ริมหาด พรายทราย ฟองคลื่น จิบกาแฟ ริมหน้าต่างข้างๆ สวน
...สตูดิโอริมหาด...
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2555
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
15 มิถุนายน 2555
 
All Blogs
 
จากฟากฟ้าสุราลัย...สู่แดนดิน บทที่ 14 "อุปริยา"











จากฟากฟ้าสุราลัย....สู่แดนดิน "อุปริยา"



....ฉันจะตามไปทั่วฟ้า ทั่วจักรวาลผ่านพื้นผิวแห่งทุกดวงดาว
สุดฟ้าสุราลัย สุดขอบแห่งห้วงมหรรณพ
ขอเพียงแต่ให้เธอรอฉันอยู่ เพื่อพบพาน.......


**************************************************




บทที่ 14



เสียงฟ้ายังคงดังครืนๆ ต่อเนื่องเหมือนเสียงใครกำลังโยนลูกโบว์ลิ่งให้วิ่งไถลไปตามเลนก่อนกระแทกกับพิน

อธิปออกมาจากห้องพักมองดูฟ้าที่มืดดำ ไร้แสงดาวหรือแสงจันทร์ขณะรอชนิกรรดา และวิษุวัตอาบน้ำเพื่อออกไปทานมื้อค่ำ และพบกับอาจารย์ภาณุในคืนนี้

เขาตรวจสอบกล้องดิจิตัล และทดสอบเครื่องอัดเสียงอันเล็กๆ ว่าพร้อมทำงานได้ตลอดเวลาหรือไม่ อย่างน้อยอุปกรณ์ติดตัวกับเขาตลอดเวลา เพื่อพร้อมสำหรับการทำงาน อย่างน้อยการอัดเสียงอีกชุดก็จะช่วยให้ชนิกรรดาทำงานได้สะดวกขึ้น

เสียงคลื่นดังสลับมาเป็นระยะๆ ประสานกับเสียงฟ้าครืนคราง แต่ไม่มีทีท่าว่าฝนจะตกอย่างใด ลมทะเลยังคงพัดมาเอื่อยๆ ให้สบายใจ มากกว่าร้อนใจ แต่บางสิ่งยังค้างคาใจ เขาสงสัยในความฝันเมื่อช่วงสายๆ ที่ผ่านมา

เวลาในมิติแห่งความฝันผ่านไปเพียงแค่ชั่วไม่กี่อึดใจ แต่ขณะที่เขารู้สึกตัวตื่นมาอีกที เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ยิ่งทั้งชนิกรรดาและวิษุวัต ยิ่งยาวนานมากกว่า

คนหนึ่งหลับนิ่งสงบอยู่ในห้องนอน ส่วนอีกคนนั่งสมาธิด้วยท่าเดิมตลอดช่วงบ่าย จนเขาไม่กล้าทิ้งห้องออกไปไหน มื้อกลางวันจึงเลือกเพียงน้ำผลไม้ นมและผลไม้ที่มีอยู่ในตะกร้ารับรอง และในตู้เย็นเพียงเท่านั้น

ความฝันที่ได้พบกับวิษุวัตในร่างเทพยังคงตรึงแน่นในความทรงจำทุกคำพูด ทำให้เขารู้สึกชื่นชมศรัทธาในตัววิษุวัตเทพมากขึ้น แต่เข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าวิษุวัตในร่างมนุษย์ จะเหมือนหรือต่างกับชนิกรรดาในร่างมนุษย์หรือไม่ เพราะดูเหมือนว่าวิธีการถอดจิตของแต่ละคนจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง


วิษุวัตก้าวออกมาก่อน ทักทายด้วยเรื่องดินฟ้าอากาศ อธิปรับความรู้สึกได้ทันทีว่า ผู้ชายสูงใหญ่ตรงหน้าไม่มีทีท่าส่งสัญญาณใดๆ ให้รู้ในเรื่องของวิษุวัตเทพ หรือภารกิจ เหมือนกับชนิกรรดา

