ริมหาด พรายทราย ฟองคลื่น จิบกาแฟ ริมหน้าต่างข้างๆ สวน
...สตูดิโอริมหาด...
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
16 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
จากฟากฟ้าสุราลัย...สู่แดนดิน บทที่ 16 "อุปริยา"











จากฟากฟ้าสุราลัย....สู่แดนดิน     "อุปริยา"



....ฉันจะตามไปทั่วฟ้า ทั่วจักรวาลผ่านพื้นผิวแห่งทุกดวงดาว
สุดฟ้าสุราลัย สุดขอบแห่งห้วงมหรรณพ
ขอเพียงแต่ให้เธอรอฉันอยู่ เพื่อพบพาน.......

**************************************************
บทที่ 16






เหลวไหลสิ้นดีทำไมชอบทำอะไรตามใจตัวเองนัก

วิษุวัตเทพประคองนางอันเป็นที่รักไว้แนบอกรำพึงรำพันมากกว่าจะว่ากล่าวตำหนินาง ชนิกรรดาเทวียังคงนอนนิ่งๆ ในอ้อมแขนนั้น ครู่หนึ่งจึงค่อยๆเผยอเปลือกตาขึ้นอย่างยากเย็น น้ำตาพร่างพรายไหลรินร่วงออกมา

ชนิกรรดาเจ้าทำเยี่ยงนั้นราวกับไม่รู้ว่าจะเกิดสิ่งใดตามมา การรวมอณูเทวะด้วยฤทธาของตนเองโดยไม่รอเทวสภา โดยไม่มีการดูแลของเหล่าเทวะ อาจทำให้เจ้าต้องกลายเป็นมนุษย์ตลอดไปไม่สามารถแยกกายทิพย์ออกมาได้...ดีไม่ดีกายทิพย์ของเจ้าต้องแตกดับเสียหาย เพราะร่างหยาบของเจ้าก็แทบจะไม่เคยเข้าสมาธิ

ดวงหน้านั้นเอียงหน้าแนบอกราวกับไม่อยากได้ยินเสียงที่เกิดขึ้น

ท่านบอกเสมอว่าเข้าใจข้าวิษุวัตเทพ

ข้ารักและห่วงเจ้าเสมอแต่ไม่ใช่ด้วยวิธีนี้ เห็นมั้ยว่าสิ่งใดเกิดขึ้น กายทิพย์ของเจ้าบอบช้ำมากแค่ไหน

วิษุวัตเทพประคองนางให้นั่งแล้วจึงขัดสมาธินั่งตรงข้ามร่างของนาง ก่อนเดินพลังปรับไฟธาตุให้นางใหม่กระแสประกายของละอองสีเงินไหลออกจากตัวเทวบุตร ก่อนเวียนผ่านไปรอบๆ ตัวผ่านทุกจักระสำคัญของชนิกรรดาเทวีอยู่ครู่ใหญ่

เจ้าเลือกเวลานี้ไม่เหมาะเลยมหาเทวะและเทวสภาก็กำหนดเวลาการรวมอณูเพื่อภารกิจแล้ว เจ้ากลับทำการเยี่ยงนี้

วิษุวัตเทพส่ายหน้าช้าๆ รำพึงเบาๆ ก่อนจะลืมตาขึ้น เมื่อละอองสีเงินเวียนกลับคืนมาที่ตัวเทพบุตรหนุ่ม สีหน้าของชนิกรรดาหม่นหมองลง แววตาสำนึกผิด

ประชดเทวสภาที่เหล่าเทพไม่พอใจเจ้าสินะ

ไม่เชิงหรอกวิษุวัตเทพข้าก็แค่รู้สึกเบื่อกับการทำเพื่อเทวะ...เบื่อหน่ายกับการอวตารลงมาเบื่อทำศึกกับหมู่มาร...ข้าอยากแตกดับเหมือนมนุษย์ทั่วไป

