16 กพ 53 ธรรมชาติธรรมดา
วันนี้อ่านบทความเกี่ยวกับความสุข ความทุกข์ ได้มีเวลาทบทวนเรื่องความสุข ความทุกข์ ของชีวิตตนเอง หลังจากห่างหายจากการเขียนธรรมะไปสักพัก ได้อ่านข้อความสะกิดเตือนใจ
หันมาทบทวนตนเองกับการหลงเผลอเพลินท่องเที่ยวไปในวัฏฏสงสาร "นนฺทิกฺขยา ราคกฺขโย, ราคกฺขยา นนฺทิกฺขโย" เพราะ ความเพลิดเพลินสิ้นไป ราคะก็สิ้นไป. เพราะราคะสิ้นไป ความเพลิดเพลิน ก็สิ้นไป ทบทวนบันทึกที่เราเคยเขียนไว้ " ยิ้มให้กับความผิดหวัง" "สุขหรือทุกข์ก็มีค่าเท่ากัน อยู่ที่เราจะเป็นผู้ให้ราคามัน เพราะมันก็เป็น อารมณ์ชนิดหนึ่งที่ผ่านเข้ามาให้เรารับทราบ แล้วมันก็ผ่านไป ถ้าเราให้ค่ากับ ความสุขมากเวลามันจากไปเราก็จะมีความทุกข์ แต่ถ้าเราให้ค่ามันเท่ากัน ไม่ว่าสุข หรือทุกข์ผ่านเข้ามา เราก็จะไม่เร่าร้อนไปกับมัน เพราะความสุขกับ ความทุกข์ได้หมดค่าหมดราคาไปจากใจเราแล้ว หมายถึงมันไม่ทำ อันตรายกระทบกระเทือนจิตใจเราให้หวั่นไหวได้อีก หรือที่พระท่านเรียกว่า "เราทิ้งมันไปได้เสียแล้ว" นั่นเอง" การปฏิบัติวันนี้ก็เพียงทบทวนตัวเราเอง ว่า เราทิ้งมันได้จริงๆรึเปล่า
รึเพียงแค่คิดไปเองว่าทิ้งแล้ว และเข้าข้างตัวเอง ก็คงมีเพียงเราเท่านั้นที่จะตัดสินได้
เพิ่มเติม จาก "ความลับสุดยอด" ของท่านพุทธทาสภิกขุ มีเขียนเกี่ยวกับความทุกข์ คัดลอกมาเพียงบางส่วนดังนี้ "ความรู้สึกอันเป็นทุกข์ทรมาน กับลักษณะแห่งความทุกข์ทรมาน
มิใช่เป็นสิ่งเดียวกัน คนอาจจะมีทุกขลักษณะโดยที่จิตไม่มีทุกขเวทนาฯ" " ทุกขลักษณะ- ทุกขเวทนา-ทุกขตถา ( หรือทุกขอริยสัจ) เหล่านี้ดูให้ดี
มิใช่สิ่งเดียวกัน แต่ก็มิใช่อื่นจากกัน หรือไม่เกี่ยวข้องกันเสียเลยฯ" " ทุกข์ในความหมายใดก็ตาม จะเกิดเป็นอาการทุกข์ทรมานขึ้นมาก ก็ต่อเมื่อมีอุปาทานเข้าไปยึดถือ ดังนั้น จงรู้จักสิ่งที่เรียกว่าอุปาทาน ( ความยึดมั่นถือมั่น) กันเสียให้ดีๆเถิดฯ" "ความรู้สึกเป็นทุกข์ ส่วนมากเกิดมากจากการทำเล่นๆอย่างสะเพร่าๆ ให้กับ ภาวะที่ไม่เป็นทุกข์ ด้วยความขาดสติของท่านเอง ดังนั้นเลิกการกระทำอย่าง นั้นกันเสียเถิด" "เมื่ออบรมจิตถึงที่สุดแล้ว จิตจะบังคับกายและตัวมันเองได้ในทุกกรณี
สำหรับจะไม่มีความทุกข์ในทุกกรณีอีกเช่นกัน ขอให้เราศึกษาธรรมชาติ หรือธรรมสัจจะข้อนี้กันเถิด" "ธรรมะคือหน้าที่อันแท้จริงของสิ่งมีชีวิต ที่ใครมีแล้ว สามารถดำรงจิตไว้
อย่างสุขสงบเย็น ไม่เป็นทุกข์ หรือแม้แต่เพียงเศร้าหมอง หงุดหงิด รำคาญ ซึ่งล้วนแต่เกิดมาจากความไม่รู้ธรรมะทั้งนั้นฯ" "ความดับของไฟ หาพบได้ที่ไฟ ความดับของทุกข์ หาพบได้ที่ความทุกข์ นิพพานหาพบได้ที่วัฎฎสงสาร แต่ไม่มีใครเห็นหรือเชื่อ เลยไม่ได้หา จึงไม่พบฯ"
Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2553 22:32:20 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1027 Pageviews. |
|
|