083. วัดพระเจ้าเม็งราย ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
วัดพระเจ้าเม็งราย
ตำบล.พระสิงห์ อำเภอ.เมือง จังหวัด.เชียงใหม่
6021. วัดพระเจ้าเม็งราย WAT PHRA CHAO MENG RAI
วัดพระเจ้าเม็งราย
สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อปี พ.ศ. 1839 เดิมชื่อ วัดศรีสร้อยท่าแจ่ง วัดกาละก้อด และ วัดคานคอด ตามจารึกผอบเงินซึ่งฝังอยู่ใต้ฐานพระประธานในวิหาร มีการซ่อมแซมวิหารในปี พ.ศ. 2510 จารึกด้วยอักษรไตยวน งานสถาปัตยกรรมที่สำคัญประกอบด้วย วิหารพระเจ้าค่าคิงพญามังราย สร้างเมื่อ พ.ศ. 1836-1840 เป็นวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปยืน ซึ่งสันนิษฐานว่า อาจเป็นพระพุทธรูปซึ่งพญามังรายได้โปรดให้หล่อถวายไว้ที่เวียงกุมกามก่อนสร้างเมืองเชียงใหม่ อุโบสถทรงล้านนาขนาดเล็ก เจดีย์ทรงพื้นเมือง
Source ://www.eieimarket.com/i-map-3/
6053. อนุสาวรีย์ พระเจ้าเม็งรายมหาราช แห่ง วัดพระเจ้าเม็งราย
6015. ถนนราชมรรคา 6.
:อยู่ใกล้ๆกันก็จะมี ป้ายชื่อ วัดพระเจ้าเม็งราย
6014. วัดพระเจ้าเม็งราย
: ป้ายชื่อวัด วัดพระเจ้าเม็งราย อยู่ บริเวณต้น ถนน.ราชมรรคา 6.
6016. ถนน.ราชมรรคา
6017. ถนน.ราชมรรคา
:ด้านซ้ายมือ บ้านหลังคาสีเขียวนั้น คือ ร้าน เฮือนเพ็ญ ต้นไม้ที่สูงใหญ่นั้น คือ ต้นยางนายักษ์ แห่ง วัดเจดีย์หลวง ด้านขวามือที่รถยนต์จอด หรือ เสาไฟฟ้านั้น คือ ร้านสูทนำสมัย อยู่ต้นทาง หรือ ปากซอย. ถนน.ราชมรรคา 6.
6018. ห่างจาก ปากซอย.ถนน.ราชมรรคา 6. ประมาณ 30 เมตร ด้านขวามือ คือ ที่ตั้ง วัดพระเจ้าเม็งราย
6019. กำแพงวัด พระเจ้าเม็งราย ด้านทิศตะวันออก หรือ ถนน.ราชมรรคา 6
6020.
6022. ซุ้มประตูโขง หน้า พระวิหาร วัดพระเจ้าเม็งราย
6023. ยอดซุ้มประตูโขง หน้า พระวิหาร วัดพระเจ้าเม็งราย
6024. พระวิหาร แห่ง วัดพระเจ้าเม็งราย ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
6025. ประตู พระวิหาร วัดพระเจ้าเม็งราย ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
6026. บันไดแห่งพระวิหาร วัดพระเจ้าเม็งราย
:เป็น บันไดธรรมดา ไม่ใช่ บันได มกรคายพญานาค ไม่ใช่บันไดสิงห์ หรือ บันไดตัวมอม หรือ บันไดช้าง บันไดแห่งนี้กำลังรอ เจ้าของบุญมาสร้างงอยู่
6027. บันไดเบื้องซ้าย แห่ง พระวิหาร วัดพระเจ้าเม็งราย
6029. แผ่นจารึก ประวัติสังเขป วัดพระเจ้าเม็งราย
:อยู่ข้างข้างซ้าย บันไดทางขึ้นพระวิหาร วัดพระเจ้าเม็งราย
วัดพระเจ้าเม็งราย (วัดกาละก้อด)
วัดพระเจ้าเม็งรายเดิมชื่อ "วัดคานคาด" คงจะเพี้ยนมาจากคำว่า กาละก้อด หรือได้มาจากไม้คานหามพระพุทธรูปมาคาด หรือ กร่อน จนเกือบจะนำมาใช้หามพระพุทธรูปต่อไปอีกไม่ได้ เลยสร้างวัดขึ้นตรงนั้น แล้วตั้งชื่อว่า วัดคาดคอด อดีตพระ อ.การกุย ทูลสนโย เจ้าอาวาส อธิบายว่า วัดพระเจ้าเม็งรายนี้ นอกจากจะเรียกชื่อวัดว่า วัดกาละก้อด แล้ว ยังเรียกชื่อ "วัดศรีสร้อยท้าเจ่ง"
