ปั๊ม(ลูก)น้อง(ชาย)เฮียกี๋
เคยดูหนังเจ้าพ่อฮ่องกงกันไหมคะ ที่ลูกพี่ตัวเก๋า มีลูกน้องตัวแสบที่มันทั้งรักทั้งบูชาลูกพี่มัน แต่มันก็ก่อปัญหาให้ลูกพี่ต้องตามล้างตามเช็ดตลอดเวลา ลูกพี่ที่ทั้งอิดหนาระอาใจทั้งปวดหัวแต่จะทำไงได้ ก็มันดันเป็น น้องชาย มากกว่า ลูกน้อง เรื่องราวระหว่าง พี่กี๋และปั๊ม.........มันก็เดินทางมาในเส้นทางนี้ไม่ผิดเพี้ยน
เราไม่ค่อยเจอะเจอเด็กผู้ชายคนไหนที่จะยอมรับหน้าตาเฉยว่าตัวเอง เลียนแบบ ผู้ชายในวัยไม่ห่างกันบ่อยครั้งขนาดนี้ ถึงแม้จะเห็นเขาเป็นแม่แบบแต่ก็มักเก็บเอาไว้ไม่ป่าวประกาศออกมา คำว่า ก็ปั๊มเลียนแบบพี่กี๋ โดนเจ้าปั๊มลั่นออกมาให้ได้ยินบ่อยครั้ง ทำเอาพี่ชายนั่งทำหน้าปลื้มปนปุเลี่ยนๆ ทำตัวไม่ถูกสักครั้ง จึงไม่น่าแปลกใจที่เหล่าบรรดาแฟนคลับของเฮียกี๋ถึงได้บ่นกันงึมงัม ว่าเลิกสปอยด์น้องให้เด็กมันเสียคนสักทีสิเฮีย
โลกมันกลมอย่างเหลือเชื่อกับเด็กผู้ชายสองคนนี้ พี่สาวคนสวยมากของปั๊มรู้จักและเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับพี่กี๋ เรื่องที่เปิดเผยออกมาราวมีความนัย เมื่อพี่กี๋เล่าให้ฟังว่าเคยเจอปั๊มครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วตอนที่ปั๊มยังเด็กกว่านี้ เจอกันตอนไปกินข้าวด้วยกัน แต่......ปั๊มมันไม่ทักทายพี่กี๋สักคำ ก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่ยอมแม้แต่จะมองหน้า (มีทริคให้จับความนัย...ปั๊มเป็นที่เลื่องชื่อของการหวงพี่สาว หวงมั่กมาก หวงจนขึ้นชื่อลือชา)
เรื่องก่อนเข้าบ้านที่รับรู้มาว่าในรุ่นนี้จะมีเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่ติดสอยห้อยตามกันไปทุกที่ คือ กี๋ ปั๊ม แต็บ เบนซ์............สนิทกันเสียจนโดนเรียกเป็นกลุ่มสี่กุมาร จนท้ายสุดเกิดเรื่องราวการจับกลุ่ม การตีกลุ่มจนแตกจากการหลุดออกไปจากรายการทีละคนสองคน จนเหลือแค่..........กี๋กับปั๊ม สองพี่น้อง จากแรกที่อาจมองไม่ค่อยเห็นชัดนัก เพราะด้วยวัย ด้วยเรื่องราวบางอย่างที่เกี่ยวกับหัวใจที่ทำให้ปั๊มดูจะมีเรื่องพูดคุยกับแต็บมากกว่า แต่เพียงแค่แต็บต้องหลุดออกไปจากบ้านแบบไม่คาดฝัน เราจึงเห็นเจ้าลูกหมาตากลมเดินตามพี่ชายมันต้อยๆ เดินขึ้นบันได เข้าห้อง ลงบันไดไม่ยอมให้ห่าง