วัตถุประสงค์   -   เพื่อสอนให้รู้ว่า พระวิญญานทรงเป็นบุคคลที่สามในพระเจ้าผู้ทรงเป็นตรีเอกานุภาพ และให้นร.เข้าใจถึงความเป็นพระเจ้าของพระวิญญานบริสุทธิ์

ข้อท่องจำ   -    เหตุว่าความรักของพระเจ้า ได้หลั่งเข้าสู่จิตใจของเรา โดยทางพระวิญญานบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เรา (โม  5:5)

เมื่อเอ่ยถึงพระวิญญาน เราไม่ได้พูดถึงภูติผีปีศาจแต่เป็นการบอกให้ทราบถึง ตรีเอกานุภาพของพระเจ้า อันประกอบด้วย พระเจ้า(พระบิดา)  พระบุตรและพระวิญญานบริสุทธิ์  ซึ่งมีอำนาจเที่าเทียมกันหมด พระวิญญานบริสุทธิ์ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง สถิตย์อยู่ทุกหนแห่ง มีฤทธิ์อำนาจและเป็นอมตะ 

ให้เรานึกถึงน้ำแข็ง ซึ่งมีสามสถานะอยู่ในตัว หรือน้ำร้อนที่เป็นไอ  วิชาวิทยาศาสตร์จะช่วยอธิบายถึงจุดเดือด จุดแข็งของน้ำได้ ว่า นี่คือน้ำแต่อยู่ในสถานะที่ต่างกัน

พระลักษณะสูงสุดเหนือสิ่งใดของพระเจ้า ดูฮิบรู9:14 คือพระเจ้าเป้นอยู่นิรันทร์กาล วานนี้ วันนี้และพรุ่งนี้ พระเจ้าทรงสัพภัญญูคือทรงรอบรู้ทุกสิ่ง ทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต (สดด.139:7,8) 

..........................................................................................................................

พระเจ้าคือผู้ใด :  พระเจ้ามีสามพระภาคคือ พระบิดา พระบุตรและพระวิญญานบริสุทธ์  ซึ่งเราเรียกว่า ตรีเอกานุภาพ ทรงทำราชกิจต่างกันแต่มีความเป็นพระเจ้าเหมือนกันทุกประการ

มีการกล่าวถึงพระเจ้าในตรีเอกานุภาพหลายครั้งเช่น  

- ตอนที่พระเยซูรับบัสติสมา ที่ยอห์น บัพติสโตได้ให้บัพติสมาแก่พระเยซู ในเวลานั้นเอง พระวิญญานบริสุทธ์เสด็จมาประทับบนพระเยซู รูปร่างคล้ายนกพิราบและมีเสียงดังมาจากสวรรค์ว่า ท่านผู่้

นี้เป็นบุตรของเรา  เสียงนั้นนคือเสียงของพระบิดา   ในเวลานั้น ตรีเอกานุภาพได้มาปรากฎพร้อมกัน

คำว่าสามเป็นหนึ่ง อาจเข้าใจยาก จึงได้ยกตัวอย่างเรื่องของน้าที่เป็นทั้งน้ำที่เหลว น้ำแข็งและไอน้ำ

หรือไข่ดิบเมื่อทุบออกมาจะมีทั้งเปลือกไข่ ไข่ขาว ไข่แดง รวมกัน

บางตอนเราจะพบว่า มีการเปรียบเทียบพระวิญญานบริสุทธิ์เป็น เหมือน ลม นำ้ ไฟ น้ำมัน แต่ไม่ได้มีความหมายตรงๆแบบนั้น เป็นเพียงคำพูดเปรียบเทียบ  เช่นพระเยซูทรงตรัสว่า ทรงเป็นทิพย์อาหาร  เป็นพลับพลึงแห่งภูผา ดอกกุหลาบแห่งชารอน

การใช้สัญญลักษณ์เปรียบเทียบพระวิญญานบริสุทธิ์ เป็นการอธิบายให้เราเข้าใจได้ดีขึ้น เช่น 

-การปรากฎเป็นไฟในพระคัมภีร์เดิม  หมายถึงการทรงสถิตย์ของพระเจ้า เช่นพุ่มไม้ที่โมเสสเห็นพระเจ้า

