|
ทำไมต้องเป็น...คนเลว(ที่แสนดี) 10
เธอเหม่อลอยในความมืดมน สับสนเสียใจเหลือเกิน กรีดตัวเองไม่เจ็บเท่าใจ ไร้คนสิ้นหนทาง ทุกอย่าง จบเกมแล้วเธอพ่าย อยากตายเพื่อหนีไป ไม่มีคำอธิบาย แต่อยากตอกย้ำให้เธอรู้ว่า
คำปลอบโยนใดที่เธอต้องการ แท้จริงอยู่ที่เธอ อยากให้ใครมาเข้าใจ สุดท้ายมีเพียงเธอ อ้อมกอด โอบตัวเองเสียบ้าง เนิ่นนานเท่าไร มากมายเท่าไร ที่เธอนั้นมีแต่ให้ แต่นี้...จะหวังพึ่งใครไม่ได้อีก ถูกแล้ว...ชีวิตดำเนินต่อไป ความรัก...เก็บเหลือไว้ให้ตัวเองบ้าง ชีวิตเธอมีไว้...เพื่อเธอ ไม่อาจเป็นเธอคนเดิมเหมือนเก่า แต่ขาดเขาเธอคงไม่ตาย ยังมีความหมายและคุณค่า ทุกอย่าง ยังไม่ลบลืมเลือน เจ็บปวดยังฝังใจ แต่เธอจะก้าวไป เพื่อชีวิตของเธอวันหน้า.....
ไม่อาจคาดหวังอะไร ไม่มีใคร มีแต่เธอ....
คำปลอบโยนโยนใดที่เธอต้องการแท้จริงอยู่ที่เธอ... อาจจะต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันอาจต้องปลอบโยนตัวเองในความมืดมิด...
หลังจากที่ค้นพบว่าตัวเองต้องตกสภาพแบบนั้นอีกครั้ง ฉันจึงตัดสินใจ โทรหาเพื่อนของเขา... เพื่อถามหาเบอร์โทรฯที่เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ตามที่เขาได้บอกไว้เมื่อครั้งสุดท้ายว่าไปวาดรูปอยู่ที่นั่น เสียงปลายสายที่ฉันได้รับกลับมาค่อนข้างไม่น่าพอใจซักเท่าไร เขาว่าฉันโทรไปรบกวนเขาที่ทำงานทำไมกัน มีอะไรค่อยมาคุยกัน...หาว่าฉันจุ้นจ้าน.... ฉันยิ่งเสียใจหนักเข้าไปอีก ทั้งที่ยังไม่ได้บอกความจริง ถึงสาเหตุที่โทรหาเขาด้วยซ้ำไป...แต่เขากลับพูดจาไม่ดีเอาซะเลย แค่นั้นฉันก็พอจะเดาได้ว่า ถ้าบอกความจริงกับเขาจะเป็นอย่างไร และแล้วน้ำตาแห่งความเสียใจก็หยุดไม่ได้อีกแล้ว ฉันทำใจไม่ได้ ถ้าจะต้องทำร้ายเด็กในท้องอีกครั้ง ฉันหวาดกลัว กับฝันร้ายที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อคราวก่อน ฉัน....มืดมนหนทาง...สับสนสุดๆ ในเวลานั้น ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรดี...ในวินาทีนั้นฉันคิดถึงน้องชาย เป็นคนแรก ทั้งที่ไม่อยากจะบอกให้น้องเสียใจ...และผิดหวังในตัวพี่ แต่ฉันก็ไม่อยากจะเล่าให้แม่ฟังในตอนนั้น
เหมือนฉันมันไม่ดี...เหมือนฉันเลวจนสุดจะทน แต่ฉันจำต้องมีใครสักคนที่ช่วยคิด...เป็นที่ปรึกษา ฉันโทรหาน้องชาย...พูดไปร้องไห้ไป... น้องถามเป็นอะไร...ฉันบอก...พี่ท้อง น้องชายฉันนิ่งเงียบ...คงอึ้งกับสิ่งที่ได้ฟัง...ฉันเข้าใจน้องชายดี น้องคงตกใจมากๆ กับเรื่องที่ได้รับรู้ น้องชายฉันไม่เคยได้รับรู้เลย ว่าพี่สาวเคยเจ็บมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะครั้งนั้นมีแต่แม่คนเดียวเท่านั้นที่ร่วมเจ็บ และเสียใจกับสิ่งที่ฉันทำ....
