I AM SOMEONE
<<
ตุลาคม 2566
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
14 ตุลาคม 2566

ภูบ่อบิด บทพิสูจน์ความแกร่ง

“เดินขึ้นเขายังไงให้เหมือนตกนรก” เป็นแว้บแรกที่เราคิดหลังจากเดินขึ้นเขา “ภูบ่อบิด” ภูเขากลางเมืองจังหวัดเลย ตั้งแต่ยังเดินไม่ถึงครึ่งทาง!

ก่อนหน้านี้เราดูรูปในรีวิวต่างๆ มีบันไดขึ้นเขาเป็นขั้นๆ ทำจากไม้เทียมที่ทางจังหวัดตั้งใจปรับปรุงใหม่เพื่อให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมทัศนียภาพได้ง่ายขึ้น จึงชวนศิษย์เก่าที่เป็นเจ้าถิ่นไปเป็นเพื่อน เขาก็อาสาพาไปโดยบอกว่าตัวเองก็ไม่เคยขึ้นไปเช่นกันตั้งแต่ปรับปรุงใหม่ แต่เพราะเขาเป็นคนชอบออกกำลังกายและยังหนุ่มยังแน่น ฉะนั้นการเดินขึ้นเขาแนวตั้งต้านแรงโน้มถ่วงในครั้งนี้จึงไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อเขามากนัก

หันกลับมาทางเรานี่สิ เดินไปบ่นไปตั้งแต่ห้าสิบขั้นแรกแล้วว่า “หาเรื่องทำไมวะเรา?” เพราะเริ่มหอบเหนื่อยหายใจไม่ทัน

เดินต่อไปเป็นร้อยขั้นก็บ่นอุบอีกว่า “ไอ้พวกที่มันคิดจะไปปีนเขาเอฟเวอร์เรสเนี่ย คิดอะไรอยู่ แค่นี้ก็จะตายอยู่แล้ว” เพื่อนร่วมทางวัยหนุ่มก็หัวเราะในสังขารของเรา ทั้งจิบน้ำทั้งดมยาดม

“อยากมาเองนะครับ” อืม...อันนี้จริง เถียงไม่ออก “แต่เราขึ้นมาครึ่งทางแล้ว ก็ไม่ควรกลับลงไปแล้วนะครับ” อันนี้ก็จริงอีก ทั้งที่เราจะหายใจทางผิวหนังอยู่แล้ว เพราะทางจมูกและปากไม่พอ แต่ใจบอกว่า “สู้สิวะอีหญิง!”

ส่วนคนที่เดินตามๆ กันมาแซงไปหมดแล้ว เขาคงมาเป็นกิจวัตรและเป็นสถานที่ออกกำลังกายของเขา แต่มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเรา เราจึงแต่งตัวเหมือนมาเที่ยวมากกว่ามาออกกำลังกาย บางคนถามเราว่า “เพิ่งมาครั้งแรกใช่ไหมครับ” คงดูจากสภาพการแต่งกายนั่นแหละ

ยังดีที่มีจุดให้พักนิดหนึ่ง เป็นถ้ำเล็กๆ มีพระพุทธรูปให้หยุดสักการะบูชาได้บ้าง ขณะที่เราเองขอหย่อนก้นพักขาสักหน่อย ให้หายใจหยุดสูบฉีดสัก 15 นาที ก่อนจะไปต่อ
ขณะที่เดินขึ้นไปเรื่อยๆ ก็มีคนทยอยเดินสวนกลับลงมาแล้ว เราถามพวกเขาว่า “อีกไกลไหมกว่าจะถึงยอด”

แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่ก็มักจะพูดปลอบใจคนที่กำลังสิ้นหวังอย่างเราว่า “ไม่ไกล ประมาณ 200 เมตร”

เชื่อไหมว่า เมื่อได้ยินคำว่า 200 เมตรสำหรับเราชิลล์มาก เดินออกกำลังกายเกือบทุกวันยังเป็นสองสามกิโลเลย แต่ลืมไปว่า 200 เมตรที่นี่คือแนวตั้ง ไม่ใช่แนวราบอย่างที่เคยเดิน เมื่อคิดอีกที เฮ้ย! ตั้ง 200 เมตร อีกกี่ขั้นวะ???

แต่จริงๆ ระหว่างทางที่เดินขึ้นไป มันก็พอให้เราได้เห็นมุมสูงของเมืองเลยได้แล้วนะ แต่แค่ยังไม่ครบ 360 องศาเท่านั้นเอง จะถอดใจก่อนทำไมล่ะ

เราใช้เวลาขึ้นไปยังยอดภูบ่อบิดเพื่อพิสูจน์อะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าเรื่องความแก่หรือความแกร่งกันแน่ สตาร์ทตั้งแต่ประมาณ 5 โมงเศษ ไปถึงยอดประมาณหกโมงเศษก็ประมาณ เกือบๆ หนึ่งชั่วโมงจากที่เดินๆ หยุดๆ บ่นๆ ขณะที่คนที่เขามาบ่อยๆ เป็นว่าเล่นคงใช้เวลาเพียงครึ่งชม.เห็นจะได้ คาดว่าเราคงเดินขึ้นมาแล้วร่วมๆ พันขั้นหรืออาจจะมากกว่า