วัดพระเจ้าเม็งราย ตามประวัติศาสตร์ สันนิษฐานว่าเป็นะพระอารามหลวงแห่งที่สาม ที่พญามังรายทรงสร้างขึ้น ปัจจุบันเหลือเพียง พระพุทธรูปยืนองค์เดียวเท่านั้น เรื่องราวของพระพุทธรูปองค์นี้ปรากฏในตำนานเมืองเชียงใหม่ และ ในพงศาวดารโยนก
6031. พระวิหาร แห่ง วัดพระเจ้าเม็งราย ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
6041. หลังคา พระวิหาร วัดพระเจ้าเม็งราย
6044. หลังคา พระวิหาร วัดพระเจ้าเม็งราย
6057. พระวิหาร แห่ง วัดพระเจ้าเม็งราย
6058. พระวิหาร แห่ง วัดพระเจ้าเม็งราย
6059. พระวิหาร แห่ง วัดพระเจ้าเม็งราย
6076. พระวิหาร แห่ง วัดพระเจ้าเม็งราย
6065. ประตูพระวิหาร แห่ง วัดพระเจ้าเม็งราย
6066. ภาพจิตรกรรมเหนือบานประตูพระวิหาร วัดพระเจ้าเม็งราย
:พ่อพุฒ ไชยทอง, แม่ขันแก้ว ไชยทอง, 2510 , นางบัวจันทร์ จากปีที่จารึกไว้ คือ พ.ศ.2510 แสดงให้ทราบว่า มีอายุได้ 42 ปีแล้ว
6063.ภาพจิตรกรรม เบื้องขวา ประตูพระวิหาร แห่ง วัดพระเจ้าเม็งราย
6064. ภาพจิตรกรรม เบื้องซ้าย ประตูพระวิหาร แห่ง วัดพระเจ้าเม็งราย
:ศรัทธา พ่อพุฒ แม่ขันแก้ว ไชยทอง
6030. โรงเรียนพระปริยัติธรรม (นักธรรม และ ภาษามคธ)
6067. โรงเรียนพระปริยัติธรรม (นักธรรม และ ภาษามคธ)
6032. พระวิหาร พระเจ้าค่าคิงพญามังราย
6035. พระวิหาร พระเจ้าค่าคิงพญามังราย
6037. พระเจ้าค่าคิงพญามังราย พ.ศ.1839 - 1840
6038. พระเจ้าค่าคิงพญามังราย พ.ศ.1839 - 1840
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระพุทธรูปองค์นี้ว่า เมื่อพญามังรายได้สร้างเมืองเชียงใหม่เสร็จแล้ว ได้ยกถวายหอบรรทมของพระองค์ให้ตั้งขึ้นเป็นวัด นามว่า วัดเชียงมั่น และได้อัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ปางลีลาห้ามญาติ เนื้อสัมฤทธิ์ จากเวียงกุมกาม ซึ่งมีขนาดองค์พระใหญ่โตเท่าตัวของพญามังราย ให้มาประดิษฐานไว้ในวัดเชียงมั่นแห่งนี้ ขณะที่หามพระพุทธรูปดังกล่าวนี้ มาถึงบริเวณวัดพระเจ้าเม็งราย ที่เดิมชื่อ วัดคานคอด ที่เพี้ยนมาจากคำว่า ก๋าละก้อต ไม้ที่ใช้หามพระพุทธรูปได้หักคอนลง พญามังรายถือเป็นบุพพนิมิตที่ดี จึงโปรดให้สร้างพระอารามขึ้น เพื่อประดิษฐานพระพุทธรุป ปางลีลาห้ามญาติองค์นี้มาตราบเท่าทุกวันนี้ ปัจจุบันชื่อวัดพระเจ้าเม็งราย อยู่ไม่ไกลจากวัดเชียงมั่นมากนัก
Source ://www.pralanna.com/boardpage.php?topicid=13563
6039. พระเจ้าค่าคิงพญามังราย พ.ศ.1839 - 1840
:พระเจ้าค่าคิงพญามังราย พญามังรายมหาราช ทรงหล่อไว้ พ.ศ.1831
6049. พระวิหาร พระเจ้าค่าคิงพญามังราย
6075. บริเวณทางเข้า วัดพระเจ้าเม็งราย ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
6033.
