใบสีแดงๆ สวยดี ถ่ายแถวๆหน้าบ้านนี้ก็ดูเมืองนอกดีเหมือนกัน 55

เสร็จแล้วก้เดินลงไปทางหลังบ้าน ด้านซ้ายมีสระว่ายน้ำด้วยแต่ว่าปิดอยู่เลยดูไม่สวยเท่าไร ส่วนด้านขวาจะเห็นบ้านเกือบทั้งหลังเลย ก็สวยดี เราเริ่มสงสัยแล้วว่าด้านนี้อาจจะเป็นหน้าบ้านก็ได้ เฮ้ออ สับสน
พวกเราได้รูปสวยๆมาหลายรูปเหมือนกันก่อนที่อานาตจะเข้ามารับ

วันนี้พวกเรามีแผนไปเที่ยว San francisco กัน
แวะซื้อ mac มากินบนรถกัน ที่นี่ไม่เห็น chester grill เลยอ่ะ
เลยต้องกินของทอดไปตามระเบียบ
รีบทำเวลากินเสร็จแล้วก็นั่งรถกันต่อ นั่งมาอีกไม่นานก็เห็นทะเลแล้ว
พวกเราแวะจอดถ่ายรูปที่หน้า museum เป็นที่แรก
พอเหยียบลงจากรถปั๊บนี่แบบอย่างหนาวเลยอ่ะ คงเป็นเพราะที่นี่ลมแรงด้วยมั้ง


หลังจากจัดฉากเหมือนเราเข้าไปเที่ยวมิวเซียมเสร็จแล้วก็ไปบริเวณ Golden Gate กันต่อ ระหว่างทางเริ่มเห็นเมืองสวยดีเหมือนกัน
เมื่อกี้ลงไปแป๊บเดียวก็แทบจะแข็งแล้วอ่ะ เราเลยต้องยืมเสื้อกันหนาวจากอานาตเพิ่ม รวมๆแล้วสามสี่ชั้นแล้วมั้งก็ยังหนาวอยู่ดี ใครจะไปเที่ยวอย่าลืมเตรียมเสื้อกันหนาวกันไปดีๆนะ ถึงจะมีแดดแต่ก็หนาวจิงๆ





สะพานนี้เป็นสัญลักษณ์ของ SF อยู่แล้วอ่ะ เวลาใครๆมาเที่ยวก็ต้องมาถ่ายรูป



Golden Gate Bridge เชื่อมระหว่าง San francisco กับ Sausalito
ใกล้ๆกับสะพานฝั่งซานฟรานมีรูปปั้นของ Joseph B. Strauss วิศวกรผู้ก่อสร้างสะพานนี้ด้วย สะพานนี้ถือเป็นสะพานที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เพราะถูกสร้างมาเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถต้านลมแรงและกระแสน้ำได้



ไหนๆมาแล้วก็ต้องลองขึ้นไปเดินบนสะพานกันหน่อย
ปรากฏว่าสะพานสั่นได้ด้วยแฮะ
อาเสบอกว่าเป็นเพราะรถวิ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าสะพานอื่นจะสั่นมั้ยเพราะไม่เคยเดิน หรือเค้าอาจจะสร้างให้มันยืดหยุ่นได้เพื่อรับมือกับกระแสน้ำมั้ง



รูปนี้มองจากบนสะพาน

ถ่ายรูปกันพอเป็นพิธีแล้วก็มาดูของที่ระลึก
พวงกุญแจที่นี่มีให้เลือกหลายแบบมากเลยอ่ะ สวยๆทั้งนั้น
เลยได้พวงกุญแจมาสองอันแน่ะ ( เกินโควตานะเนี่ย )


Alcatraz จากบนฝั่ง มิได้ไปเที่ยว

จากGolden Gate bridge คุณอาก็พาไป Lombard Street ต่อ
ถนนนี้เป็นถนนมีชื่อเสียงในเรื่องของความชันและแคบ คือกว้างกว่ารถยนต์นิดเดียวเอง วิ่งได้คันนึงแบบพอดิบพอดี
อีกทั้งยังคดไปคดมาอีกด้วย
อาเสเรียกว่า “ ลำบาก street” 55
ในสายตาเรา ( ซึ่งไม่ใช่คนขับ ) เราว่าถนนนี้ก็สวยดี
พื้นถนนปูด้วยกระเบื้องสีส้มๆ เกาะกลางถนนปลูกดอกไม้ด้วย
แต่วันนี้เห็นแค่พุ่มไม้เขียวๆ อานาตบอกว่าถ้าถึงฤดูมันบานถนนนี้จะสวยมาก