ชนิกรรดาเทวีค่อยๆ เบือนหน้าหนีพร้อมกับส่ายหน้าถอนหายใจพึมพำด้วยความรู้สึกออกมาจากใจจริงๆ

ท่านเอง...ก็เลื่อนจากสภาวะเทพ ขึ้นสู่พรหมได้ ข้าไม่ต้องการฉุดรั้งท่านไว้ ให้ท่านมัวหมอง ให้หมู่มวลเทพทั้งสภาตำหนิได้เหมือนครั้งนี้

เหลวไหล...เจ้าเอาแต่อารมณ์...อารมณ์มนุษย์ครอบงำเจ้ามากเกิน ฟังข้านะชนิกรรดา กำเนิดแห่งเจ้ามาเพื่อทำศึกมาเพื่อเสียสละให้หมู่เทพ และมวลมนุษย์ เพื่อปกป้องสวรรค์ และโลกมนุษย์...มีข้าเป็นเนื้อคู่สัจจะคู่แห่งบารมี และข้าจะเป็นตลอดไป...ไม่ว่าข้าจะโดนทัณฑ์สักเพียงใด...การขึ้นไปสู่ชั้นพรหมข้าอาจบำเพ็ญให้มากขึ้นเท่าใดก็ได้... แต่หากนางอันเป็นที่รักของข้ายังอยู่สภาวะนี้ ข้าก็ไม่อาจก้าวล่วงไปเพียงลำพัง

วิษุวัตเทพประคองกอดนาง บีบมือทั้งสองไว้แนบแน่นพร้อมย้ำด้วยคำพูดที่ปลอบโยนและให้กำลังใจนางอันเป็นที่รักให้มีมากขึ้น

ข้าปฎิบัติเพื่อให้บารมีอยู่ครองคู่กับเจ้าได้และหากข้าจะต้องขึ้นสู่ชั้นพรหม ก็ต่อเมื่อเจ้าจะถึงพร้อมบารมี ส่งเจ้าขึ้นชั้นพรหมด้วยเช่นกัน

ชนิกรรดาหลุบตาลง ความปิติแผ่ซ่านราวกับกำลังรักษาความเจ็บปวดภายในหัวใจของนางผลึกแห่งสัจจะเปล่งประกายแห่งแสงอยู่ในดวงจิต

ผ่านภารกิจครั้งนี้...เราจะต้องมีเวลาอยู่ด้วยกันขอให้เจ้าระลึกเพียงเท่านี้ ปฎิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด สภาแห่งเทวะกำหนดเวลาแห่งการรวมอณูแล้ว...เราจะเคียงข้างกันสู้ศึกครั้งนี้ในร่างมนุษย์เหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา...และข้าเชื่อว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่เราสมหวังกับการรอคอยมาตลอดสักที

ก่อนออกเดินทางทุกคนพร้อมเพรียงตรงตามเวลาที่ห้องอาหารในตอนเช้า อธิปมีท่าทีอ่อนเพลียเล็กน้อย ยังคงมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกลางดึก

ชนิกรรดาดูจะเงียบขรึมมากกว่าเดิม อธิปไม่อยากเซ้าซี้กวนใจด้วยการตั้งคำถามแม้จะไม่เข้าใจละเอียดเหมือนเคยก็ตาม แต่การที่เขาเห็นร่างของชนิกรรดาฟื้นได้สติขึ้นมาอย่างปกติเขาก็รู้สึกดีใจแล้ว เพราะหลังจากที่วิษุวัตเทพสั่งให้เขาแยกเธอออกจากชนิกรรดาเทวีเขาตัดสินใจอุ้มเธอไปไว้บนเตียงนอน เปิดประตูทิ้งไว้ และนั่งเฝ้าเธออยู่ที่ห้องนั่งเล่นด้านหน้า

