Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
8 กค 53 "จันทสาโรวาท" พรรษาที่ 38-65

ตั้งแต่เมื่อวานได้รับไฟเขียวมีผู้เห็นประโยชน์ของการเขียนบล็อก รู้สึกสบายใจขึ้น หลายวันมานี้นั่งคัดลอกธรรมะลงในบล็อก ทั้งที่ปกติแล้วได้แต่อ่านเรื่องธรรมะที่มีผู้คัดลอกลงในเวป แต่ไม่เคยคิดที่จะเขียนเองสักครั้ง คิดแต่ว่าจะเขียนจากประสบการณ์ของตนเอง แต่เมื่ออ่านของครูบาอาจารย์แล้วลึกซึ้งได้ใจความดี จึงได้นำมาคัดลอกลงไว้สำหรับผู้สนใจ (ถึงแม้จะมีน้อยมากก็ตาม) การได้นั่งพิมพ์อย่างมีสมาธิ พร้อมทั้งอ่านทบทวนไปมา ทำให้จิตใจได้รับความสงบเย็นอยู่บ้าง ถึงแม้การปฏิบัติจะเดินหน้าถอยหลัง แต่ก็ไม่ท้อ พยายามปล่อยวางความคิดความเห็นและความคาดหวังที่เคยมี หยุดการแบกรูปนาม ทุกอย่างเป็นเช่นนั้นเอง เมื่อยังไม่ถึงที่หมาย ย่อมมีความเจริญและความเสื่อมเป็นธรรมดาค่ะ


พรรษาที่ ๓๘ พ.ศ. ๒๕๐๕ จำพรรษาที่วัดเขาสวนกวาง จ. ขอนแก่น
มนุษย์ สร้างได้ทั้งบุญและบาป
-ภาวนาถ้ามีแต่สมาธิอยางเดียว จะมีนิมิตต่างๆหลอกอยู่เสมอ นิมิตเกิดจาก อุปจารสมาธิ มีอุคหนิมิตทำให้เป็นบ้าได้ ทำให้จมอยู่ในสมาธิความสงบ เอาวิปัสสนาผสมสมาธิ  มีไตรลักษณ์ กำหนดอยู่ไม่สำคัญตนย่อมไม่เกิดนิมิต ไม่เป็นบ้า เนื่องเพราะมีสติรู้เท่าทันนิมิตทั้งหลายเหล่านั้น
-มนุษย์ เกิดมาจากภพที่ต่างกันด้วยกรรมดีและกรรมชั่ว แล้วแต่กรรมเป็นเครื่องกำหนด ทำชั่วในอดีตเป็นปัจจัยให้อยู่ในนรก  ขาดแคลนที่สุด  ตั้งใจทำบุญก็สายเกินไป ไม่สมบัติอะไรที่จะทำบุญ เกิดเป็นมนุษย์สามารถบำเพ็ญทาน รักษาศีล ภาวนาได้เป็นที่ละ พอได้ ภพอื่นไม่พอ ไม่ละ สร้างกรรมบุญ กรรมบาป หอบสู่ภพต่างๆก็จากมนุษย์โลกทั้งนั้น  อย่าหลงมัวเมาใน ราคะ โทสะ โมหะ ความมัวเมานี้พาเดือดร้อน สิงสู่ในดวงจิตผู้ใด ย่อมมีคติชั่วร้าย สร้างบาปรับกรรมขั่ว ขอให้เชื่อในกรรมและผลของกรรม


พรรษาที่ ๓๙ พ.ศ. ๒๕๐๖ จำพรรษาที่ถ้ำกลองเพล จ. อุดรธานี ร่วมกับหลวงปู่ขาว
คบบัณฑิตพาไปหาผล
- การภาวนานอกจากจะมีครูบาอาจารย์ที่ดีแล้ว ก็ควรที่จะมี กัลยาณมิตรที่ดีด้วย ในการภาวนั้นย่อมใช้อารมณ์ธรรมพิจารณาต่างๆกัน เนื่องด้วยจริตที่ต่างกัน แต่ต่างมุ่งมั่นที่จะละวางดุจเดียวกัน