สักประมาณบ่ายสามอานาตก็พาพวกเรามาหย่อนที่ pier 39
เพราะว่าต้องรีบพาน้องลูกหินไปเรียนดนตรีก่อน
ช่วงนี้พวกเราก็เที่ยวต่อแล้วค่อยนั่ง BART ( Bay Area Rapid Transit ) กลับไปหาที่สถานี Millbrae
สรุปว่าวันนี้จะได้กลับบ้านเองครึ่งทาง ตื่นเต้นนะเนี่ย แต่ก็น่าสนุกดี

ลงจากรถมาก็เจอ Tin man ก่อนเลย
เป็นคนทาตัวเป็นสีเงินๆอ่ะ ถ้ามองผ่านๆจะเหมือนหุ่นยนต์เหมือนกัน เสียแต่เค้าขยับไปขยับมาเลยไม่ค่อยเนียนเท่าไร คำว่า Tin นี่ไม่รู้ตั้งใจจะให้แปลว่ากระป๋องหรือดีบุกกันแน่

ดูอยู่แป๊บนึงพวกเราก็เดินเข้าไปใน pier กัน ลมแรงได้อีกอ่ะ โคดหนาวเลย
เราเข้าไปถึงก็เห็นป้าย tourist information เลยเดินเข้าไปดู แต่ศูนย์ดันปิดไปแล้ว เรากะเพื่อนก็เลยเดินเข้ามาดูในร้าน Chocolate heaven ที่เล็งไว้ตั้งแต่ตอนแรก ร้านนี้เป็นสวรรค์ของคนรักช็อคโกแล็ตสมชื่อจริงๆแฮะ
มี Chocolate หลายแบบหลายยี่ห้อมากๆ
แถมมี Chocolate Sugar Free ให้เลือกหลายแบบอีกตะหาก
เราซื้อมา quarter pound หมดไป 5 เหรียญ ( ไม่ถูกนะเนี่ย )
จะว่าไปที่ CA นิยมหน่วย pound มากอ่ะ เราต้องมานั่งหารกลับเป็นกิโลอีก
ไม่รู้ว่าใครแปลก อเมริกาหรือประเทศไทย



ฟางนั้นซื้อ white chocolate มาสามห่อ จะเอากลับไปฝากเมืองไทย
ยังขำกันอยู่ว่าซื้อตั้งแต่วันแรกๆ ไม่รู้พอกลับไปเมืองไทยแล้วจะยังรูปร่างเหมือนเดิมอยู่มั้ย ออกจากร้านนี้แล้วก็ไปร้านลูกกวาดกัน มีลูกอมใส่ถังแล้วตั้งขายเลยอ่ะ แถมสีสดมากๆอ่ะทอฟฟี่ ฟางซื้อมา 1 quarter ต้องมาลุ้นกันว่าจะกินได้มั้ย


เคเบิลคาร์สายที่ไม่ได้นั่ง สายที่นั่งไม่ได้ถ่าย เพราะกำลังหนาว

ออกจากร้านนี้มาเวลาก็ผ่านไปพอควรแล้วเลยชวนกันไปขึ้น cable car เตรียมกลับกันเลยดีกว่า
คราวนี้ก็ตื่นเต้นอีกแล้วเพราะแผนที่ที่อาเราให้ไว้หายไปไหนก็ไม่รู้
จำได้ลางๆว่าเดินกลับไปทาง Lombard street
ระหว่างเดินนี่เราก็หนาวสุดๆเลย มือนี่เย็นเจี๊ยบ หมดอารมณ์ถ่ายรูปกันเลย
ลมที่นี่ก็แรงดีไม่มีตกจริงๆพอเดินไปได้ประมาณสองบล็อก พวกเราก็เข้าไปถามหาแผนที่จากคนขับรถท่าทางใจดี ลุงเค้าเลยต้องลงมาหยิบแผนที่จากกล่องพลาสติดรูปร่างคล้ายตู้ไปรษณีย์ให้
อันที่จริงเค้าพยายามอธิบายอยู่สักพักแล้วว่าให้หยิบจากตู้พลาสติกข้างๆถนนนี่แหละ แต่เรามองเลยไปโน่นนนน ผลสุดท้ายเค้าคงคิดว่าลงมาหยิบให้เองง่ายกว่ามั้ง คนที่นี่เค้าก็ดูแลนักท่องเที่ยวดีอ่ะ friendly ดี