เดินตามเหมือนเอาพี่เป็นหลักยึดในช่วงเวลาที่มันเสียศูนย์อย่างแรง ซึ่งถ้าเราเป็นพี่กี๋ ก็คงอดไม่ได้จริงๆที่จะต้องคอยเอาใจมัน ตามใจมัน เป็นห่วงเป็นใย ซึ่งจะดูมากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆทุกวีค เพราะปั๊มมันแสดงออกชัดถึงความไว้วางใจ เห็นเป็นที่พึ่งที่มอบให้เห็นอย่างชัดเจน ทั้งๆที่บางครั้งตัวพี่กี๋เองก็มีปัญหาของตัวเองต้องรับมืออยู่ไม่ต่างกัน แต่ก็ยังต้องปลีกเวลามาช่วยเหลือน้องคนนี้อย่างเป็นปกติของชีวิต
สารพันเรื่องราวที่พี่กี๋ต้องคอยเป็นที่ปรึกษา ที่ต้องคอยมอบความเข้าใจ พี่กี๋คือ ฮีโร่ของปั๊ม เห็นชัดมากกับการแสดงออกที่แสนจะเปิดเผย ไม่เคยปิด ชื่นชมออกนอกหน้ากับโชว์ทุกครั้งของพี่ชาย แต่พี่กี๋ก็เป็นฮีโร่ที่ต้องแสนเหนื่อยกับปัญหาที่ถูกโยนเข้ามาตลอดเวลาไม่มีวันหยุด แต่...เราก็ไม่เคยเห็นพี่กี๋ตีสีหน้าเบื่อ รำคาญหรือฝืนใจที่คอยช่วยเหลือเจ้าน้องชายคนนี้ (ที่ถ้าเป็นเรา ปั๊มมันคงโดนไปหลายดอกแล้ว อดไม่ไหวหรอก)
เวลานอกเหนือจากการคอยแก้ปัญหาให้ปั๊ม พี่กี๋ก็แปลงกลายเป็นลูกพี่ตัวเอ้ที่คอยจับโอกาสที่ลอยมาเพื่อหาสารพัดวิธีแกล้งน้องๆ โดยมีลูกคู่เป็นลูกน้องตัวแสบช่วยเหลือไม่ห่างกาย การสุมหัวกันคิด หัวเราะคิกคักเมื่อหาวิธีการได้ และเมื่อลูกพี่ลงมือ ผลสำเร็จที่ตามมาก็มักจะมีเสียงแหลมแหวกอากาศออกตัวอย่างแรงจากลูกน้องจอมทรยศ ว่า ปั๊มไม่เกี่ยว พี่กี๋ทำเอง ไม่เกี่ยวกับปั๊ม ทั้งๆที่ก็เห็นอยู่ว่าเป็นคู่หูคู่คิดกันมาตั้งแต่ต้น
จนมาถึงลูกพี่โดนดัดหลังจากปรมาจารย์ ที่ใช้ให้ใครทำก็ไม่สะใจเท่ากับการโดนหักหลังจากลูกน้องคนสนิท เมื่อกี๋ต้องแทบวิ่งตามดับอารมณ์ที่ปั๊มมันลั่นหลังจากโดนวิจารณ์อย่างหนักจากบรรดาว้อยซ์เทรนเนอร์ ตามมาปลอบกันที่ห้องน้ำชาย ปั๊มนอยด์จะออก บอกพอแล้ว ไม่ไหวแล้ว ทำเอาพี่กี๋พลิกตำราปลอบใจแทบไม่ทัน ถ้าปั๊มมันใจกล้า ดัดหลังพี่กี๋มากกว่านี้ตามคำสั่งที่ให้ลากกระเป๋าทำเป็นออกจากบ้านจริงๆ เราคงเห็นอีกหลายซีนอารมณ์จากลูกพี่ที่ร้อนใจแทบตาย แต่เมื่อเป็นลูกน้องกันมาตลอด ใจปั๊มมันจึงไม่กล้าพอ ยอมหยุดเอาดื้อๆ การไล่เตะก้นจึงเกิดให้เห็นพร้อมเสียงเรียกหาคนทรยศดังคู่กับคำขอโทษออกตัวอย่างแรง(อีกแล้ว)ของเจ้าน้องชาย