พรรษาที่ ๔๐ พ.ศ. ๒๕๐๗ จำพรรรษาที่บ้านกกกอก วังสะพุง จ.เลย
วิถีการปล่อยวางอย่างหมดจด

-พิจารณาอสุภะ เพื่อแก้ราคะ ทำเมตตาเพื่อแก้โทสะ อานาปานะ เพื่อแก้วิตกวิจารณ์ อนิจจสัญญาเพื่อถอนทิฐิมานะ อนัตตาเพื่อถอนอัสมิมานะ ( ถือเราถือเขา ) ทำความเพียรอย่างเอกอุ แม้เป็นไข้ร่างกายอ่อนเพลียก็ได้พิจารณา
-ทุกขเวทนาที่เกิดขึ้น จิตวิตกวิจารณ์ พิจารณาสังขารแปรปรวนอยู่เสมอ ให้เห็นความแปรปรวนนั้น กำหนดตามรู้ตามความเป็นจริงวางสังขารทั้งหลาย  ตามสภาพที่แปรไป  วางเจตนาสู่ความตายเพื่อชำระกิเลสไม่ยึดหน่วงว่าเป็นของเราเร่งความเพียรมิให้ขาดวรรคตอน ม้างกายให้ฉลาดม้างด้วยไตรลักษณ์ ม้างอนุสัย ( กิเลสที่นอนเนื่องในใจ ) ทางจิตและเจตสิก ( อารมณ์ที่เกิดกับใจเป็นไปในจิต ) ชำระกิเลสออกจากดวงจิต ละกิเลส อดีต อนาคต ไม่ก่อกิเลสให้เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำความรู้แจ้ง เญยธรรมในปัจจุบัน
-สถานที่วิเวก กายวิเวก จิตวิเวก จึงจะเกิดธรรมะที่เป็นอัศจรรย์ของจิต
-พิจารณาม้างกาย กองแยกกายออกเป็นส่วนๆ แล้วกำหนดกลับคืนเป็นร่างเดิม ขยายส่วน ย่อส่วน ให้เห็นสภาพ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
- พิจารณาให้รู้ตามความเป็นจริงทุกอิริยาบท สังขารแปรปรวนอยู่เสมอ รู้แล้ววางตามสภาพ เรื่องของสังขารบังคับไม่ได้  จิตอาศัยกายยังมีแตกดับ
- บุคคลผู้ไม่ประมาท  แม้มีชีวิตอยู่เพียงราตรีเดียว ยังประโยชน์ได้ดีกว่าผู้มีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี แต่มีชีวิตอยู่ด้วยความประมาท


พรรษาที่ ๔๑-๔๒ พ.ศ. ๒๕๐๘-๒๕๐๙ จำพรรษาถ้ำแก้งยาว จ.เลย
ฝึกวางธาตุขันธ์ให้สม่ำเสมอและมั่นคง
- ภาวนาให้แน่วแน่ทั้งปฏิภาค และทางจิต ด้วยอริยสัจ จิตสละตายลงไปถึงอมตะธรรมให้เป็นวิหารธรรม ไม่ร้อนใจในเกิด แก่ เจ็บ ตาย วางสังขารลง รู้เท่าทันไม่ยินดียินร้าย ปล่อยวางลงทั้งสิ้น


พรรษาที่ ๔๓-๔๘ พ.ศ. ๒๕๑๐-๒๕๑๕ สร้างวัดถ้ำผาบิ้ง
ละวางรูป นาม
- พิจารณาอริยสัจ  ไตรลักษณ์ลบนิมิตทั้งหลาย  นิมิตและสังขารเป็นตัวมาร กำลังวิปัสสนารู้จริงแล้วจิตไม่กำเริบด้วยประการต่างๆ จิตปกติจิตบริสุทธิ์ ตั้งอยู่ด้วยอมตะธรรม
- การภาวนาเป็นเครื่องจูงใจในอารมณ์กัมมัฏฐาน กระดูกและลมหายใจเป็นคู่กัน มีสมาธิเป็นบาทหน้า ปัญญาเกิดทีหลังคอยแก้ไข ร่างกายให้เห็นไตรลักษณ์ของขันธ์แปรปรวนอยู่เสมอ พิจารณาให้เห็นกระดูกแยกออกจากกันเป็นส่วนๆ ด้วยญาณทัสน  ความจริงของสังขารทั้งปวงเดินอารมณ์ทั้ง ๒ อย่างเป็นนิจ
- ความเบื่อ เกิดจากความซ้ำซากจำเจ หนักเข้าก็ชาชิน มีความเบื่อแล้วก็หมดเบื่อ เป็นของคู่กัน รักแล้วชัง ชังแล้วรัก ไม่เที่ยง ปุถุชนมีอารณ์วนเวียนอยู่กับอารมณ์วางรักวางชังไม่ได้ เพราะไม่รู้เท่าสังขาร


