Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
22 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
23 สค 54 ดอกปาริชาติ















          ต้นปาริชาติต้นเล็กๆ ของแถมจากร้านขายต้นไม้  เอามาปลูกลงดิน ไม่ถึงปีก็ให้ดอกมากมายต่อเนื่องมาตลอด  จัดเป็นต้นไม้ประเภทอึด ทนต่อสภาพดินเหนียวและน้ำท่วมได้  แต่กลับมีเพลี้ยและโรคตามบริเวณยอดอ่อนและดอกอยู่เสมอ


วรรณคดีทางพุทธศาสนา เช่น เตภูมิกถา และ กามนิตวาสิฏฐี กล่าวว่า ต้นปาริชาติ คือ ต้นทองหลาง อยู่ในปุณฑริกวันบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระอินทร์มีดอกสีแดงฉาน ร้อยปีจึงจะบานสักครั้ง ทุกครั้งที่บานจะส่งกลิ่นหอมและมีแสงสว่างไปทั่ว เหล่าเทพบุตรเทพธิดาจะมาฉลองร่วมกันใต้ต้นปาริชาต
ผู้ใดที่ต้องการดอกไม้ไปทัดหูเพียงยื่นมือออกไปดอกไม้นั้นก็หล่นลงมาเอง หากรับไม่ทันจะมีลมหมุนวนประคองไว้จนกว่าจะรับได้ กลิ่นของดอกปาริชาตจะทำให้ผู้ที่สูดดมเข้าไปเกิดอาการวิงเวียนและสามารถ ระลึกชาติได้ ตั้งแต่ชาติที่ใกล้ที่สุดจนถึงชาติที่ไกลโพ้นออกไป


     ความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่า   "ดอกปาริชาติ" ของไทยคงเป็นเพียงชื่อที่พ้องกับ ปาริชาติในพระไตรปิฏก เพราะปาริชาติไทย ไม่มีกลิ่น  ส่วน ปาริชาติในตำนานของอินเดียนั้นคือ ดอกกรรณิการ์ซึ่งมีกลิ่นหอม และดอกสีขาว มีก้านดอกแต้มสีส้มแดงบริเวณใจกลางค่ะ



อริยสาวกกับปาริฉัตตกพฤกษ์(ดอกปาริชาติ)


ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ปาริฉัตตกพฤกษ์แห่งเทวดาชั้นดาวดึงส์ มีใบเหลือง สมัยนั้น เทวดาชั้นดาวดึงส์พากันดีใจว่า เวลานี้ต้นปาริฉัตตกพฤกษ์ใบเหลือง "ไม่นานเท่าไรก็จักผลัดใบใหม่"


ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ ผลัดใบใหม่ สมัยนั้น เทวดาชั้นดาวดึงส์พากันดีใจว่า เวลานี้ต้นปาริฉัตตกพฤกษ์กำลังผลัดใบใหม่ "ไม่นานเท่าไรก็จักผลิดอกออกใบ


ดูกรภิกษุทั้งหลายสมัยใด ปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ผลิดอกออกใบแล้ว สมัยนั้น เทวดาชั้นดาวดึงส์พากันดีใจว่า เวลานี้ปาริฉัตตกพฤกษ์ผลิดอกออกใบแล้ว"ไม่นานเท่าไรก็จักเป็นดอกเป็นใบ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เป็นดอกเป็นใบแล้ว สมัยนั้น เทวดาชั้นดาวดึงส์พากันดีใจว่า เวลานี้ปาริฉัตตกพฤกษ์เป็นดอกเป็นใบแล้ว ไม่นานเท่าไรก็จักเป็นดอกตูม


ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใดปาริฉัตตกพฤกษ์ ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เป็นดอกตูมแล้ว สมัยนั้น เทวดาชั้นดาวดึงส์พากันดีใจว่า เวลานี้ ปาริฉัตตกพฤกษ์ดอกออกตูมแล้ว ไม่นานเท่าไรก็จักเริ่มแย้ม


ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เริ่มแย้มแล้ว สมัยนั้นเทวดาชั้นดาวดึงส์พากันดีใจว่า เวลานี้ ปาริฉัตตกพฤกษ์เริ่มแย้มแล้ว ไม่นานเท่าไรก็จักบานเต็มที่


"ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์บานเต็มที่แล้ว สมัยนั้น เทวดาชั้นดาวดึงส์พากันดีใจเอิบอิ่มพรั่งพร้อมด้วยกามคุณ ๕ บำรุงบำเรออยู่ตลอดระยะ ๕ เดือนทิพย์ ณ ควงแห่งไม้ปาริฉัตตกพฤกษ์