เมื่อถึงเวลาที่ทั้งพี่ชายและน้องชายเจอะเจอปัญหาอย่างหนักทั้งคู่กับวีคเพลงสากล ที่ต่างฝ่ายก็ไม่มีใครช่วยใครได้ จึงมีบางเวลาที่ปั๊มมันจะไม่ร้องขอ ปลีกตัวออกไปสู้กับปัญหาของตัวเองเงียบๆ แต่พี่กี๋ก็มักจะมองเห็น และจะก้าวเข้าไปเหมือนให้น้องชายคนนี้รับรู้ว่า ยังมีพี่คนนี้อยู่ใกล้ๆ โดยไม่ต้องพูดสักคำ เพราะมันเป็นปัญหาที่เจ้าตัวต้องแก้ไขด้วยตัวเองซึ่งคนอื่นเข้าไปช่วยไม่ได้ บางทีแค่เข้าไปนั่งเป็นเพื่อนตบให้จังหวะ ที่น้องชายคนนี้มีปัญหาเรื่องการจับกรูฟของเพลงอย่างแรง ถือเป็นความใส่ใจเล็กๆน้อยๆที่พี่กี๋ทำให้กับปั๊มที่ก่อความประทับใจมากมาย
ตั้งแต่วีคแรกเรื่อยมาจนถึงเกือบท้ายสุด หลายต่อหลายครั้งที่พี่กี๋เข้าไปมีส่วนร่วมกับปัญหาบ้าบอของปั๊มจนทำให้ตัวเองโดนหางเลขไปด้วยอย่างหนีไม่พ้น มีสิ่งหนึ่งที่พี่กี๋ไม่เคยทำคือพี่กี๋ไม่เคยเมินปัญหาของปั๊ม เพื่อเพลย์เซฟให้กับตัวเอง (อาจมีการขอแย้งว่าเด็กไม่รู้กระแสนอกบ้าน...หึ หึ หึ การจะให้เด็กรู้กระแสทำได้ไม่ยาก มีช่องให้ทำมากมาย...นะจะบอกให้)
เราจึงไม่แปลกใจที่ปั๊มตอบคำถามอาต้อยเรื่องพี่กี๋ในวีคที่ 11 ว่า...ถ้าไม่มีพี่กี๋ ปั๊มคงนอยด์มากไปกว่านี้ และ...ปั๊มอยากให้พี่กี๋เป็นพี่ชายจริงๆของปั๊ม ....ทำเอาพี่ชายที่ชอบเก็บความรู้สึก เก็บความเขินไว้ไม่มิด และก็เพราะน้องชายมันเปิดเผยความรู้สึกขนาดนี้ พี่กี๋ถึงไปไหนไม่รอด คงต้องคอยตามช่วยมันไปอีกนาน
มาถึงเรื่องการเลียนแบบพี่กี๋ของปั๊ม ดูจะเริ่มเปิดเผยมาให้เห็นชัดเจนในวีคที่ปั๊มมันร้องเพลง อยากบอกว่ารักเธอ ตอนที่ออกมาร้องให้ครูรักดูอารมณ์เพลง แล้วปั๊มมันเอามือข้างที่ไม่ถือไมค์ยกมาทำเป็นหงิกๆงอๆข้างตัว จนโดนครูรักตำหนิ แล้วพูดด้วยความไม่เข้าใจว่า เมื่อก่อนก็ไม่เห็นเคยเป็นแล้วอยู่ดีๆมันมาจากไหน ปั๊มก็ตอบซื่อๆว่า ปั๊มจงใจทำ ทำเอาครูรักไม่เข้าใจยกกำลังสองว่าแล้วจะทำไปทำไม ถึงปั๊มจะไม่ได้อธิบายต่อ แต่เรารู้ดี นี่คือท่าทางของพี่กี๋ของมันที่ติดตัวมาเวลาร้อง ที่ถูกบรรดาเทรนเนอร์เรียงหน้ามาตำหนิและให้ปรับแก้มาตลอด แต่เจ้าน้องชายดันมองเห็นเป็นความเท่ห์ที่ขอเลียนแบบ
ท่าทางการใช้ไมค์ การยกไมค์ทางสูงขึ้นไปเจอจมูกเพื่อลดระดับความแรงของเสียง ก็ทำเอาสองพี่น้องกลายเป็นแฝดคนละฝาไปโดยปริยาย