“อากาศดีนะครับแบบนี้ ไม่ร้อน ไม่เย็นจนเกินไป เมื่อบ่ายฝนคงต้น ดูต้นไม้รอบๆ นี่สดชื่นดี”

เขายิ้มรับคำพูดของวิษุวัต บางความสับสนก่อตัวขึ้นในจิต ทำไมเขายังจำสิ่งต่างๆ ได้ แม้จะเป็นความฝัน หรือเป็นการเดินทางของจิตในฝันก็ตาม ในขณะที่วิษุวัตไม่มีทีท่าประหลาดใจ หรือมีปฏิกิริยาพิรุธไหนๆ ว่าวิษุวัตจะรู้สึกสับสนแบบเช่นตัวเขา

หรือว่าวิษุวัตจะเป็นเหมือนชนิกรรดาที่เลือกไม่พูดถึง แต่ว่าไปแล้วตั้งแต่พบกับวิษุวัต นานๆ ครั้งที่เขาจะเห็นละอองฟุ้งสีๆ อยู่รอบตัวของวิษุวัต ผิดกับของชนิกรรดาที่เหมือนเขาเห็นฟุ้งประกายสีเขียวอยู่ตลอดเวลา

หรือบางทีวิษุวัตเทพ ยังไม่ได้รวมอณูเข้าร่างตรงนี้ ตามกำหนดของเทวะสภา...

และเมื่ออธิปติรวมอณูกับตัวเขา เขาจะยังจดจำทุกสิ่งได้เหมือนในความฝันหรือไม่ หรือเขาจะกลายเป็นเพียงคนดูวงนอกได้แต่มองบรรดาเทพทั้งหลายปฏิบัติการเหมือนเช่นความฝัน

คำถามหลายหลากเริ่มผุดขึ้น บางเรื่องตัวรู้ก็ช่วยตอบ แต่ด้วยวิสัยส่วนตัวของตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่อธิปจะคิดไปไกลอีก จนต้องสะดุดด้วยเสียงของชนิกรรดาอยู่บ่อยครั้ง

“อ้าววว! ใจลอยไปถึงสวรรค์ชั้นไหนกันอธิป คุณวิษุวัตเขารอคำตอบอยู่นะ”

“อ่า!...เอ่อ! โทษทีครับพอดีคิดอะไรเพลิน คุณวิษุวัตถามใหม่อีกทีสิครับ”

วิษุวัตหัวเราะ เมื่อชนิกรรดาที่เพิ่งตามออกมาสมทบ แซวอธิปเสียงดังจนเจ้าตัวออกจากภวังค์

“รายนี้เป็นแบบนี้แหละค่ะ ชอบใจลอยไปหานางฟ้านางสวรรค์ หึหึ”

“อ๋อ! ไม่เป็นไรครับ ผมถามว่าคุณอธิปหิวมั้ย เมื่อบ่ายผมพักผ่อนเต็มที่ หลับง่ายไปไม่รู้เรื่องเลย ตื่นมาพระอาทิตย์ก็ใกล้ตกดินแล้ว”

อธิปทำหน้าเจื่อนๆ เหมือนชนิกรรดากระเซ้า พร้อมกับตบบ่าเชิงเย้าเล่นเหมือนเคยๆ แต่น้ำหนักมือที่ลงมา อธิปคาดเดาได้ทันทีว่าเป็นของชนิกรรดาเทวี ไม่ใช่ชนิคนเดิมแน่นอน

“ทานผลไม้แหละครับ ไม่ค่อยหิวเท่าไร ผมก็เผลอนอนเพลิน อากาศน่านอนจริงๆ ครับ”

“งั้นเราไปทานอาหารเตรียมตัวพบอาจารย์ภาณุเลยนะครับ คุณชนิกรรดาคงหิวมากแล้ว”