จนเธอตื่นมาอย่างปกติเมื่อถึงเวลา ทักทายเขาเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แม้แต่วิษุวัตเองก็ตื่นมาตามปกติ ไม่มีทีท่าว่าคนใดคนหนึ่งจะกล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอธิปจึงได้แต่เก็บความข้องใจไว้เงียบๆ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นกัน

คณะของอาจารย์ภาณุลงมายังห้องอาหารก่อนกำหนดเวลาเล็กน้อยด็อกเตอร์กียองพยายามเข้ามาคุยทักทายชนิกรรดาในระหว่างเดินไปตักอาหารเช้าบนไลน์บุฟเฟ่ต์

แต่คราวนี้เธอยิ้มตอบ และเดินเลี่ยงห่างออกไปอย่างไม่สงวนท่าที จนด็อกเตอร์กียองต้องเข้ามาถามอธิปถึงความปกติ เขาได้แต่ยักไหล่ อมยิ้มน้อยๆ ตอบเรื่อยเจื้อย ตามประสา ก่อนเลี่ยงไปกดนมมาดื่ม ปล่อยให้ด็อกเตอร์กียองยืนเก้อๆขมวดคิ้วตามลำพัง

คงลงยังไม่เต็มองค์...อ่าหมายถึงยังไม่ตื่นดีมั้งครับ...พวกเราไม่ค่อยคุ้นกับการตื่นเช้ากันเท่าไรนัก

อาจารย์ภาณุแจ้งกำหนดการคร่าวๆในระหว่างที่ทุกคนทานอาหารเช้าอีกครั้ง พร้อมย้ำให้ทุกคนทานอาหารให้อิ่มเพราะกว่าจะถึงแผ่นดินที่คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของเมืองอนิตตระปุราน่าจะใช้เวลาเป็นวัน ซึ่งเขากะคร่าวๆ ตามข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม

และการเดินทางครั้งนี้เป็นครั้งแรก ดังนั้นอาจารย์ภาณุไม่อาจรับรองว่าพวกเราจะได้พบกับสิ่งใด จะใช่ อนินตระปุราหรือไม่ทั้งหมดมีเพียงข้อสันนิษฐาน และความน่าจะเป็น แต่เหมือนว่าทุกคนก็เชื่อมั่น พร้อมด้วยความเห็นและเอกสารสนับสนุนยาวเหยียดถึงความน่าจะเป็นของอาณาจักรกลางทะเลที่สูญหายไปในอดีต

อย่างน้อยอธิปก็รู้ดีว่า ทุกๆ คนที่ร่วมเดินทางในวันนี้ค่อนข้างเชื่อมั่นว่าเป็นเมืองโบราณแค่ไหนทางสถาบันจึงกล้านำสื่อมวลชนอย่างพวกเขามาร่วมการเดินทาง เพื่อพิสูจน์ความเชื่อมั่นในครั้งนี้ด้วย

ไม่ใช่ทัวร์ท่องเที่ยวบนเรือสำราญ ชมธรรมชาติกลางน่านน้ำสากล ชอปปิ้งหมู่เกาะปลอดภาษี และไม่ใช่ไปทัวร์ดำน้ำชมโลกใต้ทะเลแต่อย่างใด

อธิปได้ความรู้ใหม่ พร้อมกับความฉงนที่ต้องเก็บไว้ค้างคาในใจเพิ่มขึ้นอีก กับการที่สถาบันของหลายประเทศให้เงินสนับสนุนการสำรวจครั้งนี้

งานชิ้นนี้จึงเป็นการวิจัยร่วม ซึ่งในตอนแรกเขาคิดว่าเป็นของสถาบันทางเยอรมันที่ด็อกเตอร์แวนซิ่งไฮม์ทำงานอยู่เสียด้วยซ้ำเพราะเป็นสถาบันที่สนับสนุนสำนักงานของอาจารย์ภาณุโดยตรง

