ลงพื้นที่ดูการเลี้ยงต่อหัวเสือ
งานนี้เป็นการลงพื้นที่ในรอบสองปีค่ะ (แก่แล้วไม่ค่อยอยากไปทำอะไรเหนื่อยๆ ฮ่าๆ) เพราะว่าประเด็นที่เด็กเลือกทำนั้นแหล่งข่าวอยู่ไกลถึงอ.วังยาง จ.นครพนม อำเภอนี้เป็นอำเภอใหม่ที่เลื่อนขั้นจากกิ่งอำเภอ ฉะนั้นจึงเป็นอำเภอขนาดเล็กๆ ลักษณะไกลปืนเที่ยงพอสมควรไม่เห็นรถโดยสารเลย ถนนก็เป็นถนนเข้าหมู่บ้านที่ไม่ใช่ถนนรพช. (คิดว่างั้น เพราะไม่เห็นป้ายหรือหลักกิโลอะไรเลย) เด็กเราเดินทางไปเองก็คงลำบาก ก็เลยต้องจัดการให้ และไปเป็นเพื่อนด้วย
ใช้เวลาเดินทางจากมหาสารคาม ไปถึงโน่นใช้เวลาสี่ชั่วโมง รวมเวลาหลงด้วยค่ะ
แล้วเราก็มาถึงบ้านของลุงวันที ซึ่งเป็นเจ้าของสวนต่อหัวเสือ
บ้านแกเป็นครอบครัวใหญ่ค่ะ มีตั้งแต่รุ่นตายาย พ่อแม่ ลูก หลานๆ บริเวณรอบๆ บ้านหลังนี้ เรียกว่าเป็นไร่ สวน ปศุสัตว์ปะปนกัน ส่วนนาอยู่ห่างออกไป แกเลี้ยงควายไว้หลายตัว ดีนะที่เชื่อง เราก็เลยได้ถ่ายรูปควายอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก ถ่ายไปก็คุยไปด้วย คิดเอาว่ามันจะรู้เรื่อง (น่าจะใช้ภาษาเดียวกัน อิอิ) บอกมันว่า เราเป็นเพื่อนกันนะ อย่าทำอะไรนะ ใครว่าควายโง่ ออกจะฉลาด มันฟังเรารู้เรื่องด้วย นิ่งให้ถ่ายเชียว...น่ารักออก ตาก็หว๊านหวาน
ที่นี่ไม่ได้ใช้นกเอี้ยงเลี้ยงควายค่ะ แต่ใช้ไก่บ้านเลี้ยงควายแทน
หลานบ้านนี้ค่อนข้างซน ใช้ชีวิตแบบเด็กต่างจังหวัดจริงๆ คือไม่มีของเล่นที่เป็นพลาสติกมากนัก แต่จะเล่นของเล่นในธรรมชาติมากกว่า
หนึ่งในของเล่นของเด็กๆ ก็คือแมลงปีกแข็งสีสวยตัวนี้ แต่เล่นแบบทารุณสัตว์ชะมัด คือจับมาแล้วเอาเชือกฟางผูกคอมัน ไม่ให้มันตาย แต่จะเหวี่ยงมันเป็นวง เพื่อให้ปีกมันกระพือแรงๆ จนมีเสียงดัง ดูแล้วเหมือนแมลงไขลาน แต่จริงๆ มันอาจจะเป็นความเจ็บปวดของมันก็ได้ เราก็ไม่รู้จะห้ามยังไง ถ้าเป็นหลานเรา เราคงตีหลานไปแล้ว
มาแอบดูเด็กๆ เราทำงานกันบ้างดีกว่า
ได้แต่สังเกตการณ์ ไม่อยากเข้าไปยุ่ง แต่จะมาวิจารณ์ทีหลัง อิอิ แต่ก็มีแอบได้ยินมันถามคำถามไม่ได้เรื่อง ต้องรีบเบรกเหมือนกัน
มาดูสวนต่อหัวเสือกันบ้าง กลางวันต่อจะยังออกหากินตลอด แรกๆ เห็นรังแล้วขนลุกเหมือนกัน แต่ถ้าเราไม่ไปทำอะไรมัน ลุงวันทีก็บอกว่ามันก็ไม่ทำอะไรเรา อยู่ไกลๆ ไม่ประมาทไว้ก่อนเป็นดี เพราะถ้ามันต่อย ถึงตายเลยทีเดียว