วันหนึ่งก็โดนเพื่อนๆสังเกตเห็นตอนที่นั่งกินอาหารกัน ท่าทางของกำปั้นที่นิ้วโป้งยื่นชี้ออกมาเหมือนเป็นหัวไมค์ ทำเอาเพื่อนๆทักว่าเหมือนกับท่าทางพี่กี๋ เจ้าน้องชายพี่กี๋คนนี้ก็ยอมรับหน้าตาเฉยว่า ก็ปั๊มเลียนแบบพี่กี๋มา แบบไม่มีอาย พูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติทั่วไป แถมมีการเตือนเพื่อนคนอื่นว่าอย่าทำ ถ้าทำแล้วมันจะติดจริงๆนะ (แล้วใครมันจะอยากเลียบแบบว้า...ปั๊มเอ๊ย ทาทางมันประหลาดจะตาย มีเราคนเดียวแหล่ะที่เห็นว่ามันเท่ห์ควรค่ากับการเลียนแบบ)
การเลียนแบบพี่กี๋ยังมีมาต่อเนื่อง วีค11ที่หนักหนาสากรรจ์กับโจทย์เพลงสากลคนละสามเพลง ปั๊มที่นั่งสะกดทีละคำกับครูปุ้ม ครูใหญ่ที่ต้องมารับเลี้ยงมันเป็นลูก เมื่อโดนครูปุ้มทักว่า ปั๊มดูจะมีลูกคอขึ้นมา การซักถามก็ได้รับคำตอบเหมือนๆเดิม คือ...ปั๊มเลียนแบบการร้องลูกคอแบบพี่กี๋(อีกแล้ว) พี่กี๋สอนให้เกร็งคอเพื่อสร้างลูกคอขึ้นมา
..........ลูกเลียนแบบพี่กี๋นี่ มันมีมาไม่ขาดสายจริงๆ
แม้ว่าตลอดระยะเวลาที่อยู่ในบ้าน ปั๊มจะสร้างปัญหาให้คนรอบข้างคอยวุ่นวายใจไปกับมันเสมอมา มันทำให้เผยอีกสิ่งที่น่าชื่นชมคือ เพื่อนไม่เคยทิ้งกัน ไม่ว่าปัญหามันจะหนักหนาหรือไร้สาระแค่ไหน โดยเฉพาะ กี๋ ที่พยายามเสมอที่จะคอยดึง คอยฉุดน้องชายตัวยุ่ง(ยากมาก)ให้ก้าวเดินต่อไป ทั้งๆที่จริงๆแล้วตัวกี๋เองถึงจะอายุมากที่สุดในบ้าน แต่ในชีวิตจริงก็เป็นแค่น้องชายในครอบครัวตัวเอง แต่กี๋ก็ยังสามารถเป็นหลักที่มั่นคงให้น้องในบ้านได้ดีเท่าที่ประสบการณ์ชีวิตมีมา
และเมื่อมองอีกมุม ถ้ากี๋ไม่มีปั๊ม แม้อาจไม่ต้องพลอยซวยหรือพลอยกลุ้มใจกับหลากปัญหาบ้าๆบอๆ แต่กี๋ก็จะขาดเพื่อนในฐานะน้องชายไว้คอยพูดความในใจ ไว้คอยเข้าใจความรู้สึกโดยไม่ต้องพูดสื่อสารกัน ปั๊มก็ทำให้เราชื่นชมกี๋มาก มากกว่าตอนแรกๆที่ได้เริ่มรู้จัก (ขอสารภาพความจริง คือ แทบไม่มองเลยด้วยซ้ำ..ขอโทษจริงๆ) และถ้าไม่มีปั๊ม เราคงไม่หันมาเห็นตัวตนบางอย่างของกี๋ที่ถูกบังด้วยท่าทางกวน... หลอกตาจนไม่อยากเสียเวลารู้จักกี๋ให้เพิ่มขึ้นไปจนจบซีซั่น