ฉันบอกน้องว่า พรุ่งนี้พี่จะไปเอาเด็กออก... ให้น้องไปเป็นเพื่อนพี่หน่อย.... น้องชายฉันบอกให้ไปหาเขาแถวๆบางกะปิที่น้องพักอยู่ตอนนั้น คืนนั้นฉันกับน้องชายเอาแต่ร้องไห้กันสองคน น้องทั้งผิดหวังในตัวพี่ และแค้นใจผู้ชายคนนั้น คืนนั้นถ้าใครได้เจอฉันกับน้องชาย... คงแปลกใจน่าดู ที่มีชายหญิงคู่หนึ่ง นั่งร้องไห้ กินเหล้า แล้วร้องไห้ แล้วกินเหล้า กันที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง และนั่นก็เป็นการดื่มครั้งสุดท้าย
เพราะหลังจากนั้นอีกยาวนานที่ฉันไม่ได้ดื่ม ใครที่ได้เห็นคงคิดว่าพี่น้องคู่นี้คงเป็นแฟนที่กำลังทะเลาะกัน แต่จริงๆ แล้วมันเจ็บปวดกว่านั้นหลายเท่านัก... ฉันร้องไห้เพราะกำลังเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองก่อ และจะต้องไปเผชิญกับเหตุการณ์ฝันร้ายอีกครั้ง แต่น้องชายฉันไม่ยอมที่จะให้ฉันไปเอาเด็กออก ในที่สุดเราก็ตกลงกันว่า จะไปเคลียร์กับชาย...คนต้นเหตุ ในวันรุ่งขึ้น น้องชายชวนเพื่อนๆไปสี่ห้าคน... เพื่อไปตามหาเขา เพื่อให้เขารับรู้ และรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันรู้สึกว่าตลอดเวลาที่กำลังรอเขาอยู่นั้นมันช่างยาวนานเหลือเกิน เราไปถึงที่ร้านวาดรูปกันประมาณเที่ยงๆ แต่เขายังไม่มาเปิดร้าน น้องชายฉันให้ฉันแยกไปคนเดียว เพื่อไม่ให้ดูเอิกเกริก ส่วนน้องกับเพื่อนๆ ก็เฝ้าดูอยู่ห่างๆ.... พอเขามาเปิดร้าน แวบแรกที่เจอฉันก็แสดงอารมณ์ทันที เขาขึ้นมึงขึ้นกู...หาว่าฉันตามมาวุ่นวาย ฉันบอกว่า ที่มาวันนี้เพราะความจำเป็นจริงๆ เขาไม่ยอมฟังอะไรทั้งสิ้น แล้วก็เดินหนี.... วันนั้นฉันไม่รู้เลยว่า ทั้งน้องและเพื่อนๆ พกปืนกันมาด้วย น้องชายฉันอดทนไม่ไหว เลยเดินเข้ามาคุยกับเขา ทั้งขู่ทั้งกระโชก....น้องฉันบอกว่า เป็นผู้ใหญ่แล้วทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบ แล้วก็คุยตกลงกันนานพอสมควร....จนสุดท้าย เขาพูดแบบอ่อนเสียงลง...เขาบอกว่าจริงๆ แล้วเขาก็ต้องรับผิดชอบ ในสิ่งที่เขาก่อขึ้น แต่ที่เขาใส่อารมณ์เพราะฉันไม่น่าจะตามมาที่ทำงาน เขาบอกว่า...เขาขอสัญญาด้วยศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย เขาจะกลับมาพาฉันไปฝากท้อง กลับมารับผิดชอบทุกอย่าง ขอให้ฉันกับน้องๆ กลับไปรอที่อยู่ที่ห้อง เลิกงานแล้วเขาจะมาหา
วันนั้น ไม่มีใครทำร้ายใคร น้องชายฉันไม่ได้ใช้อาวุธทำร้ายเขา แต่ตัวเขาเองคงเห็นว่าน้องๆ พกอาวุธกันมา เลยหวาดกลัว แล้วเบี่ยงเบน บอกปัดให้ทุกคนกลับมารอ คนที่ถูกทำร้ายในวันนั้นก็คือฉันกับน้องๆ ถูกหลอกให้รอ...รอ...รอ....และรอ จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยเห็นเขาเลยแม้แต่เงา ส่วนฉัน...สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือการร้องไห้ และปลอบใจตัวเอง อยู่ในห้องเพียงคนเดียวอย่างเงียบๆ ท่ามกลางหนทางที่มืดมนเช่นนั้น ฉันจะทำอย่างไร...ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉัน กับอีกหนึ่งชีวิต ที่ค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนฉันรู้สึกได้ ฉันจะดำเนินชีวิตอย่างไร.... ฉันจะไปสู้หน้าแม่ตัวเองอย่างไร ทำไม ชีวิตฉันจึงได้เจอแต่เรื่องเลวร้ายเช่นนี้ไม่รู้จบ จะเพราะอะไร ฉันก็รู้อยู่แก่ใจ