การตีความหมายให้คิดได้ว่า อนินตระปุราย่อมมีความสำคัญมากๆในเชิงประวัติศาสตร์ในด้านในด้านหนึ่ง ที่หลายๆ ประเทศพร้อมสนใจ และสนับสนุนเงินทุนเช่นนี้

แต่ในความรู้สึกของเขาแล้วการสนับสนุนมากมายขนาดนี้ รวมถึงการทำงานต่างมิติ ทั้งกลุ่มเทพและมาร ยังคงมีคำถามอยู่ในใจอีกมากมายซึ่งนั่นก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของอนินตระปุราได้อย่างไม่ต้องสงสัย

ยิ่งเมื่อมาถึงท่าเรือในเวลารุ่งสาง อธิปก็ต้องตกตะลึงกับเครื่องมือเครื่องไม้ของการสำรวจที่เตรียมไว้อย่างพร้อมสรรพ แน่ล่ะมันเป็นเรื่องใหม่ของเขา แม้จะดำน้ำมาหลายครั้งก็ตาม แต่เขาก็แทบยังไม่เคยได้นั่งเรือยอร์ชติดใบสมบูรณ์แบบเท่าครั้งนี้

เดอะเนปจูนส์เอกซ์โพลเลอร์ 1 เรือใหม่เอี่ยมถูกส่งตรงมาจากอินโดนีเซีย แต่กัปตันเฟอร์ดินานด์และลูกเรืออีกสามคน วาสโกดา ไดแอส และ เปเรส กลับเป็นชาวโปรตุเกส ที่มีความสามารถเชี่ยวชาญในการเดินเรือดำน้ำ ค้นซากเรือโบราณอับปางใต้น้ำ ทั้งสามคนทำงานด้านนี้มาเป็นเวลานาน ให้กับสถาบันโบราณคดีใต้น้ำของโปรตุเกส ซึ่งถูกส่งมาร่วมงานโดยตรงกับการค้นหาอนินตระปุราในครั้งนี้เช่นกัน

เดอะเนปจูนส์เอกซ์โพลเลอร์ 1 จัดซื้อมาเพื่อภารกิจสำรวจอนินตระปุราโดยเฉพาะชื่อเรือก็สมแล้ว บ่งบอกถึงความเป็นเรือปฏิบัติงานมากกว่าเรือสำราญ แต่ขนาดของลำเรือพร้อมใบเรือ3 ใบ ใหญ่โตกะขนาดคร่าวๆ ความกว้างยาวต้องไม่น้อยกว่า 30 หรือ 40 เมตร รวมถึงความสะดวกสบายก็หรูหรา ราวกับเรือสำราญย่อส่วนลำหย่อมๆ

อีกทั้งยังสมบูรณ์แบบด้วยอุปกรณ์นำร่องด้วยระบบดาวเทียมคอมพิวเตอร์ มีทั้งจัดแบ่งส่วนห้องพักนั่งเล่นห้องทำงาน ห้องนอน ห้องน้ำ และห้องครัว จนอธิปเกือบเผลอลืมตัวไปว่ากำลังมาทำงาน

ให้รอนแรมกลางทะเลชั่วชีวิตกับเรือลำนี้ ช่างถูกจริตเขาเสียจริง เป็นความชอบที่ลึกล้ำ รู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ทีเดียว...


อธิปสังเกตคนอื่นๆ ทุกคนง่วนอยู่กับโน้ตบุ้คส่วนตัวทันทีเมื่อเรือเริ่มตั้งต้นออกเดินทาง แม้แต่ชนิกรรดาเองเธอก็ทำงานอย่างตั้งใจมุ่งมั่น เก็บข้อมูลสัมภาษณ์คนอื่นอย่างจริงจังตามนิสัยดั้งเดิม

เขาจึงเริ่มบันทึกภาพตามการทำงานของชนิกรรดา ตามหน้าที่ของตนเอง พร้อมเฝ้าดูเธอและวิษุวัตตามที่ได้รับมอบหมายมาอย่างเป็นทางการของทั้งสองทาง