พรรษาที่ ๔๙-๕๐ พ.ศ.๒๕๑๖-๒๕๑๗ จำพรรษา วัดป่าบ้านหนองผือ ถ้ำเจ้าผู้ข้า จ.สกลนคร
อานิสงส์แห่งบุญเกิดด้วยจิตศรัทธา
- แม้ไม่กำลังทรัพย์ แต่มีกำลังกาย มีจิตศรัทธาที่มั่นคงย่อมยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นได้


พรรษาที่ ๕๑ พ.ศ. ๒๕๑๘ จำพรรษา สวนบ้านอ่าง จ. จันทบุรี
สังขารเป็นภัยใหญ่
-ไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นในสังขารใดๆ ตรวจกายค้นอนุสัยของจิตเสมอ


พรรษาที่ ๕๒ พ.ศ. ๒๕๑๙ จำพรรษาวัดกุมภีร์บรรพต อ.ควนกาหลง จ.สตูล


พรรษาที่ ๕๓-๕๗ พ.ศ. ๒๕๒๐-๒๕๒๔ จำพรรษาที่สวนปทุมธานี วัดป่าหนองแซง โรงนานายแดง จ.นครนายก วัดอโศการาม ที่พักสงฆ์บ้านคุณประเสริฐ อ.ศรีราชา จ. ชลบุรี
กิเลสหน่วงจิต
จิตติดที่ไหนย่อมไปเกิดที่นั้น จิตติดเรือนเกิดเป็นตุ๊กแก ภิกษุติดจีวรเกิดเป็นเล็น ติดนาเกิดเป็นปู  ติดสวนเกิดเป็นด้วง กิเลสมีร้อยแปดประตู พุทโธมีประตูเดียว ฝึกปฏิบัติให้คุ้นเคย วาระที่จะเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติจะเข้าจิตทันหรือไม่ การทำความเพียรให้เปลี่ยนแปลงอิริยาบถสลับกันทั้ง ๔ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน


พรรษาที่ ๕๘ จำพรรษาที่ถ้ำเจ้าผู้ข้า จ.สกลนคร
พิจารณาความตายอยู่เนืองนิจด้วยความไม่ประมาท