เพราะฉันเป็นคนก่อ และควรยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น ฉันเดินมาไกลเกินกว่าที่จะถอยหลังกลับ ในตอนนั้น กว่าจะรู้ตัวก็สายซะเหลือเกิน เด็กในท้องก็ปาเข้าไปสามเดือนเห็นจะได้.... ความรู้สึก ถึงการเป็นแม่คนก็เข้ามาอยู่ในจิตสำนึกของฉันในบัดนั้น ตอนนี้ท่านผู้อ่านคงพอจะเดาได้นะคะ.... ที่บล็อกครอบครัวอุ่นรักหลังนี้ ตรงแบ็คกราวน์ที่ท่านเห็น...เด็กผู้หญิงที่ท่านเห็น และเด็กที่อยู่ในช่องคอมเม้นท์ด้านล่าง.... คือเด็กคนนั้น....โชคดีที่ฉันไม่ได้ทำร้ายเขา... แต่กว่าเขาจะลืมตามาดูโลกได้ ฉันต้องเจออะไรอีกมากมาย... รอพบกับฉันและลูกได้ในตอนหน้าค่ะ.... แม้ฉันจะเลวในสายตาใครต่อใคร นับจากวินาทีนี้ต่อไป ฉันจะเป็นคนดี คนที่แสนดี เพื่อลูกของฉัน (ของขวัญของชีวิต)
ปล. จะบอกทุกคนแบบขำขำนะคะ ในขณะที่นั่งเขียนตอนนี้ ภาพเหตุการณ์มันได้ย้อนกลับมาอย่างชัดเจน เหมือนฉันได้กลับไปยืนอยู่ในวันนั้นจริงๆ เขียนไปน้ำตาไหลพรากๆ บางทีอดีตก็ทำให้เสียน้ำตา แต่มันก็ทำให้เราเข้มแข็งได้ในวันนี้ค่ะ
Create Date : 20 มีนาคม 2550 |
|
19 comments |
Last Update : 28 เมษายน 2550 11:58:05 น. |
Counter : 456 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: บรรณภรณ์ 20 มีนาคม 2550 12:30:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 20 มีนาคม 2550 13:10:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: มับเมียง (todayd ) 20 มีนาคม 2550 17:34:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: ความเจ็บปวด (ความเจ็บปวด ) 21 มีนาคม 2550 2:41:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฝากเธอ 21 มีนาคม 2550 12:37:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: N_BEE810 21 มีนาคม 2550 12:39:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: gluhp 21 มีนาคม 2550 13:33:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) 21 มีนาคม 2550 13:59:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทาสบอย 21 มีนาคม 2550 18:05:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 22 มีนาคม 2550 8:01:01 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
หลายครั้งที่นั่งดูละคร...แล้วกลับย้อนมองดูตัวเอง ...ชีวิตฉันก็ไม่ต่างจากละครซักเท่าไร..... ...ดูดูไป อาจจะหนักหนากว่าละครน้ำเน่าซะอีก... นี่แหละน๊าชีวิต!!!!!
|
|
|
|
|
|
|