อาจารย์ภาณุ และด็อกเตอร์แวนซิ่งไฮม์ มักจะสนทนากันตามประสาคนในวัยเดียวกัน ในขณะที่ด็อกเตอร์กียอง ด็อกเตอร์เดฟรีต์และวิษุวัตจะร่วมกลุ่มสนทนาและแลกเปลี่ยนความรู้กันอยู่ตลอดเวลา

กียองยังเหลือบตามองตาม และหาโอกาสคุยส่วนตัวกับชนิกรรดาอยู่บ่อยๆ ในขณะที่วิษุวัตเองกลับคร่ำเคร่งเรื่องงานกับเดฟรีต์ อธิปได้แต่เกาหัวป้อยๆ ขณะที่เดินกลับขึ้นมาด้านบน

เขาเริ่มรู้สึกและเข้าใจถึงหลายๆเหตุผลว่าทำไมชนิกรรดาเทวีจึงน้อยใจ และสร้างเรื่องปวดหัวให้สภาเทวดาได้อยู่ตลอดเวลาเหมือนอย่างที่ได้ยินจากอธิปติในนิมิตแห่งความฝันครั้งนั้น

ความจริงเขาน่าจะคิดแบบนี้บ่อยๆ ชนิกรรดาจะได้แวะเวียนมาหาเขาบ้างเป็นการเรียกร้องความสนใจที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทะเลสวยนะ นึกถึงสมัยเรียน ที่เราต้องมาทะเลกันบ่อยๆ คงสมใจอธิปที่ได้ล่องเรือแบบนี้สินะ

อธิปอมยิ้มรู้สึกดีใจที่ได้เห็นชนิเพื่อนเก่าของเขาแม้จะเป็นเหมือนความทรงจำอันลางเลือนก็ตาม เขาอดไม่ได้ที่จะมองร่างของเทพธิดาที่ยืนอยู่ข้างๆเขา เธองดงามไม่ต่างกับพรายฟองคลื่นแห่งท้องทะเล กลิ่นไอทะเลเรียกความทรงจำเมื่อคืนหวนกลับมา

ชนิกรรดาหันมาสบตาเหมือนล่วงรู้ความคิดเขาอีกเช่นเคย...

เราจะพยายามไม่ให้เกิดเรื่องที่อธิปต้องตกใจแบบนั้นอีก...เราสัญญา...เธอควบคุมสติได้ดี ขอบคุณมากนะ... แต่เหตุการณ์ต่อจากนี้ เธอต้องตั้งสติมากกว่านี้อีกเยอะเลยโดยเฉพาะเวลาเผชิญหน้ากับพวกโน้น

อธิปทำหน้าเจื่อนๆ แม้จะเตรียมใจกับเรื่องมหัศจรรย์ไว้หลายหลากก็ตาม แต่เขาก็อดตื่นเต้น หัวใจเต้นโครมๆ ด้วยความกลัวอยู่ไม่น้อย แต่กลัวเพราะตัวเองจะทำสิ่งใดผิดพลาด แต่ตัวรู้ภายในก็คอยเตือนสติ และสร้างกำลังใจไว้ให้อยู่ตลอดเวลา

เขารู้ตัวดีว่า เขาพร้อมกับชีวิตพร้อมกับการเผชิญหน้าในทุกๆ เรื่อง ทุกๆสถานการณ์ มากกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมาของชีวิต...