รังมันจะค่อยๆใหญ่ขึ้นๆ เรื่อยๆ ใช้เวลาเลี้ยงประมาณสี่ห้าเดือนก็ขายได้แล้ว โดยส่วนใหญ่จะเอาไปกินตัวอ่อนของมัน โดยลุงจะไปเก็บรังน้อยๆในป่ามาก่อน แล้วค่อยมาแขวนในส่วนที่บ้าน เหมือนย้ายที่อยู่มันแค่นั้นเอง ไม่ต้องลงทุนอะไร มันก็ออกหากินของมันเอง เราทึ่งที่มันอยู่กับควาย กับไก่ กับคนได้ไม่มีปัญหาอะไร
ลุงบอกว่าปีที่ผ่านมาเคยมีรังอยู่เป็นร้อยรัง แต่ปีนี้น้อยลง แกว่าอาจจะเป็นเพราะโลกร้อน น่าน...เห็นมั้ย มีผลกระทบไปหมด (มั่วไว้ก่อน อิอิ)
ระหว่างรอเด็กถ่ายทำ เราก็หามุมแปลกๆ ถ่ายรูปเล่น
พี่เคนธีรเดชหนีหน่อยมาขับรถลงพื้นที่ให้ สุดยอดแห่งความใจเย็น หลงทางยังไม่โมโหเลย เราก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะความจำสั้น (แต่รักฉันยาว) มากๆ เขาชวนคุยเก่งมาก จนบางทีเราก็เกรงใจเพราะเราอยากหลับมาก ฮ่าๆ
ระหว่างรออาหารมื้อเย็น ดีที่ฝนไม่ตก ถ้าตกวันนี้ก็จบกัน
ครอบครัวลุงวันทีทำกับข้าวให้พวกเรากิน (เราบอกเด็กให้บอกแกนั่นแหละ เพราะดูแล้วแถวนี้ไม่มีข้าวกินแน่นอน) แล้วแกเลี้ยงดีมาก ใจดีทั้งครอบครัว อาหารก็อร่อยที่สุด มีต้มไก่ แกงเห็ด ขนมจีนน้ำยาป่า นึกแล้วน้ำลายไหลอีกรอบ
ที่เราต้องฝากท้องมื้อเย็นกับบ้านลุงก็เพราะถ่ายยังไม่เสร็จค่ะ ต้องมีรอบดึกที่ต้องไปเก็บรังต่อในป่าด้วย ขับรถห่างจากบ้านแกไปไกลหลายโล หลงกันชิบเป๋ง ในหมู่บ้านมันเหมือนๆกันไปหมด ป้ายอะไรก็ไม่มี เราต้องไปจอดรถกลางนา ทิ้งเด็กๆ ไปกับลุง ส่วนเรานั่งนับดาวเป็นล้านดวง (สวยมากๆๆๆๆ)
นั่งอยู่เฉยๆ อยู่ราวหนึ่งชม. จนถึงสามทุ่ม ใครจะกล้าลงไปล่ะคะ ดูสิ ป่ามื๊ดมืด กลัวทั้งผีทั้งงู อยู่ในรถดีกว่า
ขากลับกว่าจะหาทางออกจากหมู่บ้านลุงวันทีได้ ครึ่งชม. น่ากลัวมาก เพราะหลงกันไปมา อาศัยความมั่ว มีกันห้าคน จำทางไม่ได้สักคน ขำก็ขำ กลัวก็กลัว ดึกก็ดึก เพราะต้องเดินทางต่อไปยังอ.ธาตุพนม เพราะในอ.วังยางไม่มีที่พัก กว่าจะถึงที่พักปาเข้าไปห้าทุ่ม เฮ้อ เหนื่อยมากๆ
นานๆ ทีจะออกกองแล้วทรหดอย่างนี้ ไม่เจอบรรยากาศแบบนี้มานานแล้วนะ ดีนะที่ไม่ลงมือทำด้วย ไม่งั้นแดดิ้นแน่ๆ เรา
Create Date : 01 สิงหาคม 2553 |
|
11 comments |
Last Update : 1 สิงหาคม 2553 21:38:18 น. |
Counter : 6175 Pageviews. |
|
|
มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ
มาอ่านเรื่องราวในบล็อกนี้แล้วเหมือนกได้ดูรายการสารคดีเลยครับ ไปทำข่าวหรือว่าไปถ่ายสารคดีกันครับ
เห็นรังต่อหัวเสือแล้วก็ต้องบอกว่าน่ากลัวมาก ๆ เลยครับ ปกติต่อพวกนี้ต่อยเราตายได้เลยนะครับ แต่ลุงคนเลี้ยงเขาเก่งจังเลยครับ
อิอิ