-พิจารณาแต่ความตาย ธาตุขันธ์จะแตกดับ มีเวทนามากน้อยเพียงใด ออกสู่ภพใหม่ด้วยอาการกิริยาอย่างไร กำหนดให้รู้เท่าทัน ตรวจดู ศีล สมาธิ ปัญญาสม่ำเสมอ ไม่มีที่พึ่งนอกจากธรรมะ ตนเป็นที่พึ่งของตนให้ชำระความบริสุทธิ์ของจิตอยู่เสมอ พิจารณาก่อนตายให้ชำนิชำนาญ คล่องแคล่ว ไม่ส่งจิตออกนอก วางอารมณ์พิจารณาการเข้าสู่ภพมรณะ เป็น ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา
-วางธุระของขันธ์เข้าสู่อารมณ์แห่งความตาย เพราะไม่มั่นไม่เที่ยง เราผู้ที่ไปติดก็ไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ เป็นอนัตตา รีบเร่งทำความบริสุทธิ์ทางใจ เพราะชีวิตอยู่ไม่นาน เราเกิดมาในโลกมาค้าขาย ขาดทุนใหญ่ร่ำรวยใหญ่ มิจฉาทิฐิขาดทุนใหญ่ เป็นสัมมาทิฐิ ร่ำรวยใหญ่
- ภาวนาพร้อมด้วยสมาถะวิธี วิปัสสนาวิธี ม้างกายกระดูกให้เห็นอสุภะ ให้เกิดนิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่าย แล้วเจริญวิปัสสนาต่อ เมื่อเหนื่อยแล้วเข้าสงบอารมณ์สมาถะ หายเหนื่อยแล้วเจริญวิปัสสนาต่อ ภาวนาดังนี้ให้เสมอต้นเสมอปลาย จึงจะละกิเลสได้
- คนมีธัมมะเป็นที่สบายของจิต คนไม่มีธัมมะข่มจิต เป็นทุกข์อย่างยิ่ง เพราะแบกขันธ์ หาบขันธ์ ๕ ธรรมะความเกิดดับแสดงเป็นอริยสัจอยู่ไม่ขาดสาย ผู้เพ่งอยู่เห็นความแปรปรวน ย่อมรู้ธรรมเห็นธรรม จิตอยู่ที่ไหนย่อมรู้แจ้ง ณ ที่นั้น แก้ความสงสัย รู้ธรรมเห็นธรรมอย่างสุขุมลุ่มลึก
- ทำความเพียรเด็ดเดี่ยว ยิ่งเห็นอานิสงส์ใหญ่โต แล้วจะเกิดวิบัติ วิบัติแล้วจะเกิดภาวนาดี  ความดีความชั่วเป็นของคู่กัน เมื่อเห็นดีแล้วเห็นชั่ว มืดกับแจ้งเป็นคู่กัน วิปัสสนูกับวิปัสสนาคู่กัน ทุกข์กับสุขคู่กัน
- มนุษย์ทำจริงเห็นจริง ในอริยสัจ แจ้งชัดจนสำเร็จมรรคผล เป็นชาติที่เลิศวิเศษกว่าสัตว์อื่น ภพอื่น
- ราคะ โทสะ โมหะ เป็นผลร้ายที่สุด ที่ฝังอยู่ในจิตมนุษย์ มนุษย์ทำได้ทุกอย่าง มีอำนาจ มีเดชานุภาพ ไม่เหมือนสัตว์อื่น
- ผู้ที่เห็นมรรคผลนิพพาน ต้องมีตปะความเพียรอย่างยิ่ง นอนใจไม่ได้ เกียจคร้านไม่ได้ ประมาทไม่ได้ ต้องเดินมรรค ๘
- เจริญกายานุปัสสนา ตั้งแต่ศีรษะถึงเท้า เป็นทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ทำให้มากให้ชำนาญ ให้คล่องแคล่ว จะเกิดนิพพิทาญาณ คือ ความเบื่อหน่ายในอวัยวะทุกส่วน เจริญความเบื่อให้มาก จะเกิด วิราโค สำรอก ออก ไม่ยินดีในกามคุณ จิตถึงความเกษม ไม่มัวเมาในกามคุณ
-มนุษย์อยู่ในท่ามกลาง ข้างบน เทวดา ข้างล่างอบายภูมิ มนุษย์พอในอริยสัจ จึงสำเร็จอรหันต์
-ภาวนาถึงหลักอริยสัจ นิมิตแสดงปรากฏรูปร่างมนุษย์บริสุทธิ์ น้อมนิมิตให้เห็นไตรลักษณ์ เพราะนิมิตนั้นแปรปรวนเป็นอาการต่างๆ จะติดดี แก้ความดี กลั่นกรองให้เป็นชาตินิพพาน
-สมาถะ ( สมถะ) ระงับนิวรณ์ได้ชั่วคราว เสวยสุขด้วยความสงบ แต่กิเลสเกิดขึ้นอีก วิปัสสนารู้แจ้งทำให้สิ้นกิเลสได้ จิตคงที่เพราะรู้แจ้งแทงตลอด
-ไตรลักษณ์ ม้างได้ทั้งไตรภพ มีอำนาจเหนือ โลกีย์