6034.
6048.
6052.
6053. อนุสาวรีย์ พระเจ้ามังราย มหาราช แห่ง วัดพระเจ้าเม็งราย
6055.
6056.
6042. พระเจดีย์ แห่ง วัดพระเจ้าเม็งราย ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
6043. พระพุทธรูป แห่ง พระเจดีย์ วัดพระเจ้าเม็งราย ด้านทิศเหนือ
6045. พระพุทธรูป แห่ง พระเจดีย์ วัดพระเจ้าเม็งราย ด้านทิศใต้
6046. พระพุทธรูป แห่ง พระเจดีย์ วัดพระเจ้าเม็งราย ด้านทิศตะวันตก
6047. พระพุทธรูป แห่ง พระเจดีย์ วัดพระเจ้าเม็งราย ด้านทิศตะวันออก
6050. พระเจดีย์ วัดพระเจ้าเม็งราย ด้านทิศตะวันตก
6051. พระเจดีย์ และ วิหารพระเจ้าค่าคิงพญามังราย
6054. อาคาร โรงเรียนพระปริยัติธรรม (นักธรรม และ ภาษามคธ)
6061. อาคาร โรงเรียนพระปริยัติธรรม (นักธรรม และ ภาษามคธ)
6070. อาคาร โรงเรียนพระปริยัติธรรม (นักธรรม และ ภาษามคธ)
6071. อาคาร โรงเรียนพระปริยัติธรรม (นักธรรม และ ภาษามคธ)
6072. อาคาร โรงเรียนพระปริยัติธรรม (นักธรรม และ ภาษามคธ)
6062. กู่พระ
6060.
6068. สิงห์ และ นางฟ้า...? แห่ง เสาประตู ทางเข้า-ทางออก
6069. สิงห์ และ นางฟ้า...? แห่ง เสาประตู ทางเข้า-ทางออก
:เสาอโศกสีหราช ก็เป็นแบบหนึ่ง, เสาช้างก็แบบหนึ่ง, สิงห์และยักษ์ก็ได้เห็นมาหลายวัด แต่ สิงห์และนางฟ้า พึ่งมาเห็นที่วัดพระเจ้าเม็งรายนี่เอง...
6073.
6074.
Moonfleet ได้มาเยือน วัดพระเจ้าเม็งราย ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
วันอังคาร ที่ 20 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2552
นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ นครแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง
Create Date : 20 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 20 ตุลาคม 2552 21:59:13 น. |
|
33 comments
|
Counter : 10355 Pageviews. |
|
|
|
พระเจ้าเม็งรายมหาราช
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระเจ้าเม็งรายมหาราช หรือ พ่อขุนเม็งราย หรือ พญามังราย ทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา โดยทรงย้ายเมืองหลวงจากเมืองเชียงแสน มาสู่เมืองเชียงราย และในที่สุดก็ทรงตั้งเมืองเวียงพิงค์ หรือเชียงใหม่เป็นราชธานี
พระราชประวัติ
พญามังรายเป็นโอรสของพระเจ้าลาวเม็งเชื้อสายวงศ์ลวจังกราชเจ้าผู้ครองหิรัญนครเงินยาง (อ.เชียงแสนปัจจุบัน) กับพระนางอั้วมิ่งจอมเมือง ราชธิดาของท้าวรุ่งแก่นชายเจ้าเมืองเชียงรุ่ง ท้าวรุ่งแก่นชายทรงตั้งพระนามพระธิดาใหม่ว่าพระนางเทพคำ ข่ายหรือเทพคำขยายเพื่อเป็นมงคลนาม พญามังรายเป็นเชื้อสาย ของพระเจ้าลวจังกราชปกครองชนเผ่าไทยยวน ซึ่งมีอาณาจักร ของตนเรียกอาณาจักรหิรัญนครเงินยาง ได้สร้างเมืองหิรัญนครเงินยางเป็นเมืองหลวงขึ้นทีริมฝั่งแม่น้ำโขงเมื่อประมาณ พ.ศ. 1182 พญามังรายประสูติวันอาทิตย์ แรม 9 ค่ำ เดือน 3 ปีจอ สัมฤทธิ์ศกจุลศักราช 600 (พ.ศ. 1781) เวลาย่ำรุ่ง พญามังรายมีโอรส 3 องค์ ได้แก่ เจ้าขุนเครื่อง เจ้าขุนคราม (ไชยสงคราม) และเจ้าขุนเครือ พญามังรายสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 1860 รวมพระชนมายุ 79 ชันษา