หลังจากผ่านมาอย่างสะบักสะบอมทั้งสองพี่น้องในวีคเพลงสากล เราได้เห็นความน่ารักที่ทำให้ต้องอมยิ้ม เมื่อเด็กสองคนมาเรียงVของเพื่อนที่ออกไปก่อน หยิบกระป๋องเป๊บซี่มาเรียงตัวเลข ก็เรียงกันมาตามแต่จังหวะ พอมาถึงเลขสี่ ปั๊มเดินไปหยิบกระป๋องที่โต๊ะ กลับเรียงเลขหก แล้วเว้นที่เลขห้าไว้ให้พี่กี๋เป็นคนเรียง พอเรียงมาจนกระป๋องหมดต้องเดินไปเอาเพิ่มที่ตู้เย็น พี่กี๋ก็เอากระป๋องมากองทิ้งไว้ ให้น้องชายกลับมาเรียงเลขสิบหก โดยที่เด็กสองคนไม่ต้องพูด ไม่ต้องหันมาส่งความนัยกันเลยแม้แต่นิดเดียว
พอกลางดึก เด็กสองคนที่ไม่ยอมหลับยอมนอน มานั่งคุยกันสารพัดเรื่องราว ที่ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะผ่านมาด้วยกัน คุยถึงความผิดพลาด คุยปรับทุกข์กับเรื่องราวต่างๆ ชื่นชมความสามารถของเพื่อนๆที่ออกไปก่อน จนไปถึงความแปลกใจที่ตัวเองยังอยู่จนถึงวีคสุดท้าย คุยถึงการโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น คุยแม้กระทั่งว่า เพิ่งรู้ว่าความเครียดแบบผู้ใหญ่จริงๆเป็นยังไง คุยในแบบฉบับที่ต่างคนต่างคอยช่วยเหลือดูแลให้ผ่านพ้นเรื่องราวมาด้วยกัน คุยแบบงงๆแบบเด็กผู้ชายว่าต้องหาวิธีเข้าไปพูดคุยกับหนึ่งสาวที่ไม่ค่อยพูดที่หลงเหลืออยู่ในบ้าน เป็นการพูดคุยที่ผ่อนคลาย ทำให้คนแอบฟังอย่างเรารู้สึกสบายใจ หลังจากดูรายการซีซั่นนี้มาด้วยความเหนื่อยในอารมณ์มาอย่างยาวนาน
และนี่ล่ะคือหนึ่งในคำตอบ ของคำถามที่ว่าทำไมแฟนคลับจึงยอมซื้อเวลาให้นักล่าฝันที่ความสามารถเทียบชั้นนักล่าฝันคนอื่นๆไม่ได้ หรือทำโชว์ของตัวเองพลาดหรือห่วยเกินจะบรรยาย นอกจากเพื่อซื้อโอกาสให้ตัวเองได้เห็นนักล่าฝันให้นานเท่าจะเป็นได้ ก็คือการซื้อโอกาสให้เด็ก ให้เด็กได้พัฒนา ได้แก้ตัว ได้ให้คนอื่นมองเห็นเด็กในแง่มุมอื่นๆเพิ่มขึ้น ในใจของแฟนรายการหลายๆคนที่ดูมาจนปรุโปร่ง เข้าใจในเกมนี้ดี มันมีความคาดหมาย คาดหวังลึกๆ ยอมเสี่ยงหมดหน้าตักทั้งๆที่รู้ว่าขาอีกข้างถ้าพลาดก็จะตกไปตาย ก็คือ คาดไว้ว่า สักวันคนที่ไม่เข้าใจจะมองเห็นบางสิ่งในตัวเด็กที่เขารัก หรืออาจแค่ยอมรับ ยอมที่จะเข้าใจ พร้อมยอมเสี่ยงกับอีกด้านที่นักล่าฝันจะถูกคนเกลียดเพิ่มขึ้นตามกาลเวลาเช่นกัน
หรือสุดท้ายแล้วมันเป็นแค่........ยอมแพ้ไม่ได้ หรือเปล่านะ