-เสาไฟ  ที่นำอิสราเอลตอนหนีภัยจากอียิปจ์

-ในพระคัมภีร์ใหม่ ที่ การสถิตย์ของพระเจ้ามีลักษณะเป็นไฟเหมือนลิ้น ในวันเพนเทคอส เมื่อพระวิญญานบริสุทธ์เสด็จลงมาบนผู้เชื่อตามคำสัญญาของพระเยซู

ตามที่อ.เปาโลได้พูดใน 1 คธ. บทที่ 12   เป็นสิ่งสำคัญที่เด็กประถมปลายควรจะเข้าใจว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์สามารถใช้ชีวิตของเขาได้หลายๆอย่างๆ เมื่อยอมให้พระองค์เต็มล้นอยูในชีวิตของเขาทั้งหลาย 

กลุ่มที่เชื่อเรื่องฤทธิ์เดชก็เน้นเรื่องของประทาน อย่างมากกว่าของประทานอื่นๆ โดยขาดความเข้าใจ  ขอให้อ่านเรื่องของประทานแต่ละอย่างใหมีความสำคัญเท่าเทียมกันและเป็นไปตามแผนการณ์ของพระเจ้าทุกอย่าง   อยากจะหนุนใจให้นักเรียนแสวงหาพระเจ้าและเปิดใจให้พระเจ้าทรงใช้ตามการทรงนำของพระองค์  

เราลองนึกุึงภาพจิ๊กซอร์ แต่ละตัวก็มีความหมายมีความสำคัญเฉพาะของแต่ละภาพด้วยตัวของมันเอง หากขาดชิ้ใดภาพก็จะไม่สมบูรณ์  เช่นกันกับของประทานฝ่ายวิญญานแต่ละอย่างมีความสำคัญเท่าเทียมกันและเป็นส่วนหนึ่งของประทานส่วนหนึ่งของของประทานทั้งหมด

พระวิญญานบริสุทธิ์ทรงเป็นผู้หนุนใจทำให้สำนึกความผิดบาป ทรงนำพา ทรงชำระให้เราบริสุทธฺ์ เรารู้ว่าพระวิญญานบริสุทธฺ์เป็นของประทานจากพระบิดา เราได้ศึกษาถึงเหตุการณ์ต่าๆที่เกิดขึ้นเมื่อพระองค์เสด็จมาเราได้เรียนรู้เรื่องการบัพติสมาในพระวิญญานและฤทธฺ์อำนาจที่อยู่ในชีวิตของเรา เมื่อเต็มไปด้วยพระวิญญาน  

ของประทานฝ่ายวิญญานมี ๙ อย่างที่กล่าวในพระคัมภีร์ เรามาศึกษาแต่ละอย่างคร่าวๆตามวัยของเด็กประถมกัน

ใน 1 คธ. 12:31  ของประทานที่พูดถึง เราได้รับการหนุนใจ ให้แสวงหาของประทานเหล่านั้น

ของประทานที่ยิ่งใหญ่หมายถึงของประทานสำหรับเหตุกาณ์พิเศษบางอย่าง พระวิญญานสามารถใช้เราโดยประทานของประทานบางอย่างหรือทุกอย่างให้ตามแต่ละโอกาส 

เราจะศึกษาเกี่ยวกับของประทานตามหมวดหมู่ดังนี้

ก. การมีถ้อยคำประกอบด้วยสติปัญญา ไม่ได้หมายถึงการเป็นอัจฉริยะบุคคลโดยกำเนิด แต่เป็นการหยั่งรู้เหนือธรรมชาติ ที่พระวิญญานบริสุทธฺ์ประทานให้  เช่นเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นหรือไม่เข้ใจพระวจนะบางคำบางตอน พระวิญญานบริสุทธิ์จะช่วยให้เข้าใจในเวลานั้น แต่ไม่ใช่ตลอดไป 

ข. การมีถ้อยคำประกอบด้วยสติปัญญา การรู้ความจริงในชีวิตของผู้เช่ออย่างเหนือธรรมชาติ เป็นของประทานพิเศษสำหรับผู้ที่ถวายตัวต่อพระเจ้า พระวิญญานจะช่วยให้เขาเข้าใจความต้องการของผู้อื่น เมื่อมีความต้องการพิเศษบางอย่างในเวลานั้น ของประทานข้อ ข.  จะคล้ายข้อ ก.