เรือแล่นด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ไม่ช้าและไม่เร็วเกินไปนัก ใบเรือทั้ง 2 ใบถูกชักขึ้นช่วยเสริมแรงลมผ่อนแรงให้กับเครื่องยนต์เป็นระยะๆ

เวลาผ่านไปหลายต่อหลายชั่วโมงความเวิ้งว้างเบื้องหน้ามีเพียงน้ำกับฟ้าท้องทะเลสีครามนิ่งสงบ กระแสลมแรงสม่ำเสมอ มีคลื่นทอดตัวมาเป็นระยะบ่งบอกถึงสภาพอากาศที่แจ่มใสเหมาะกับการเดินเรือเป็นอย่างยิ่ง

พระอาทิตย์เริ่มลอยลิ่วเกือบกลางศีรษะแดดเริ่มแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ฟ้าสว่างใสเป็นสีฟ้าเจิดจ้าเหมือนน้ำกับฟ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน เมฆขาวเป็นปุยชวนให้หยิบจับมาให้นอนเล่นดีแท้ๆ หากเป็นคนไม่รักทะเลจริงๆแล้ว คงเบื่ออยู่ไม่น้อย ที่ต้องมาลอยละล่องกลางทะเลเวิ้งว้างเช่นนี้




Create Date : 16 กรกฎาคม 2555
Last Update : 18 กรกฎาคม 2555 21:09:50 น. 5 comments
Counter : 1057 Pageviews.

 
ชนิกรรดาชื่นชมความงามและคุยกับเขาราวกับชนิคนเดิมก่อนจะกลับลงไปสบทบกับทีม สำรวจด้านล่าง ที่นาน ๆแต่ละคนจะสลับกันโผล่ขึ้นมาทักทายความงามของธรรมชาติอย่างเต็มตา และแวะสนทนากับเขาแต่ทุกคนก็ยืนอยู่ได้ไม่นานภายใต้แสงแดดอันร้อนแรง

น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับแสงแดดและไอทะเลที่แทบจะเผาไหม้ ฆ่าเชื้อโรคและเซลล์ผิวหนังให้ตายได้ แต่กลับเป็นความสุขเป็นความชอบส่วนตัวอย่างไม่สามารถจะบอกกับใครได้

ยิ่งเห็นฟ้าใสมากเท่าใด เขายิ่งมีความสุข ยิ่งไม่มีฟ้ามืด เสียงฟ้าหรืออะไรแปลกๆ ให้เขาเห็นอีก เขาจะยิ่งดีใจไม่น้อย


เมื่อแดดเริ่มแรงขึ้น อธิปเลยได้ทียึดโต๊ะยาวด้านท้ายเรือเป็นที่ทำงานของเขาเพราะได้อาศัยร่มเงา ของใบเรือซึ่งความจริงแล้วน่าจะเรียกว่าเป็นที่เอกเขนกชมวิวทิวทัศน์เสีย มากกว่า นานๆจะลงไปดูชนิกรรดาว่าเธอมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า พร้อมกับเติมกาแฟ และหาของว่างทาน

เสบียงในเรือดูจะมีเตรียมไว้ให้พร้อมทานได้ตลอดเวลา ทั้งของสดของแห้ง ผลไม้ กาแฟ ชา นม และแม้แต่น้ำจืดไม้เว้นแม้แต่ของโปรดส่วนตัว รู้สึกเปรี้ยวปากขึ้นในทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่แช่อยู่ในตู้เย็นอธิปกลืนน้ำลายลงคออย่างเสียดาย


บรรยากาศแสนดีแบบนี้คงจะทำงานได้ราบรื่นอย่างโลดลิ่วแต่น่าเสียดายบวกกับความเกรงใจบรรดาคณาจารย์ที่กำลังคร่ำเคร่งกับการทำงาน การเดินเปิดกระป๋องเบียร์เย็นเจี๊ยบเดินลอยไปลอยมาบนดาดฟ้าเรือคงไม่ใช่ภาพที่งามถูกกาละเทศะเป็นแน่

แค่คิดได้เท่านี้ ก็มีเสียงหัวเราะเบาๆมาจากชนิกรรดา จนคนรอบข้างหันมาบอกเธอพร้อมด้วยเครื่องหมายคำถาม

