Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
7 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 

7พย 52 ขั้นตอนการปฏิบัติธรรม

จริงๆไม่ค่อยอยากเขียนเรื่องธรรมะเท่าไหร่เลยค่ะ เพราะมีเขียนกันไว้มากมายและน่าสนใจทั้งนั้น แต่การรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาสาธยายให้กระชับสั้นนั้นไม่ค่อยเห็นมีใครบันทึกไว้ ส่วนใหญ่ต้องอาศัยการประติดประต่อเอาเอง
เหมือนจิ๊กซอว์ วันนี้จึงขออนุญาตเล่าเรื่องธรรมะสักเล็กน้อย เพื่อต่อเนื่องจากเมื่อวานว่าการถอดถอนกองรูปเป็นเพียงการเดินปัญญาเบื้องต้นเท่านั้น มิใช่ธรรมะเบื้องสูงแต่อย่างใด และสำหรับผู้ที่สนใจ หรือมีปัญหาแต่ยังไม่ทราบหนทาง คลำทางไปไม่ถูกค่ะ บันทึกนี้อาจเป็นประโยชน์ได้บ้าง เพราะลำพังตัวเองก็เพียงตัวเท่าหนู ( สำนวนหลวงตาค่ะ )
เท่าที่สังเกตพบว่าผู้ที่สนใจปฏิบัติธรรม จำแนกได้เป็นสาม

1. เคยทำมาแต่อดีตชาติ และชาตินี้มาทำต่อเนื่อง

2. พิจารณาถึงชีวิตและเห็นความไม่มีสาระของชีวิต
3. ประสบกับปัญหาในชีวิต เกิดความทุกข์ และใช้ทำธรรมะกล่อมเกลาจิตใจให้ความทุกข์เบาบางลง


แต่ไม่ว่าจะมีจุดเริ่มต้นเข้าสู่หนทางมาอย่างไร ขั้นตอนการปฏิบัติให้ถึงทางพ้นทุกข์ ก็เป็นไปในหลักการเดียวกัน โดยเริ่มจากความสนใจ เข้าไปใกล้ นั่งลง เงี่ยหูฟังธรรม สำหรับวิธีการปฏิบัติดำเนินไปตามมรรคแปด ย่อลงเป็นสามคือ ศีล สมาธิ และปัญญา



ศีลโดยมีศีล 5 เป็นพื้นฐาน เมื่อมีศีลห้าครบถ้วนเป็นปกติแล้ว จะเกิดความร่มเย็นภายในใจ ไม่มีความเร่าร้อนเผาลน ให้ต้องคอยระแวงภัยในเรื่องที่ไม่ดีงามต่างๆ



สมาธิ เมื่อมีศีลครบแล้ว ขั้นต่อไปคือ สมาธิ หมายถึงทำจิตใจให้มีความสงบในอารมณ์อันเดียว ตัดขาดจากสิ่งรบกวนจิตใจต่างๆ ทำเพื่อให้จิตมีกำลังไปพิจารณาทางด้านปัญญาต่อไปได้



ปัญญา คือใช้สติปัญญาพิจารณาสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เรายังติดข้องอยู่ ให้เกิดการเห็นโทษของมัน และ เบื่อหน่ายจืดจาง จางคลาย ไปจนถึงการสลัดคืนได้ในที่สุด



โดยขั้นตอนการถอดถอนด้วยปัญญานั้น ครูบาอาจารย์สอนให้พิจารณาตามลำดับขั้นจากง่ายไปยาก ดังนี้ค่ะ



ขั้นที่หนึ่ง ปล่อยวางรูปขันธ์ พิจารณาด้วยปัญญา ให้เห็นไตรลักษณ์ ให้เห็นโทษ และเกิดความจางคลาย ปล่อยวางสลัดคืน ในกองรูป



กองรูปหมายถึง สิ่งที่สัมผัสด้วย ตาหูจมูกลิ้นกายได้ อาจเป็น คนสัตว์ สิ่งของ เนื่องจากรูปเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดสัมผัสง่ายจึงนำมาใช้เป็นโจทย์เพื่อพิจารณาก่อน จัดว่าเป็นการใช้ปัญญาพิจารณา ( วิปัสสนา) ขั้นต้น กรรมฐานที่ใช้ เช่น อาหาเรปฏิกูลสัญญา หรือสุภะ- อสุภะ เป็นต้น ซึ่งท่านมักสอนควบคู่กันไป เพราะคนส่วนใหญ่ล้วนต้องติดข้องในกามทั้งนั้น ( รูปสวย รสอร่อย เสียงไพเราะ สัมผัสที่ชอบใจ ) เมื่อถอนละวางกองรูปได้จนหมดจึงกระทำการละวางสิ่งที่ละเอียดยิ่งขึ้นในขั้นต่อไป ซึ่งเฉพาะกองรูปก็ประมาณระยะเวลาไม่ได้ ขึ้นกับแต่ละคนว่าติดข้องอะไรบ้างมากน้อยแค่ไหน ( คำว่า ติดข้องแปลความง่ายๆ ก็คือเรายังเกิดความหวั่นไหวเพราะมันอยู่ )