กลิ่นดอกลั่นทม และดอกราตรีกระจายอยู่ทั่วสวน อธิปสังเกตเห็นชนิกรรดาที่ยิ้มร่าเริงเมื่อครู่ดูหมองซึมไปทันที เมื่อเดินจากห้องพัก ผ่านไปตามทางเดินที่เป็นสวนดอกไม้อยู่รอบๆ ตัว

กลีบดอกลั่นทมหลากสีเกลื่อนอยู่ทั่วบริเวณ สีขาวนวลตัดกับความมืดรอบบริเวณ วิษุวัตเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้มลงหยิบดอกลั่นทมดอกหนึ่งที่ร่วงปลิวอยู่บนทางเดินหิน

“สวยและหอมมากเลยนะครับดอกลั่นทม ยิ่งร่วงเกลื่อนพื้นแบบนี้เป็นธรรมชาติไปอีกแบบหนึ่ง”

เขายื่นส่งให้ชนิกรรดา พร้อมกับยิ้มอย่างสดใส แต่ดวงหน้านั้นยิ้มตอบเรียบๆ ธรรมดา ไม่สดใสอย่างที่ควรจะเป็น เสียงกระซิบของชนิกรรดาลอดออกมาอย่างแผ่วเบา และยากเย็น

“ขอบคุณค่ะ”


ทั้งสามคนเดินผ่านสวนไปตามป้ายบอกทางของรีสอร์ต ซึ่งจัดเตรียมไว้สำหรับบุฟเฟต์อาหารค่ำริมทะเล

กลิ่นของทะเลเผาส่งกลิ่นหอมยั่วยวนมาบอกทางอีกครั้ง อธิปเริ่มรู้สึกน้ำย่อยออกมาครวญครางอยู่ในท้อง หากไม่ติดว่าเป็นแขกของอาจารย์ภาณุ และเป็นการมาทำงานตัวแทนในฐานะของนิตยสาร เขาคงวิ่งพรวดเข้าหาไลน์บุฟเฟ่ต์ทันที

อาหารทะเลเผาแสนอร่อย ได้เบียร์เย็นๆ ช่างเข้ากับบรรยากาศริมทะเลได้เป็นอย่างดี


ชาวต่างชาติหลายคู่ หลายครอบครัว ต่างทยอยลงมาจากรีสอร์ตด้านที่เป็นตึก และห้องพักตามมุมต่างๆ มาพบกันบริเวณเรือนแถวที่เปิดโล่ง อีกด้านเห็นทะเลในความมืด มีกระถางคบเพลิงอยู่เป็นระยะบริเวณหาดทราย

แขกของรีสอร์ตบางกลุ่มยืนรออยู่ที่ไลน์บุฟเฟ่ต์ ที่มีทั้งอาหารไทยที่จัดสลักตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง รวมถึงอาหารนานาชาติ บาร์บีคิว และของทะเลเผานอกด้านบนหาดทราย

วิษุวัตถามหาโต๊ะจองจากเจ้าหน้าที่ แต่ดูเหมือนว่ากลุ่มของเขาจะมาถึงก่อนคณะของอาจารย์ภาณุ

เจ้าหน้าที่ของห้องอาหารนำทางคนทั้งสามไปยังโต๊ะอาหารสีขาว พร้อมกับโน้ตของอาจารย์ภาณุ พนักงานเสิร์ฟประจำโต๊ะยิ้มต้อนรับ นำจานมาวาง เสิร์ฟน้ำเย็น และถามถึงเครื่องดื่ม อธิปรีบสั่งเบียร์ในทันที


“เดี๋ยวอาจารย์คงมา หากเรามาถึงก่อน ให้เราทานอาหารก่อนได้เลย... คุณชนิกรรดา คุณอธิปไปตักอาหารทานก่อนดีมั้ยครับ”

“กวนคุณวิษุวัตพาชนิกรรดาไปก่อนนะครับ ผมขอละเมียดฟองเบียร์กับบรรยากาศทะเลก่อนดีกว่า”