ค. ของประทานด้านการสังเกตุวิญญานเป็นการหยั่งรู้เกี่ยวกับวิญญานต่างๆ สามารถบอกได้อันไหนวิญญานชั่ว อันไหนมาจากพระเจ้า  เพราะพระวิญญานของพระเจ้าที่อยู่ภายในของผู้เชื่อจะทำให้เขาสามารถแยกแยะได้ว่า สิ่งที่เห็นมาจากวิญญานชัวหรือจากพระเจ้า ในพระธรรมกิจการ บทที่ 16 ที่มีหญิงสาวถูกผีสิง(ผีของหมอดู)ได้พูดว่า เปาโลและศิลาสเป็นทาสของพระเจ้าสูงสุด มาประกาศทางรอดแก่คนหั้งหลาย เธอพูดความจริง แต่อ.เปาโลมีของประทานการสังเกตุวิญญาน ท่านรู้ว่าเธอถูกวิญญานชั่วสิง จงขับไล่วิญญานชั่วออกจากหญิงสาว

3. ของประทานสามอย่างสุดท้ายอยู่ในหมวดการพูดภาษาอื่นๆ 

ก. การเผยพระวจนะไม่ใช่การพูดแบบธรรมดาทั่วไป เมื่อผู้เชื่อได้รับของประทานนี้ เขาจะพูดโดยการทรงนำของพระวิญญาน จะพูดเพื่อเสริมสร้าง หนุนใจ และให้กำลังใจแก่ผู้เชื่อในพระกายของพระคริสต์ การเผยพระวจนะคือ การที่พระเจ้าทรงตรัสกับเราโดยการทรงนำของพระวิญญาน ผ่านทางผู้เชื่อบางคน

ข. การพูดภาษาแปลกๆ เป็นสัญญลักษณ์ของการได้รับัพติสมาในพระวิญญาน และการพูดภาษาแปลกๆก็เป็นของประทานฝ่ายวิญญานอีกอย่างหนึ่งภายหลังได้รับบัพติสมาแล้ว เป็นการพูดจากพระวิญญานโดยตรง เป็นภาษาที่คนๆนั้นไม่เคยเรียนรู้มาก่อน เมื่อผู้ที่ได้รับเขาจะพูดภาษแปลกๆในเวลาที่เขาอยู่ตามลำพัง ในขณะที่เขาอธิษฐานหรือนมัสการพระเจ้า แต่ถ้าเข่พูดต่อหน้าผู้เชื่อคนอื่น นั่นหมายถึง เขากำลังพูดคำที่มาจากพระเจ้า โดยการทรงนำของพระวิญญาน จะต้องมีการแปลเพื่อผู้ฟังคนอื่นๆจะได้เข้าใจ

ค. การแปลภาษาแปลกๆ  พระวิญญาทรงให้บางคนมีของประทานที่จะแปลภาษาแปลกๆ ทรงตรัสผ่านทางคนๆนั้นให้พูดในภาษาที่ผู้เชื่ออื่นจะสามารถเข้าใจ ความหมายของภาษาแปลกๆนั้น เพื่อจะช่วยและเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์

เนื้อหาในหน้านี้  ครูมดแดงไม่ได้ให้ความหมายที่ลึกมากนัก เพราะจุดประสงค์ของการทำหน้านี้เพื่อให้เด็กๆที่เรียนรวีวาศึกษาระดับประถมปลายเข้ามาอ่านเองและเด็กประถมต้นได้คำอธิบายจากผู้ปกครองโดยใช้ข้อเขียนนี้

ขอบคุณที่มา-ได้คัดลอกข้อความจากหนังสือธัญญทิพย์และบางส่วนเล็กน้อยจากครูมดแดงเพิ่มเติม