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อปาริฉัตตกพฤกษ์ บานเต็มที่แล้ว แผ่รัศมีไปได้ ๕๐ โยชน์ ในบริเวณรอบๆ จะส่งกลิ่นไปได้ ๑๐๐ โยชน์ตามลม อานุภาพของปาริฉัตตกพฤกษ์ มีดังนี้ "


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล "สมัยใด อริยสาวกคิดจะออกบวชเป็นบรรพชิต" สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์มี ใบเหลือง


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล" สมัยใด อริยสาวกปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ออกบวชเป็นบรรพชิต สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ผลัดใบใหม่


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล สมัยใด อริยสาวกสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ ผลิดอกออกใบ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล สมัยใด อริยสาวกบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เป็นดอกเป็นใบ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล สมัยใด อริยสาวกมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขามีสติอยู่เป็นสุข สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เป็นดอกตูม


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล สมัยใด อริยสาวกบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เริ่มแย้ม


"ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด อริยสาวกทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์บานเต็มที่"


ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยนั้น ภุมมเทวดาย่อมประกาศให้ได้ยินว่า ท่านรูปนี้ มีชื่ออย่างนี้ เป็นสัทธิวิหาริกของท่านชื่อนี้ ออกจากบ้านหรือนิคมชื่อโน้น บวชเป็นบรรพชิตกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่


เทวดาชั้นจาตุมหาราชฟังเสียงแห่งภุมมเทวดา ... เทวดาชั้นดาวดึงส์ ... เทวดาชั้นยามา ... เทวดาชั้นดุสิต ... เทวดาชั้นนิมมานรดี ... เทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัสดี ... เทวดาชั้นพรหมฟังเสียงแห่งเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัสดีแล้ว ย่อมประกาศให้ได้ยินว่า ท่านรูปนี้ มีชื่ออย่างนี้ เป็นสัทธิวิหาริกของท่านผู้นี้ ออกจากบ้านหรือนิคมชื่อโน้น


บวชเป็นบรรพชิต กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ โดยเหตุนี้เสียงก็ระบือไปตลอดพรหมโลกชั่วขณะนั้น ชั่วครู่นั้น อานุภาพของพระขีณาสพเป็นดังนี้ ฯ"


ลานธรรมเสวนา พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ สุตตันตปิฎกที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต ปาริฉัตตกสูตร  



ปาริชาติ หรือปาริฉัตร เป็นต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 


เป็นพืชในสกุล Erythrina อยู่ในวงศ์ Leguminosae เป็นไม้ยืนต้น สูงประมาณ 10-20 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ตามกิ่งหรือลำต้นอ่อนมีหนามแหลมคม แต่จะค่อยๆ หลุดไป เมื่อต้นมีอายุมากขึ้น ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบ เรียงสลับ ใบหนา ดอกคล้ายดอกแคแต่มีสีแดงเข้มออกรวมกัน เป็นช่อยาวประมาณ 30-40 ซม. ใบและเปลือก แก้เสมหะ ลมพิษ แก้ตาแดง ตาแฉะ ดับพิษร้อน แก้ข้อบวม, ราก ใช้แก้พยาธิในท้อง ตาฟาง ไข้หวัด พอกบาดแผล แก้ปวดแสบปวดร้อน


ตำนานเกี่ยวกับดอกปาริชาติ
         ปาริชาติ(Parijata)เป็นต้นไม้แห่งความสมปรารถนา เกิดจากการกวนเกษียรสมุทรของเหล่าเทวดา  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ๑๔ อย่าง อันเกิดจาก การกวนเกษียรสมุทร ของเหล่าเทวดาและอสูร ได้แก่
๑. น้ำอมฤต
๒. ธันวันตรี คือ เทวดาผู้ถือหม้อน้ำอมฤตผุดขึ้นมาจากเกษียรสมุทร
๓. พระลักษมี เทวีแห่งโชคลาภและความงาม ซึ่งต่อมาได้เป็นชายาของพระศิวะ
๔. นางสุราเทวี หรือนางวารุณี ต่อมาได้เป็นชายาของพระวรุณ
๕. พระจันทร์ พระอิศวรนำไปเป็นปิ่นปักผม
๖. นางอัปสรชื่อรัมภา ซึ่งเป็นผู้ยอดของความงาม
๗. ม้าชื่ออัจไฉศรพ มีหูตั้งสูง ถือเป็นยอดม้า
๘. มณีเกาสตุภ คือ แก้วมณีซึ่งต่อมาตกเป็นของพระกฤษณะ
๙. ต้นปาริชาติ ซึ่งสามารถบันดาลให้สมปรารถนาได้ตามใจนึก
๑๐. นางโค ชื่อกามเธนุหรือสุรภี ซึ่งนึกอะไรสมความปรารถนาเช่นเดียวกัน
๑๑. ช้างเอราวัณ พาหนะของพระอินทร์ มี ๓๓ เศียร
๑๒. สังข์ศักดิ์สิทธิ์      ต่อมาตกเป็นของพระนารายณ์ และกฤษณะใช้สำหรับเป่าบันลือเสียง บังเกิดชัยชนะแก่ศัตรู
๑๓. ธนูวิเศษ     แผลงไปไม่ผิดเป้าหมาย และ
๑๔. พิษร้ายแรง    ซึ่งพระศิวะทรงดื่ม เพราะเกรงจะเกิดภัยแก่เทวดา และมนุษย์ พระศอ (คอ) ของพระองค์ จึงมีสีดำตั้งแต่นั้นมา





