Bloggang.com : nanoguy : Thank You for Smoking (สหรัฐอเมริกา, Jason Reitman, 2005)

Thank You for Smoking (สหรัฐอเมริกา, Jason Reitman, 2005)

Thank You for Smoking

Location
Copyright DVD
Date
27 มกราคม 2550

ไม่อยากจะเชื่อว่าไม่มีใครเอาหนังเรื่องนี้เข้าฉายโรงใหญ่ในประเทศไทย!!!!!

พูดได้คำเดียวเลย โกรธ

ช่างมันเถอะ... เจ้าของบล๊อกเองก็เห็นแม่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ แถมยังหยิบหนังสือ "สงครามการค้ายาสูบ" ของ อ.ประกิต วาทีสาธกกิจ มาวางทิ้งไว้ ลองเปิดๆอ่านดูก็น่าสนใจดี เป็นเรื่องเกี่ยวกับตอนที่แกต้องไปชี้แจงให้รัฐบาลอเมริกันฟังในสภาคองเกรสว่าทำไมประเทศไทยถึงไม่สมควรเปิดเสรีการค้าให้บุหรี่ต่างชาติ

นึกขึ้นได้ว่าก็มีหนังเรื่องนี้เหมือนกันนี่หว่า ไอ้ Thank You for Smoking เนี่ย เลยพูดให้แม่ฟังว่าเออเนี่ยมันมีหนังเรื่องนี้ๆๆๆ กำลังจะออกแผ่น

"อ๋อเหรอ งั้นไปซื้อมา ดูแล้วสรุปให้ฟังหน่อย"

มาตาประกาศิต

ไม่เป็นไร เพราะเบิกได้ 55555

Thank You for Smoking เล่าเรื่องราวของ lobbyist บริษัทบุหรี่ (น่าจะคุ้นกับศัพท์นี้แล้วนะ เพราะใครก็ไม่รู้หน้าเหลี่ยมๆก็ใช้บริการเหมือนกัน) ชื่อ Nick Naylor ผู้มีหน้าที่ออกสื่อและคอยต้านฝ่ายต่อต้านการสูบบุหรี่ โดยวิธีการของบริษัทบุหรี่เหล่านี้ก็คือการตั้งสถาบันศึกษาเกี่ยวกับยาสูบ เพื่อทำงานวิจัย(แบบขอไปที)แล้วนำมาประชาสัมพันธ์ออกสื่อเพื่อสร้างภาพลักษณ์ แต่ภายใต้หน้ากากนั้นก็มุ่งแสวงหากำไร ในหนังจะแสดงให้เห็นความคิดว่าทำยังไงคนจะสูบบุหรี่มากขึ้น ถึงขนาดที่ว่ายัดเงินให้เอเยนต์ดาราและผู้สร้างหนังให้ใส่ฉากดาราดังสูบบุหรี่ลงไปในหนัง

ถึงชื่อเรื่องจะเหมือนกับสนับสนุนให้สูบบุหรี่ แต่ว่าหนังเรื่องนี้ไม่มีฉากสูบบุหรี่แม้แต่ฉากเดียว นี่ก็ถือเป็นการเสียดสีอย่างหนึ่งที่หนังเล่น(แบบแอบๆ) เหมือนกับจะบอกว่า "ถึงตัวละครของกูจะเป็นล็อบบี้ยิสต์ให้บริษัทบุหรี่ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมีฉากสูบบุหรี่ออกจอโว้ย!!"

สิ่งที่เห็นจากหนังก็คือวิธีการของบริษัททุนหนาที่ผลิตสินค้าบั่นทอนสุขภาพออกมาหากำรี้กำไรให้ตัวเองนั้น ใช้วิธีการสกปรกมากมายเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าของตัวเอง ทั้งหลอกลวงประชาชนซึ่งหน้า (เหมือนกับฟาสต์ฟู้ดแฟรนไชส์นอกเจ้านึงในเมืองไทยที่เคยบอกว่า ทอดไก่ด้วยแรงดันไม่ใช่น้ำมัน ไม่ใช่กับผีอะไรล่ะ ไหลเยิ้มๆๆ แถมยังมีบอกว่าไอ้ที่เยิ้มๆน่ะเป็นน้ำโปรตีน - -*) และการสร้างค่านิยมทางอ้อม อย่างเช่นการใส่ฉากสูบบุหรี่เข้าไปในหนังเหมือนในเรื่อง