การศึกษา
เจ้าชายมังราย(พญามังราย)ทรงเรียนที่สำนักอิสิฤๅษีร่วมกันกับเจ้าชายงำเมือง(พ่อขุนงำเมือง)และเจ้าชายราม(พ่อขุนรามคำแหง)แล้วได้ร่ำเรียนวิชาจบแล้วก็ย้ายไปสุกทันตฤๅษีก็ยังพบสหายอยู่เมื่อเรียนวิชาสำเร็จเจ้าชายทั้งสามเห็นว่าต้องแยกจากกันจึงดื่มน้ำสาบานว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปแล้วได้พูดว่า หากใครบ่ซื่อคิดคดขอให้ตายในสามวันอย่าให้ทันในสามเดือนอย่าให้เคลื่อนในสามปี จากนั้นเจ้าชายทั้งสามก็กลับบ้านเมืองของตนไป
เมื่อพระองค์มีพระชนมายุได้ 20 พรรษาพญาลาวเม็งก็เสด็จสวรรคต พญามังรายจึงเสวยราชสมบัติแทน ต่อมาพระองค์ได้ไปตีเมืองหริภุญชัยแล้วได้ชัยชนะจึงสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาแล้วเชิญสหายรักของท่านมาร่วมหาทำเลที่จะสร้างเมืองใหม่แล้วในที่สุดพ่อเมืองทั้งสามก็หาทำเลได้แล้วตั้งชื่อว่า นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่
นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่เป็นเมืองที่พญามังราย พ่อขุนรามคำแหงมหาราชและพ่อขุนงำเมืองช่วยกันหาทำเลที่ตั้งให้เหมาะสม
อาณาจักรล้านนา
ซึ่งในปัจจุบันคือจังหวัดเชียงใหม่
พระราชกรณียกิจ
เมื่อพระชนมายุได้ 20 ชันษา พระเจ้าลาวเม็งสวรรคต พญามังรายเสวยราชสมบัติปกครองเมืองหิรัญนครเงินยางสืบต่อมา นับเป็นราชกาลที่ 25 แห่งราชวงศ์ลวจังกราช เมื่อพระองค์ได้ขึ้นครองราชสมบัติแล้วก็ทรงพระราชดำริว่า แว่นแคว้นโยนก ประเทศนี้ มีท้าวพระยาหัวเมืองต่างๆ ซึ่งเป็นเชื้อวงศ์ของปู่เจ้าลาวจก (ลวจังกราช) ต่างก็ปกครองอย่างสามัคคีปรองดองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อีกประการหนึ่งบ้านเมืองใด หากมีผู้เป็นใหญ่ปกครองบ้านเมืองมากเจ้าหลายนายก็มักจะสร้างความทุกข์ยากให้แก่ ไพร่บ้านพลเมืองของตน และถ้าหากมีศัตรูต่างชาติเข้าโจมตีก็อาจจะเสียเอกราชของชนชาติไทยได้โดยง่าย
ฉะนั้นเพื่อความเป็นปึกแผ่นของบ้านเมือง พญามังรายจึงมีพระประสงค์ที่จะรวบรวมหัวเมืองต่างๆ เข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน วิธีดำเนินตามนโยบายก็คือ แต่งพระราชสาสน์ไปถึงบรรดาหัวเมืองต่างๆ ให้เข้ามายอมอ่อนน้อมในบรมโพธิสมภารของพระองค์เสียแต่ โดยดีหาไม่แล้วพระองค์จะทรงยกกองทัพไปปราบปราม
พ.ศ. 1805 พญามังรายทรงสร้างเมืองเชียงรายโดยการก่อกำแพงเมืองโอบเอาดอยจอมทองไว้ท่ามกลางเมือง ต่อมาตีได้เมืองของ ชาวลัวะคือ ม้งคุมม้งเคียนแล้วขนานนามเมืองใหม่ว่า เมืองเชียงตุง