นอกจากวิวภูเขารายล้อม 360 องศาแล้ว อากาศข้างบนยังเย็นสบายด้วยเมื่อเทียบกับข้างล่างที่ออกจะร้อนในวันนั้น รีบสูดออากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด เพราะอีกไม่นานเราก็ต้องเดินกลับลงไปอีกแล้ว

พื้นที่บนยอดภูไม่กว้างนัก ไม่สามารถทำกิจกรรมอะไรได้นอกจากชมวิว และถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ยิ่งมาในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว คนก็ไม่แย่งพื้นถ่ายรูปสักเท่าไร

มองไปอ่านป้ายที่ปักไว้ว่า ยอดภูสูงจากระดับน้ำทะเล 520 เมตร แม้จะแค่ครึ่งกิโลเองนะ แต่เป็นครึ่งกิโลที่เรียกได้ว่า คนที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนเลย อาจตายได้
ศิษย์เก่าเพื่อนร่วมทางถามว่า “คิดว่าคุ้มค่าเหนื่อยไหมครับ”

เราว่า “มาตอนเย็นไม่มีแดด ได้เจอบรรยากาศดีๆ แบบนี้ก็นับว่าคุ้มอยู่นะ แต่ต้องใช้เวลาชมให้เต็มที่ไม่รีบร้อนพอให้หายเหนื่อยก่อน แต่ให้มาอีกครั้งคงไม่เอาแล้ว ขอเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตก็พอ”

ขอออกตัวก่อนเลยเพราะในวัยแกร่งที่แข้งขาไม่ได้มีพละกำลังมากมายนัก ปีนขึ้นเขาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว ดีแค่ไหนที่คืนนั้นไม่กลับไปนอนปวดกล้ามเนื้อขา
แต่ถามว่าอยากแนะนำเป็นเสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองเลยไหม ก็ไม่ติดนะ หากใครที่ชอบแอดเวนเจอร์ หรือท้าทายสมรรถนะตัวเอง ลองมาได้ค่ะ เรื่องวิวไม่ผิดหวัง แต่ต้องเตรียมพร้อมร่างกายมาอย่างดี ขับถ่ายทุกอย่างให้เรียบร้อย ข้างบนไม่มีห้องน้ำ ติดน้ำขวดเล็กๆ ไว้สักขวดเผื่อกระหาย ยาดมด้วยก็ดี ใส่รองเท้าผ้าใบที่ใส่สบายๆ แต่งกายทะมัดทะแมงหน่อย และควรไปเวลาเช้าตรู่เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นลงมาก่อนแปดโมง หรือไปตอนห้าโมงเย็นชมพระอาทิตย์ตก ลงมาตอนสักหกโมงครึ่งก่อนฟ้าจะมืด (เพราะที่ทำการจะไล่นักท่องเที่ยวลงก่อนหนึ่งทุ่ม) กำลังเป็นเวลาพอดีๆ สบายๆ
หากจะมาช่วงหน้าหนาว สว่างช้า มืดเร็ว ก็ต้องกะเวลาให้ดีๆ และการเดินขึ้นเขาหน้าหนาวก็จะเหนื่อยกว่าปกติ แต่เชื่อว่าบนยอดภูคงเต็มไปด้วยหมอกและหนาวเย็นสมเป็นเมืองหนาวแน่นอน

ขาลงจากภูไม่มีปัญหา เราเดินทางกันอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวจะมืดและชักจะหิวข้าวหลังใช้พลังงานไปเยอะ เผาผลาญกันไปหลายแคลลอรี่ เป็นการเที่ยวที่ไม่คิดจะทำในวัยนี้เลย แต่ก็เผลอทำไปแล้ว สำเร็จแล้วด้วยสิ

การเลือกไปเที่ยวป่าเขาอย่างภูบ่อบิดในช่วงกลางหน้าฝนราวเดือนสิงหาคมก็มีเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งโดยเฉพาะวันที่มีฝนนิดๆ ฟ้าครึ้มหน่อยๆ และขาดไม่ได้เลยคือเลือกเพื่อนร่วมทางที่พอจะช่วยลากสังขารเราไปด้วยได้ เป็นเพื่อนคุยเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับจุดหมายปลายทางที่อยู่ข้างหน้า เพลินๆ แวะถ่ายรูปกันบ้าง ทนฟังเราบ่นไปได้ตลอดทาง พยายามมองอุปสรรคให้เป็นเรื่องตลกกันไปแทน

ขณะเดียวกันสิ่งที่เรารับรู้ได้หลังจากการเดินขึ้นเขาคราวครั้งนี้ก็คือ ข้อเข่าเรายังไหวอยู่แฮะ แปลว่ายังไม่แก่นักสินะ






















































Create Date : 14 ตุลาคม 2566
Last Update : 14 ตุลาคม 2566 10:38:32 น. 0 comments
Counter : 386 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว


ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Alex on the rock
Location :
มหาสารคาม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




Blog นี้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เป็นความเห็นส่วนตัว ผู้อ่านอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อเขียนใน Blog กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพและเคารพสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญของเจ้าของ Blog ด้วย หากผู้อ่านที่แสดงความคิดเห็นไม่อาจจะปฏิบัติตามนี้ได้ เจ้าของ Blog สามารถลบความคิดเห็นของท่านโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ
[Add Alex on the rock's blog to your web]