มีหลายคนได้อินบ็อคถามเรื่องการพูดภาษาแปลกๆ บางคนอาจเคยมีประสบการณ์ในเรื่องการพูดภาษาแปลก  บางคนไม่เคยมีแต่สงสัยว่าทำไมต้องพูดภาษาแปลกๆเมื่อรับบัพติสมาในพระวิญญาน บางคนอาจกลัวที่เห็นคนร้องไห้เสียงดัง บางคนลมลงที่พื้น บางคนหัวเราะด้วยความชื่นชมยินดี  แต่ขออย่ากลัวกับสิ่งเหล่านี้เพราะเมื่อมีพระวิญญานเต็มล้นในชีวิตแล้ว จะมีการอัศจรรย์ใจอย่างบอกไม่ถูก 

การรับพัพติสมาด้วยพระวิญญานบริสุทธิ์  พระเยซูสั่งให้สาวกคอยพระบิดาในกรุงเยรูซาเลม ทุกคนไม่รู้อไรจะเกิดขึ้นแต่ก็รอคอยด้วยการเชื่อฟัง อธิษฐานชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า แล้วสิ่งอัศจรย์ก็บังเกิดขึ้น (กิจการ 2)  เมื่อเหล่าสาวก120 คนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการอธิษฐาน มีเสียงพายุกล้าในห้องอธิษฐานและมีเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้นปรากฎบนศีรษะของทุกคนหริ่มมีการพูดภาษาแปลกๆ  มีคนหลายพันคนเห็นอะไรแปลกๆในห้องต่างก็มาดู อาจารย์เปโตรจึงลุกขึ้นเทศนาด้วยฤทธิ์แห่งพระวิญญานบริสุทธิ์ ทำให้คน3,000 คนกลับใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกในคริสตจักรแห่งแรก นี่คือการประทานฤทธิ์อำนาจในการเป็นพยานตามคำสัญญาโดยผ่านทางพระวิญญานบริสุทธิ์ (กจ1:8)  หลังวันเพนเทคอสเตนั้นแล้ว ก็มีเหตุการณ์สองเหตุการณ์เกิดขึ้นตามที่มีการบันทึกในพระคัมภีร์ (กจ. 10;44-46) ครั้งแรกพระวิญญานได้ทรงนำอใเปโตรให้เห็นนิมิตเพื่อจะเป็นผู้นำข่าวดีไปยังคนต่างชาติ  อใเปโตรเชื่อฟังท่านได้ไปที่บ้านของโครเนลิอัส เทศนาด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาน ทำให้โครเนลิอัสและคนต่างชาติที่อยู่ในครอบครัวเขาได้หันมาเชื่อพระเจ้าไม่มีพายุกล้าหรือไฟ แต่มีการพูดถึงภาษาแปลกๆเท่านั้น  และ ตอนที่อ.เปาโลเดินทางไปเป็นมิชชันนารีที่เมืองเอเฟซัส ท่านได้คริสเตียนที่เมืองนั้นว่าได้รับพระวิญญานหรือยังและคต.เอเฟซัสบอกไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ อ.เปาโลจึงสอนเขาเรื่องของบัพติสมาด้วยพระวิญญาน การพูดภาษาแปลกๆ   (ดูเพิ่ม กจ.19:6) 

เราสรุปได้ว่า  1. การพูดภาษาแปลกๆเป็นสัญญลักษณ์ของการรับบัพติสมาโดยพระวิญญานบริสุทธิ์ เป้าหมายสำคัญของการพูดภาษาแปลกๆคือ กจ. 10:44-46

2 ภาษาแปลกทำให้เรามีภาษาใหม่ในการสรรเสริญพระเจ้า และ ช่วยเราในการอธิษฐาน

3 ทำให้พระวิญญานบริสุทธิ์ควบคุมชีวิตของเรารวมทั้งการใช้ลิ้น ใน ยากอบ 3:1-8  

แต่เราต้องระลึกว่า  การพูดภาษาแปลกๆไม่ใช่บัพติสมาในพระวิญญานบริสุทธิ์แต่เป็นสัญญลักษณ์ของการได้รับบัพติสมา  เราต้องมีการประพฤติตามเช่นการเป็นพยานเพื่อพระคริสต์ ทั้งท่าที่ คำพูด การกระทำ (กจ.1:8)  

.......................................................................