            ดอกปาริชาติในอินเดีย คือ ดอกกรรณิการ์ เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีของหญิงสาวที่เพิ่งแต่งงานใหม่  และเป็นดอกไม้สำหรับบูชาพระกฤษณะ
          พระอินทร์นำปาริชาติไปปลูกไว้ในสวนของพระองค์บนสวรรคโลก(Svargaloka) ลักษณะเป็นไม้พุ่ม มีดอกสีขาวแต้มแดงกลิ่นหอมอบอวล
         ในกฤษณาวตาร ภาคหนึ่งของพระวิษณุ ได้แอบไปขโมยต้นปาริชาติจากสวรรค์ตามความปรารถนาของนางสัตยภามา(Satyabhama) ชายาของพระองค์ แต่เกรงว่านางรุกมินี(Rukamini)ชายาอีกคนจะน้อยใจ จึงปลูกต้นปาริชาติไว้ในสวนของนางสัตยภามาแต่หันกิ่งก้านไปทางสวนของนางรุกมินี เวลาที่ดอกปาริชาติร่วงหล่นจะได้ตกใส่สวนของนาง ด้วยเหตุนี้ต้นปาริชาติจากสวรรค์จึงได้ลงมาอยู่บนโลกมนุษย์
           อีกตำนานกล่าวถึงหญิงสาวนางหนึ่งหลงรักพระสุริยเทพ นางได้แต่นั่งเฝ้าชมราชรถของพระองค์ขับเคลื่อนผ่านไปทุกเช้าเย็น ช่วงแรกพระสุริยเทพก็สนใจในตัวนางดีแต่ต่อมาไม่นานพระองค์ก็ไปหลงรักหญิง อื่น นางจึงฆ่าตัวตาย จากนั้นต้นปาริชาติก็เกิดขึ้นจากกองเถ้าถ่านที่เผาศพนาง เป็นต้นไม้ที่มีดอกสีขาวแต้มแดงและบานส่งกลิ่นหอมในยามค่ำคืนเท่านั้น เมื่อถึงยามรุ่งอรุณดอกปาริชาติก็ร่วงโรยดุจน้ำตาของนาง  บางครั้งก็เชื่อกันว่า ดอกปาริชาติเป็นดอกไม้แห่งความเศร้า








Create Date : 22 สิงหาคม 2554
Last Update : 30 สิงหาคม 2554 12:18:07 น. 6 comments
Counter : 10035 Pageviews.

 

 
สวัสดียามสาย ๆ ค่ะ..

มีความสุขกับการทำงานนะค่ะ..^^



โดย: Lika ka วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:9:02:38 น.  

 

 
ตามมาชมดอกปาริชาติค่ะ สีแดง สวยจังเลย
แถมได้อ่านบทความเรื่องต้นไม้นี้มากมาย
ขอบคุณที่นำมาฝากกันค่ะ


โดย: diamondsky วันที่: 30 สิงหาคม 2554 เวลา:18:44:40 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ค่ะ...^^


โดย: Lika ka วันที่: 31 สิงหาคม 2554 เวลา:7:39:06 น.  

 
..มีความสุข สดชื่น ในวันทำงานนะค่ะ..^^





โดย: Lika ka วันที่: 1 กันยายน 2554 เวลา:9:23:45 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

mcayenne94
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]




Bangkok

Kyoto

Sydney

Mcayenne94's Diary มีวัตถุประสงค์เพื่อบันทึกเรื่องราวของเจ้าของบ้านและสิ่งแวดล้อม ไม่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการ จัดจำหน่าย ต้นไม้ดอกไม้ หรือสิ่งใด อนุญาตให้นำภาพถ่าย พร้อมชื่อMcayenneผู้ถ่ายภาพไปใช้ประโยชน์ได้ และสงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้นำภาพถ่าย Mcayenne ไปใช้ โดยการดัดแปลงตัดต่อหรือลบชื่อภายในภาพ
Friends' blogs
[Add mcayenne94's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.