ในที่สุดก่อนจะแข็งเราก็เดินกันมาจนถึงสถานี Cable car สาย Hyde – Powell จนได้ ปรากฏว่าคนต่อแถวยาวมากกก ถ้าไม่ใช่ว่าต้องไปต่อ BART ที่สุดสายนี่จะไม่รอแล้วนะเนี่ย

ถือเป็นการรอขึ้นรถที่ต้องใช้ความพยายามในการยืนต้านลมเป็นอย่างมาก
พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไม Golden Gate Bridge ถึงดัง
หลังจากได้เข้ามานั่งหลบลมในรถแล้วเราก็เริ่มรู้สึกว่าที่ต่อแถวมานี่ก็คุ้มเหมือนกัน

Cable Car สายนี้ผ่าน Lombard Street & Union Square ด้วย
Union Square ก็สวยดีแต่พวกเราต้องรีบกลับแล้วเลยอดถ่ายรูป
ถือว่าพวกเราตัดสินใจถูกที่เลือกมาขึ้นเคเบิลคาร์แทนรถ Muni
เพราะถนนเมืองนี้ส่วนมากจะเป็นถนนคอนกรีตที่ค่อนข้างชันอยู่แล้วอ่ะ
ได้มานั่งรถรางแบบนี้ชมวิวค่อยรู้สึกว่ามาถึง San fran จริงๆหน่อย

เมื่อ Cable Car วิ่งมาสุดสายที่ Powell แล้วพวกเราก็ถือว่าผ่านเส้นทางมาแล้วครึ่งหนึ่ง แต่การเดินทางเหมือนจะยังไม่สินสุด เพราะพวกเราต้องนั่ง BART ไปที่ Millbrae Station อีกหนึ่งต่อ คือมันเป็นสถานีปลายทางเลยแหละถ้าขึ้นรถไฟถูกสาย หึๆ

เมื่อลงมายังสถานีรถไฟใต้ดินได้พวกเราก็พักดื่ม hot chocolate ที่ Starbucks ก่อนเลย เราก็พึ่งเข้าใจนี่แหละว่าเครื่องดื่มร้อนๆช่วยให้หายหนาวได้ดีขนาดไหน (( ปกติอยู่ไทยนี่มีแต่กินน้ำปั่นคลายร้อน ))
เพื่อนเราไอเดียเจ๋งกว่า เพราะเธอยื่นมือไปจ่อไว้ที่เครื่องเป่ามือให้แห้งในห้องน้ำเลย มุขนี้เวิร์คมากอ่ะ ขอแนะนำ มือจะหายเย็นทันตาเห็น

อบอุ่นร่างกายเสร็จแล้วก็มาเริ่มหัวหมุนกับเครื่องขายตั๋วต่อ
ตั๋วรถไฟใต้ดินที่นี่ซื้อยากมากอ่ะ เครื่องขายตั๋วยังมีปุ่มกดเหมือนตู้ ATM อยู่เลย
เรียกว่าเครื่องขายตั๋วใต้ดินเมืองไทยกินขาดอ่ะ
นอกจากปุ่มกดจะอยู่ข้างๆแล้วเวลาซื้อตั๋วยังงงๆอีกตะหาก สรุปว่าเรากดไปกดมามันได้ตั๋วสองใบราคา 4.5$ ออกมาได้ยังไงไม่รู้ ให้กดอีกรอบนี่ไม่แน่ใจนะว่าจะกดถูกมั้ย ยังงงไม่หายเลยเนี่ย

ซื้อตัวเสร็จแล้วพวกเราก็รีบเดินไปขึ้นรถไฟด้วยความดีใจ
เข้าไปเห็นป้ายติดว่าทางนี้ไป Millbrae ปั๊บก็รีบวิ่งขึ้นรถทันที
พวกเรานั่งอยู่ในรถด้วยความสบายใจสักพัก
พอถึงสถานี buabard ( ก่อนถึง Millbrae 3 สถานี ) คนก็ลงจากรถเยอะมาก แถมพอเลยไปอีกสถานีถึง Daly city คนก็ลงไปหมดเลย
คราวนี้ชักท่าไม่ดีแล้วพวกเราเลยลงจากรถมาถามคนขับว่าจะไป Millbrae นี่ต้องทำยังไง เจ๊คนขับ ( ทำหน้าแบบไม่อยากตอบสุดๆ ) บอกว่าให้ลงแล้วข้ามไปขึ้นอีกฝั่งหนึ่ง พวกเรารอรถกันแบบใจหายใจคว่ำใช้ได้ กลัวว่าคันที่นั่งจะวิ่งไม่สุดสายอีก แต่ในที่สุดรถสายนี้ก็วิ่งจนถึง