จนเธอต้องเสให้ดูรูปการ์ตูนบนหน้าจอโน้ตบุ้คของเธอ ทำให้ทุกคนยิ้มแย้มหัวเราะชวนให้บรรยากาศการทำงานไม่คร่ำเคร่ง เคร่งเครียดจนเกินไปยิ่ง


เวลาผ่านไปแสงแดดยิ่งร้อนแรง ประกายแดดส่องแสงระยิบระยับความระอุของลมทะเลร่ำๆ ทำเอาเคลิ้มชวนง่วงอยู่หลายหน กาแฟในกระติกใบเล็กๆที่หอบขึ้นมาทำงานได้ผลอย่างดีเยี่ยม ท้องเริ่มร้องตามเวลา น่าจะใกล้เที่ยงแล้ว

เขาเทกาแฟดื่มแทน เพราะภาพความงามของธรรมชาติ ยังคงเย้ายวนใจให้เขาเลือกที่จะนั่งเล่นอยู่ที่ท้ายเรือจนไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้

แสง แดดที่ตัดกับท้องน้ำเป็นประกาย น้ำทะเลใสจนเห็นขบวนปลาสีสันสวยๆ แหวกว่ายไล่ตามอยู่ข้างๆ เรือ ถัดห่างออกไปมีฝูงโลมาว่ายขนานไปราวกับขบวนพาเหรดต้อนรับผู้มาเยือนท้องทะเล

อธิปยังคงเก็บภาพความงดงามของท้องทะเลไว้ นึกภาวนาในใจว่าฉายฉานเจ้านายของเขาคงจะไม่คิดว่าเป็นฉบับท่องเที่ยวทางทะเล มากกว่าเป็นการสำรวจเมืองโบราณที่สูญหาย

อย่างน้อยการลอยทะเลกลางน่านน้ำสากล คงไม่มีใครจะมีโอกาสได้เดินทางแบบนี้ อีกทั้งน้ำฟ้าอากาศ ธรรมชาติที่งดงามเช่นนี้ ก็สวยและเป็นใจให้บันทึกภาพเป็นอย่างยิ่ง

เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนบ่าย ใกล้เย็น เบื้องหน้าลิบๆ อธิปเห็นฝูงนกทะเลฝูงใหญ่บินผ่านไป ความรู้สึกหนึ่งคิดถึงแผ่นดิน และทันทีในทิศทางของเรือที่กำลังมุ่งหน้าไป เขาเริ่มเห็นเนินเขาทอดยาวอยู่ไกลๆ สุดสายตา

เสียงฝีเท้าของหลายๆ คนที่รวมอยู่ในห้องทำงานด้านล่างวิ่งขึ้นมาเกาะราวของกาบเรือด้านซ้าย เสียงอื้ออึงดังขึ้น เมื่อภาพตรงหน้าปรากฏขึ้นชัดเจนในสายตา

โขดหินที่และเห็นเป็นสีเขียวจางๆ ในตอนแรก เริ่มให้เห็นชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ระยะทางดูจะยังไกลสุดลูกหูลูกตา

อธิปเริ่มมั่นใจว่า ตรงหน้าคือแนวโขดหินที่ผุดตัวขึ้นมากลางความเวิ้งว้างของท้องทะเล และน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของอนินตระปุราในอดีต สถานที่ที่อาจารย์ภาณุเชื่อมั่น และซึ่งเป็นเป้าหมายของเรือที่กำลังมุ่งหน้าเข้าใกล้ให้ได้มากที่สุด

ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นเหมือนใครหลายๆ คน แต่ดูเหมือนว่ามีเพียงชนิกรรดาคนเดียวที่ยืนหลับตานิ่งต้านกระแสลมแรง ด้วยดวงหน้าที่ปนด้วยความเศร้า และความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด

เบื้องหน้าแสนไกล เนินหินสีเขียวเริ่มเข้ามาให้เห็นได้ชัดเจนมากขึ้นๆ ความรู้สึกหนึ่งที่อิ่มเอมเกิดขึ้นในดวงจิต ไม่ใช่เพียงแค่ความตื่นเต้น ปิติดีใจ แต่เป็นความอบอุ่น ความโหยหา ความผูกพันกับท้องทะเล

เป็นความรู้สึกที่ไม่ต่างกับคนที่เดินทางมาอย่างยาวนาน และได้หวนคืนกลับมาบ้าน มายังผืนแผ่นดินเกิดอีกครั้ง

กลับบ้านรึ...