พรรษาที่ ๕๙-๖๕ พ.ศ. ๒๕๒๖-๒๕๓๒ จำพรรษา ภูทอก ที่พักสงฆ์ เย็นสุดใจ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
วางสมมุติเข้าสู่วิมุติหลุดพ้นโดยสมบูรณ์
-แผ่เมตตาจิตอย่างเต็มที่เพื่อให้เห็นถึงอานิสงส์ สละชีวิตแผ่เมตตาสะท้อนให้การภาวนาดียิ่งขึ้นพ้นจากอบายภูมิทั้ง ๔
-สมถะกับวิปัสสนา เป็นธรรมมีอุปการะ ตั้งแต่ต้นจนวาระสุดท้ายของขันธ์ เป็นวิหารธรรมเครื่องอยู่ระหว่างขันธ์กับจิตที่อาศัยกันอยู่จนกว่าขันธ์สมมุติ  และจิตอันวิสุทธิวิมุติจะเลิกราจากกัน
- พยายามสละซากความเห็นความตายให้ชำนิชำนาญ ทำให้มากเกิดปาฏิหาริย์ใหญ่ เห็นธรรมเป็นอัศจรรย์อย่างใดอย่างหนึ่ง สละกิเลสทั้งอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด กลั่นเอาความไม่ตายจากที่นั้นเป็นตัวนิพพาน
- ทำวิปัสสนามากกว่าปฏิภาคนิมิต ให้จิตรู้เองเห็นเอง ไม่มีความอาลัยในชีวิต พิจารณาความตายอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้ชำนาญเข้าสู่อารมณ์แห่งความตาย
-อุบายกิเลสมีต่างๆนานา เจริญมรรคให้มาก ให้รู้เท่าทันกิเลส ไตรลักษณ์ตัดกระแสกิเลสให้ขาดจากดวงจิต เปลี่ยนอวิชชาเป็นวิชชา ระงับนิวรณ์ได้รู้เอง เห็นเองเป็นปัจจัตตัง เจริญวิปัสสนาให้มาก


เทศน์ครั้งสุดท้ายก่อนละสังขาร
การภาวนาทำจิต ให้ดูอาการของจิต ก่อนตาย อย่าไปตามดูอาการของเวทนา ให้ดูจิตอย่างเดียว เวลาธาตุขันธ์จะตีลังการ เปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติ จิตจะออกจากร่าง พิจารณาตาม จะเห็นว่าจิตจะออกจากร่างอย่างไร ไปอย่างไร จิตจะเข้าๆออกๆ เดี๋ยวมืด เดี๋ยวสว่าง อยู่อย่างนั้น เนื้อร่อนออกจากกระดูก แยกออกจากกัน คนละส่วน รูขุมขน เหมือนเข็มทิ้มแทงเปิดออก เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว เหงื่อกาฬออก ธาตุต่างๆในกายแปรปรวน ลมตีขึ้นจากเบื้องล่าง เหนื่อยหอบมาก กำหนดตามจิต คืนเห็นอาการของจิตชัด ถ้าเอาไม่ทันก็ไปเลย ดังนั้น อย่าไปตามดูอาการของเวทนาที่เกิดขึ้น ธาตุขันธ์มันจะแตกดับออกจากกัน ให้ตามดูจิต เอาที่จิตอย่างเดียว


อ้างอิง จันทสาโรวาท หน้า ๒๗-๓๓


Create Date : 08 กรกฎาคม 2553
Last Update : 8 กรกฎาคม 2553 19:28:18 น. 0 comments
Counter : 1184 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

mcayenne94
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]




Bangkok

Kyoto

Sydney

Mcayenne94's Diary มีวัตถุประสงค์เพื่อบันทึกเรื่องราวของเจ้าของบ้านและสิ่งแวดล้อม ไม่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการ จัดจำหน่าย ต้นไม้ดอกไม้ หรือสิ่งใด อนุญาตให้นำภาพถ่าย พร้อมชื่อMcayenneผู้ถ่ายภาพไปใช้ประโยชน์ได้ และสงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้นำภาพถ่าย Mcayenne ไปใช้ โดยการดัดแปลงตัดต่อหรือลบชื่อภายในภาพ
Friends' blogs
[Add mcayenne94's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.