ตัวละคร Nick Naylor แสดงให้เห็นวิธีการที่ lobbyist เหล่านี้ใช้ ทั้งหาช่องโหว่ทางกฎหมาย(โดยการติดสินบนนักกฎหมายหัวดีจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ) หรือใช้ศิลปะการพูดโน้มน้าวจิตใจคน

ฉากหนึ่ง นิคคุยกับลูกชายเรื่องงานของตัวเอง และยกตัวอย่างลักษณะการทำงานของเขา เปรียบเทียบกับการถกว่าไอติมช็อกโกแลตหรือวานิลลาอร่อยกว่ากัน

"พ่อไม่ได้พูดเรื่องที่เราพูดนี่"
"ก็ไม่ได้พูดนี่ พ่อจะพูดเรื่องที่พ่ออยากพูดต่างหาก"
"แต่พ่อก็ไม่ได้พิสูจน์นี่ว่าวานิลลาอร่อยกว่าช็อกโกแลต"
"พ่อก็ไม่ได้จะพูดแบบนั้น พ่อแค่จะบอกว่าลูกผิด"
"ผมก็ไม่ได้เชื่อนี่ว่าวานิลลาอร่อยกว่าช็อกโกแลต"
"พ่อไม่ได้อยากให้ลูกเชื่อซะหน่อย คนพวกโน้นตะหาก"

เจ๋งเจ็บจี๊ด

วิธีการของคนเหล่านี้คืออะไร?
คือการเอาชนะใจคนหมู่มากนั่นเอง

เมืองนอกมันเล่นกันหนักขนาดนี้แหละ... เห็นแล้วก็น่ากลัวเหมือนกัน

แต่....
ตัวละครของนิคก็มี conflict อยู่ในตัวเอง ในเมื่อทำงานเป็น lobbyist ให้บริษัทบุหรี่แต่กลับต้องพยายามทำตัวเป็นแบบอย่างให้ลูก ผู้ที่เห็นพ่อเป็นฮีโร่

เพราะฉะนั้น นอกจากเป็นหนังตลกเสียดสีแล้ว จะถือว่าเป็นหนังดราม่าก็ไม่ผิดเท่าไหร่นะ!
เรื่องนี้นี่ครบรสจริงๆ

ในแง่ของการสร้างตัวละคร นอกจากตัวนิคแล้วมีตัวละครอีกตัวที่น่าสนใจมาก ก็คือวุฒิสมาชิก Finistierre ที่พยายามดำเนินงานต่อต้านการสูบบุหรี่สุดตัวจนสุดโต่ง ในตอนแรกคนดูอาจจะเอาใจช่วยตัวละครตัวนี้(เพราะอยู่ฝั่งเดียวกับเรานี่) แต่พอเอาเข้าจริงตอนท้าย ตัวละครตัวนี้กลับกลายเป็นตัวที่น่ารังเกียจกว่า Nick เสียอีก

เจ้าของบล๊อกชอบตรงนี้มากๆ ถึงจะเห็นๆอยู่ว่า Nick มันทำงานเสแสร้งหลอกลวงประชาชน แต่ว่าแง่มุมอย่างอื่นก็ทำให้เราเกลียดมันไม่ลง แม้แต่ในฉากประจันหน้ากันตอนสุดท้ายของสองตัวละครที่ยืนอยู่คนละขั้ว

อ้อ... เรื่องนี้ Katie Holmes คุณแม่หมาดๆ เล่นด้วย น่ารักเชียว

ในแง่ความเป็นหนัง... อยากจะให้พวกบริษัททำหนังเมืองไทยที่ชอบทำหนังตลกคาเฟ่ออกมาขายเนี่ยมันได้ดูกันบ้างจริงๆ จะได้รู้ว่าพลวัตของหนังน่ะมันเป็นยังไง ไม่ได้มีแต่เอาถาดตีหัวเล่นมุขคาเฟ่