รายการAFมันเป็นเกม.....เกมช่วงชิงเวลาของบรรดาแฟนคลับ ระยะเวลาที่เด็กคนไหนก็ตามได้อยู่ในบ้าน ไม่ว่าจะเด็กคนนั้นจะย่ำแย่แค่ไหนก็ตาม มันมีความจริงสิ่งหนึ่งอยู่ตรงนั้นคือ ยิ่งอยู่นานแค่ไหนยิ่งได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น เพราะมีสิ่งหนึ่งที่ปฏิเศษไม่ได้ก็คือ ระยะเวลาจะทำให้เด็กคนหนึ่งนั้นมีคนที่รักเขาเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าในอีกด้านหนึ่งอาจจะมีคนที่เกลียดมากตามมาเหมือนกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราเชื่อมั่นคือ เมื่อเวลาผ่านไป คนเรายอมอยู่กับความรัก มากกว่าที่จะจมอยู่กับความเกลียด
บางทีเราอยากถามใครหลายต่อหลายคนเหลือเกินว่า ถามจริง เหนื่อยไหมกับการเก็บความเกลียดชังใครสักคนเอาไว้ สนุกเหรอกับการระบายความเกลียดชังในจิตใจสาดใส่คนรอบข้าง เพราะจริงๆแล้วความเกลียดนั้น มันทำลายตัวคุณเองมากกว่าตัวคนที่คุณเกลียด รู้บ้างไหมนะ ความเกลียดมันกัดกินความเป็นตัวตนของเราลงไปทีละน้อย จนในที่สุดคนที่เราเกลียดที่สุด คือ ตัวเราเอง
ตอนเด็กๆเราเดินทางท่องเที่ยวโดยรถยนต์บ่อยมาก ระยะเวลาการเดินทางกลับมักเป็นเวลาย่ำค่ำ เราชอบมองไปที่ข้างทาง เมื่อผ่านบ้านเรือนที่เรียงราย แสงไฟแต่ละบ้านค่อยๆกระพริบสว่างไล่ตามกันมา ควันไฟลอยอ้อยอิ่งเป็นฉากหลัง บ้านทุกหลังราวกับมีชีวิต กระซิบทักทายตามรายทาง
เราจึงมักมีคำถามหนึ่งที่กระซิบถามกลับในใจ ...คนในบ้านหลังนี้เป็นคนยังไงนะ เขาอยู่กับใคร ใช้ชีวิตยังไง ตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ ดูโทรทัศน์หรือว่านั่งกินข้าว คุยกันเรื่องอะไร ทำไมเราถึงไม่รู้จักเขาล่ะ ทำไมเราถึงเห็นแต่ตัวเราที่นั่งอยู่ตรงนี้ แต่ไม่รู้จักคนที่เราได้ผ่านมาผ่านไป เรานั่งมองผ่านกระจกเงียบๆไปตลอดเส้นทางการเดินทาง มองเหมือนจะให้ทะลุผ่านเข้าไป เพื่อหาคำตอบ แล้วอารมณ์นั้นมันกดให้เราเหงาอยู่ลึกๆเสมอทุกการเดินทาง
น่าแปลกไหม ความคิดพวกนี้ติดตัวเรามาตลอดมาตั้งแต่ที่เรายังเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกอยู่เลย เมื่อเรามองย้อนกลับไป นี่คงเป็นคำตอบว่า ทำไมเราถึงได้ชอบรายการเรียลลิตี้โชว์รายการนี้นักหนา
รายการอคาเดมี่ แฟนเทเชีย มันตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นที่ติดในกมลสันดานของตัวเราอยู่นั่นเอง
Create Date : 30 กรกฎาคม 2551 |
|
7 comments |
Last Update : 30 กรกฎาคม 2551 10:15:14 น. |
Counter : 664 Pageviews. |
|
|
|