บางสิ่งกระตุ้นเตือนความจำ เขาเริ่มเข้าใจกับคำพูดแปลกๆ ของชนิกรรดาก่อนที่เรื่องราวมหัศจรรย์ทั้งมวลจะเริ่มต้นขึ้น

“อยากกลับบ้าน...”

หรือว่า... อนิตตระปุรา คือบ้านในอดีตชาติของเขาด้วยเช่นกัน...




***โปรดติดตามอ่านบทต่อไป***


โดย: พรายทราย วันที่: 18 กรกฎาคม 2555 เวลา:21:19:05 น.  

 
ไปอย่างนี้ก่อนแล้วกันนะคะ แก้ไม่ได้สักที หงือ หงือ

สงสัยคราวหน้าต้องตัดบทให้สั้นลง เมี้ยววว


ขอบคุณทุกๆ ท่านที่แวะมา และพยายามอ่าน


งอนบล็อกแระ


โดย: พรายทราย วันที่: 18 กรกฎาคม 2555 เวลา:21:24:51 น.  

 
ใกล้จะปีนเขาดำน้ำแล้ว

บทนี้เศร้าจังครับ ทั้งตอนเปิดบทปิดบทเลย


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 4 กันยายน 2555 เวลา:3:29:59 น.  

 
น่าติดตามอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป


โดย: Thanya IP: 49.49.122.197 วันที่: 30 กันยายน 2555 เวลา:15:48:58 น.  

 
น่าติดตามอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป


โดย: Thanya IP: 49.49.122.197 วันที่: 30 กันยายน 2555 เวลา:15:49:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พรายทราย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








** ภาพสวยๆ เล็กตรงนี้ Tuscan Terrace ผลงานของ Sung Kim

เคยมั้ยนั่งอยู่ในสวนสวย พร้อมกับจิบกาแฟนั่งมองเกลียวคลื่นซึมซับเข้าหาทราย มันเป็นมุมพักผ่อนที่แสนจะเป็นสุขของเรา...

ขอยืมภาพวาดสวยๆ มาใช้ประดับบ้านเฉพาะกิจก่อน
เก็บไว้นานแล้ว ของใครบ้างหนอ...



**สำหรับคนชอบลอก แอบโกปี้ และตัดปะ**

คิดเอง เขียนเองเถอะค่ะ ...

ความสนุกของการเป็นนักเขียนเรื่องสั้น นิยาย มันอยู่ตรงนี้
แม้มันจะเหนื่อย ล้า เปลี้ย หมดพลัง แค่ไหนเราก็ยังพอใจ ที่ได้สนุกสนาน ได้ร่วมโลดลิ่ว..

ได้รัก ได้เกลียด ได้กินข้าว ได้เต้นระบำ ได้ตบตี ได้เจ็บช้ำ ไม่สบาย ร้องไห้ หัวเราะ ได้ร่วมไปในทุกๆ อารมณ์ กับตัวละคร

ที่พวกชอบลอกนี่จะไม่มีวันได้รู้แน่ๆ ว่าอารมณ์อย่างนั้นมันเป็นอย่างไร...

**และคุณก็ไม่มีวันเป็นคนเขียน เป็นนักเขียนได้เลย


******************************


Friends' Blogs

ลายปากกา

นิตยสารออนไลน์รายสัปดาห์ อ่านสนุก


Branica Web Counters
Friends' blogs
[Add พรายทราย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.