ขอได้มั้ย? หนังตลกแบบเปี่ยมสาระแบบนี้น่ะ
ไม่ใช่เหยียบย่ำซ้ำซาก ทำลายวงการหนังไทยให้ตกต่ำ

Thank You for Smoking เป็นทั้งหนังตลกเสียดสีที่หัวเราะได้จนเจ็บท้อง (จริงๆเหมือนที่ Rolling Stones บอกไว้ที่ปกดีวีดีว่า "This film will make you laugh till it hurts.") แต่ก็แอบแฝงประเด็นเรื่องของศีลธรรมในใจ และประเด็นเรื่องของครอบครัวเข้ามาได้อย่างน่าขบคิด

หนังตลกอีกเรื่องที่สอดแทรกประเด็นเรื่องครอบครัวเข้ามาได้โอเคเลยก็คือ Rob-B-Hood ที่เฉินหลงเล่น (เข้าปีที่แล้ว) เพียงแต่ว่าใน Thank You for Smoking นั้นเนื้อเรื่องหนักกว่าเยอะ...

Aaron Eckhart เล่นได้สมกับเข้าชิงลูกโลกทองคำ เพราะต้องแบกหนังไว้เกือบทั้งเรื่อง แต่ว่า Cameron Bright ที่เล่นเป็นลูกชายก็ขโมยซีนได้ไม่น้อย (Katie Holmes ก็ด้วย ไม่คิดว่าจะเห็นเธอเล่นบทแบบนี้จริงๆนะ) เช่นเดียวกับ William H. Macy ในบทของวุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนต์ ตาคนนี้เล่นหนังดีดีมาหลายเรื่องแล้ว แต่ไม่ได้เฉียดไปใกล้ออสการ์ซักที

สรุปเลยดีกว่า
ดูซะ!!!

Create Date : 28 มกราคม 2550

Last Update : 28 มกราคม 2550 0:53:25 น.

4 comments

Counter : 3243 Pageviews.

อ้ะ น้องสั่งมาพี่ไม่ดูได้ไง อย่างนี้ต้องดู!
ฮ่าๆๆๆ

อยากดูหนังแบบนี้นะ แต่ก็ชอบเถียงกับตัวเองประจำว่าช่วงนี้อยากดูหนังไม่ต้องคิดมาก เลยหลบๆ หนังแบบดูแล้วน่าคิดแบบเนี้ย

โดย: หมื่นทิพ TRAVOLTA (เทพบุตรตบะแตก!!

) วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:1:42:11 น.

ทำให้ยาก...แล้วจะไปหาดูที่ไหนละเนี๊ยะ

โดย: brabra (brabra

) วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:11:32:50 น.

หนังแบบนี้ แนวนี้ แค่เขียนพล๊อตเรื่อง แล้วนำไปเสนอ.... แค่คิดก็เดี้ยงแล้วล่ะ

มันต้อง ฮาๆโกยๆ โน้นนน ทำเงินเยอะ..

ข้าพเจ้าในฐานะคนเคยขายบุหรี่นอก ตามแผงแถวๆป้ายรถเมล์ เวลามีคนมาซื้อ ก็ต้องบอกว่า "Thank You for Smoking"

โดย: merf1970 (merf1970

) วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:14:05:33 น.

พึ่งไปเช่ามาดู

ชอบแนวความคิดของคนเขียนบท (ไม่ว่าจะได้ไอเดียมาจากไหน) ที่ทำให้เราได้รู้จักอาชีพอีกอาชีพหนึ่ง ซึ่งดูจะอยู่ขั้วตรงข้ามกับสังคมดีดี(อาจมีแค่บางหย่อมของโลก)

ชอบไดอาล็อคที่เจ็บๆ คันคัน และเหน็บแนม แต่มันสะท้อนความจริงหลายอย่าง

ชอบทางออกของตัวละครเอกในท้ายเรื่อง

ดูแล้วสนุกเป็นที่สุดค่ะ

โดย: renton_renton

วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:13:31:12 น.