ขึ้นจากสถานีมาเจออาเสยืนยิ้มอยู่ บอกพวกเราว่าอานาตเครียดมากกก กลัวพวกเราหลง ( อืมม ก็หลงจริงๆแหละ แต่ยังดีไม่ไปไหนไกลมาก )

เย็นนี้เราไปกินข้าวร้านไทยนครกัน เป็นรอบที่สองของอาทิตย์นี้แล้ว
ฟางยังคงรักษาความถี่ในการกินอาหารไทยได้ดีมาก อิๆ





Create Date : 20 พฤษภาคม 2551
Last Update : 21 พฤษภาคม 2551 0:47:55 น. 6 comments
Counter : 796 Pageviews.

 
อยากไปเที่ยว มั่งจัง....แต่คงจายากแระ ...ขนาดไปต่อ passport เรายังต้องรอหลายวัน ....เขาบอกว่าชื่อคุณติดแบล๊คลิสสส 555+ เซ็งเลย ..ครายมาทำเสียชื่ออีกล่ะนั่น


โดย: I_get วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:57:03 น.  

 
ถนนลำบาก เวลาดอกไม้บานสวยมากจริงค่ะ

คอนเฟิร์ม อิอิ ^__^*


โดย: k i m m i e z วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:45:56 น.  

 
นกๆๆๆๆๆ
เราไม่กล้ากินลูกกวาดนั้นล่ะ555+

เเกยังจำร้านบางกอกนู้ดเดิ้ลได้มะ

ฮุ้ย
มาอ่านเเล้วหานถึงวันวานเจงๆๆๆ


โดย: ฟางข้าว IP: 58.8.88.33 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:39:51 น.  

 
จำได้สิแก แต่อาเราบอกว่ามันไม่อร่อยง่ะ


โดย: N3K วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:22:21:40 น.  

 
จำได้สิแก แต่อาเราบอกว่ามันไม่อร่อยง่ะ


โดย: N3K วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:22:21:40 น.  

 
chester grill ของ CP


โดย: s IP: 65.205.219.195 วันที่: 20 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:30:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

MsBrenda
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




blog นี้ดูจะเกิดขึ้นมาได้เนื่องด้วยเจ้าของบล็อกเกิดอยากจะเขียน
แล้วอยากให้คนอื่นๆอ่านเรื่องที่ตัวเองเขียนด้วย
การมีบล็อกเป็นของตัวเองก็เลยดูจะลงตัวดี
และแม้ว่าช่วงนี้ถึงชีวิตการเรียนที่เป็นอยู่ไม่ค่อยเอื้อให้เรามานั่งเขียนบล็อกสักเท่าไร
แต่การที่ได้พักจากชีวิตที่วุ่นวายมาทำอะไรที่ชอบสักพัก ก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน


บางเรื่องที่เราเขียนก็ดูจะบ้าๆบอๆไร้สาระไปหน่อย
จนเหมือนยึดเป็นที่ระบายอารมณ์ในบางครั้ง
อย่างไรก็ตาม
เราต้องขอขอบคุณทุกคนมากๆนะคะที่เข้ามาอ่าน


ปล .
เราใช้ชื่อ N3K เป็นชื่อ blog เนื่องจากชื่อนี้เป็นชื่อกลุ่มเราสมัย ม.ต้น
แล้วเราสมัครพันธุ์ทิพย์ช่วงมอต้นพอดี ก็เลยใช้ login เป็นชื่อนี้แล (( ง่ายดีมั้ย ))

((( ปล จริงๆแร้ว )))

ตอนนี้เรากำลังจิตตกกับการเข้าสู่แผนกทำคลอดเป็นวันแรก

แอบกลัวอยู่อ่ะ เราไม่อยากทำคลอดเรย

ทำไงดีอ่ะ??




Friends' blogs
[Add MsBrenda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.