ขั้นที่สอง ปล่อยวางนามธรรม คือ เวทนา สัญญา สังขาร ที่เรายังติดข้องอยู่



ขั้นสุดท้าย คือ ปล่อยวางวิญญาณ องค์หลวงตามหาบัว มักจะใช้คำเปรียบเทียบว่า "ห้องว่างหมดแล้วแต่ยังเรายืนอยู่"

สรุปหนทางเดินสู่ความปล่อยวางจากสรรพสิ่งทั้งปวงเริ่มจาก


สุตมยปัญญาการสะสมข้อมูลจากการฟังการอ่าน
จินตมยปัญญาการคิดตามด้วยเหตุผล


จนถึงการทำภาวนามยปัญญาการทำให้จิตยอมรับความเป็นจริงนั้นอย่างถอนรากถอนโคน


เพราะการเกิดจินตมยปัญญานั้นเป็นเพียงการรับรู้รับทราบและไม่คัดค้านแต่เพียงภายนอก แต่ภายในจิตยังไม่เกิดกระบวนการยอมรับความจริงดังกล่าว


จึงต้องอาศัยการพิจารณาธรรมะด้วยกำลังของจิตจากสมาธิ เมื่อจิตรับรู้รับทราบและปล่อยวางในแต่ละขั้น ส่วนใหญ่แล้วจิตมักจะแสดงอาการให้ปรากฏแก่ผู้ปฏิบัติได้รับทราบ


ส่วนขั้นตอนสุดท้ายนั้นมีบางรูปที่ไม่แสดงอาการเป็นแต่ราบเรียบไปเฉยๆ เช่น พระอาจารย์สิงห์ทอง แต่ส่วนใหญ่แล้วมักแสดงอาการให้ปรากฏ


การปฏิบัติ ก็อาศัย ความหมั่นพิจารณาตรวจสอบไตร่ตรองอยู่เสมอ ด้วยความไม่ประมาท ว่าเรายังเหลือสิ่งใดที่ติดข้องทำความกระทบกระเทือนต่อจิตใจของเราได้ เป็นรูป หรือ เป็น นามธรรมใด และนำมาพิจารณาถอดถอน ให้จิตใจเป็นอิสระ และ ปล่อยวางจิตใจคืนสู่ธรรมชาติในที่สุด



ดังคำสอน ในคิริมานนทสูตรว่า "อันที่แท้จิตใจนั้นหากเป็นลมอันเกิดอยู่กับโลก มิใช่จิตใจของเรา โลกเขาตั้งแต่งไว้ก่อนเรา เราจึงมาอาศัยอยู่กับลม จิตใจ ณ กาลภายหลัง". . . . ."การปล่อยวางจิตใจ คือ วาง สุข ทุกข์ บาป บุญ คุณ โทษ วางโลภ โกรธ หลง ลาภ ยศ นินทาสรรเสริญทั้งหมดทั้งสิ้นเหมือนดั่งไม่มีหัวใจจึงชื่อว่าทำให้เหมือนแผ่นดิน"





 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2552
3 comments
Last Update : 28 มกราคม 2553 18:41:12 น.
Counter : 1130 Pageviews.

 

สวัสดีครับ

ขอบคุณที่นำเรื่องราวธรรมะดีๆมาให้อ่านครับ
ของผมคงจัดอยู่ในข้อสาม ที่กำลังหาทางขึ้นไปข้อสองอยู่มั้งครับ... ที่จริงข้อสองนั้น ก็เข้าใจนะครับ... แต่การละวางจริงๆ คงยากและต้องอาศัยการฝึกจิตอย่างมาก...

จะหาโอกาสมาอ่านซ้ำนะครับ ^^

 

โดย: penguinsound 7 พฤศจิกายน 2552 19:06:55 น.  

 

...ต้องขอชื่นชมที่นำสิ่งดีๆมาเผยแพร่ ใครที่เข้ามาเยี่ยมชมนับได้ว่าโชคดี สำหรับตัวเองแล้ว ..บอกตามตรงเลยค่ะว่ายังไม่เข้าใจ แต่ขอสัญญาว่าจะกลับมาอ่านอีกครั้ง ทุกวันนี้ก็พยายามที่จะทำตามที่คุณแม่สั่งสอน..คือให้พยายามรักษาศีล5ให้ได้ ถ้าลูกทำได้..ลูกจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด....ใช่มั้ยคะ

 

โดย: dark angel IP: 118.172.182.6 8 พฤศจิกายน 2552 13:45:54 น.  

 

เริ่มอ่านบล็อกคุณ 24 ตุลาคม Hero
จนมาถึงบล็อกนี้ ผมรู้แล้วว่าทำไมผมต้องอ่าน
ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องที่นำมาเขียน

 

โดย: thitiwan IP: 118.174.87.40 6 มีนาคม 2553 16:55:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


mcayenne94
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]




Bangkok

Kyoto

Sydney

Mcayenne94's Diary มีวัตถุประสงค์เพื่อบันทึกเรื่องราวของเจ้าของบ้านและสิ่งแวดล้อม ไม่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการ จัดจำหน่าย ต้นไม้ดอกไม้ หรือสิ่งใด อนุญาตให้นำภาพถ่าย พร้อมชื่อMcayenneผู้ถ่ายภาพไปใช้ประโยชน์ได้ และสงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้นำภาพถ่าย Mcayenne ไปใช้ โดยการดัดแปลงตัดต่อหรือลบชื่อภายในภาพ
Friends' blogs
[Add mcayenne94's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.