พ.ศ. 1818 ขณะที่ประทับที่เมืองฝาง ซึ่งเป็นเมืองที่สร้างมาแต่ครั้งพระเจ้าลวจังกราช เมืองฝางมีอาณาเขตติดต่อกับอาณาจักรหริภุญชัย ของพญายีบา พญามังรายทรงทราบเรื่องราวของความเจริญรุ่งเรือง และความอุดมสมบูรณ์ของเมืองหริภุญชัย พระองค์ทรงมอบ ให้อ้ายฟ้าขุนนางเชื้อสายลัวะเป็นผู้รับอาสาเข้าไปเป็นไส้ศึกทำกลอุบายให้พญายีบามาหลงเชื่อ และทำให้ชาวเมืองหริภุญชัยเกลียดชัง พญายีบา พญามังรายทรงมุ่งมั่นที่จะขยายพระราชอำนาจเหนือดินแดนลุ่มแม่น้ำปิงตอนบนให้ได้ จึงมอบเมือง เชียงรายให้แก่เจ้าขุน เครื่องปกครอง ส่วนพระองค์มาประทับที่เมืองฝาง
ต่อมาพระองค์ทรงกรีฑาทัพเข้าตีเมืองพม่า แต่ด้วยเกรงในพระราชอำนาจ จึงถวายพระนางปายโคเป็นพระมเหสี เมื่อพระนางอั้วมิ่งเวียงไชยทราบก็ทรงสลดพระทัย เนื่องจากทรงระลึกได้ว่าพญามังรายทรงผิดคำสาบาน ที่พระองค์ทรงสาบาน ในเมื่อประทับ อยู่ที่เชียงแสนว่า จะมีมเหสีเพียง พระองค์เดียว พระนางจึงสละพระองค์ออกจากพระราชวัง ออกบวชชี ซึ่งเชื่อกันว่า ต่อมาบริเวณที่พระนางไปบวชนั้น เป็น เวียงกุมกาม
พ.ศ. 1824 อ้ายฟ้าสามารถทำการได้สำเร็จ โดยหลอกให้พญายีบาเดินทางไปขอกำลังพลจากพญาเบิกเจ้าเมืองเขลางค์นคร พญามังรายจึงสามารถเข้าเมืองหริภุญชัยได้พระองค์ทรงมอบเมืองหริภุญชัยให้อ้ายฟ้าปกครอง ส่วนพระองค์ได้มาสร้างเมืองขึ้นใหม่ซึ่ง อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือให้ชื่อว่า เมืองกุมกาม หรือเวียงกุมกาม ต่อมาพญามังรายทอดพระเนตรชัยภูมิระหว่างดอยสุเทพ ด้านตะวันตกกับแม่น้ำปิง ด้านตะวันออก ทรงพอพระทัยจึงเชิญพระสหาย คือ พญาร่วง (พ่อขุนรามคำแหง) และพญางำเมือง แห่งเมืองพะเยา มาร่วมปรึกษาหา รือการสร้างเมืองแห่งใหม่ให้นามว่า เมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 1839 เรียกสั้นๆ ว่า นครเชียงใหม่ พญามังรายได้ย้ายเมืองหลวง จากเวียงกุมกามสถาปนาเมืองใหม่แห่งนี้ให้เป็นศูนย์กลางการปกครอง ของอาณาจักรล้านนามีอำนาจเหนือ ดินแดนลุ่มแม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำกกถึงแม่น้ำโขงตอนกลางจนถึงหัวเมืองไทยใหญ่ (เงี้ยว) 11 หัวเมืองลุ่มแม่น้ำสาละวิน
พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เมื่อทรงเสด็จออกตลาด โดยมี อสุนีบาตต้องพระองค์สิ้นพระชนม์ เชื่อกันว่าเป็นปาฏิหารย์ของ พระนางอั้วมิ่งเวียงไชย
อาณาจักรล้านนาเจริญรุ่งเรืองทั้งทางด้านการเมือง การปกครอง ศิลปะและวัฒนธรรมเป็นที่ยอมรับของอาณาจักรข้างเคียง พญามังรายทรงเป็นปฐมวงศ์กษัตริย์ราชวงศ์มังราย มีกษัตริย์สืบเชื้อสายถึง 18 พระองค์ จนถึง พ.ศ. 2101 ล้านนาสูญเสียความเป็น เอกราชให้แก่พระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์แห่งพม่า
Source
://www.buddha-dhamma.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&Category=buddha-dhammacom&thispage=6&No=420873