ชนิกรรดาค้อนอธิปทันที เพราะรับรู้ได้ถึงคลื่นความคิดของอธิป เขากระซิบย้ำอีกครั้ง ก่อนโดนหยิบหมับเข้าที่โคนขา จนเจ้าตัวต้องคลำขาป้อยๆ

“โอกาสดีแล้วนะขอรับ ให้คุณพระเอกเอาใจคุณนางเอกเยอะๆ ก่อนต้องลุยงานหนัก”

วิษุวัตยังยืนรออยู่ที่มุมโต๊ะ เขากลับเข้าใจว่าอธิปโดนชนิกรรดาดุเรื่องดื่มเบียร์ เขายิ้มที่มุมปาก รู้สึกขำชายหญิงคู่นี้ อดไม่ได้ที่แอบพิจารณาหญิงสาวเบื้องหน้าอย่างตั้งใจ

คืนนี้เธอปล่อยผมยาวสยาย เรือนร่างระหงดูงามสง่าแปลกตาเข้ากับบรรยากาศของทะเล ด้วยผ้าบาติกสีม่วง และเสื้อยืดแขนสั้นลายดอกไม้เล็กๆ ไล่เฉดสีม่วงอ่อนๆ

เขาอดคิดถึงดอกลั่นทมที่เธอถือเล่นอยู่ในมือ คงจะเพิ่มความงามให้เธออีกไม่น้อย หากได้ประดับอยู่บนเรือนผมของเธอ ...


ชนิกรรดาอดเขินและขำไม่ได้ เมื่อล่วงรู้ถึงความคิดของวิษุวัต ...
อย่างน้อยวิษุวัตร่างนี้ก็ไม่ได้ละเลยที่จะเก็บดอกลั่นทมมา และเริ่มคิดอย่างที่เขากำลังคิดอยู่ในขณะนี้...

มันช่วยเกลื่อนความรู้สึกได้บ้าง ไม่ทำให้จิตเธอหมองลงมากนักกับความทรงจำเกี่ยวกับดอกลั่นทม ดอกไม้โปรดของเธอ...

เธอเริ่มรู้สึกถึงอณูของวิษุวัตเทพอยู่ในดวงจิตของเธอ แต่เธอคงรู้สึกอบอุ่น เป็นปิติใจมากกว่านี้ หากเขาจะรวมอณูของกายทิพย์และกายหยาบ และรู้สึกเช่นเดียวกับที่เธอรู้สึกอยู่ในขณะนี้...

เธอจ้องมองดอกลั่นทมพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ แล้วจึงหยิบกิ๊บดำตัวเล็กจากกระเป๋าเสื้อยืด เสียบไว้ที่ด้านข้างของเรือนผม แล้วค่อยๆ สอดก้านดอกลั่นทมลงไปในเรือนผมเหนือกิ๊บดำนั้น ก่อนลุกตามวิษุวัตไป

อธิปแทบสำลักเบียร์ในท่าทีหวานๆ ของชนิกรรดา ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่มันก็ทำให้สุขใจที่เห็นรอยยิ้มอย่างมีความสุขของเพื่อนสาว



“น่าแปลกนะครับ พบกับคุณชนิกรรดาทีไร ต้องมีอาหารโปรดของผมอยู่ด้วยตลอด แกงเขียวหวานเนื้อ ไข่ลูกเขย ผัดพริกขิง ผมคงจดจำอาหารเหล่านี้ไปอีกนานทีเดียว เพราะมันทำให้ผมรู้สึกมีความสุขอย่างประหลาด...สุขแบบปิติทีเดียว..."

ทั้งน้ำเสียงและรอยยิ้มที่ส่งผ่านมา ทำให้ชนิกรรดาถึงกับนิ่งอึ้ง

"วันนี้ขอทานให้เต็มที่ คุณชนิกรรดาชอบอะไรบ้างครับ เดี๋ยวผมช่วยตักให้”

ความทรงจำอันปวดร้าวตีขึ้นมาเป็นริ้วๆ ในความรู้สึกของชนิกรรดา บัดนี้อณูของเทวะผสมผสานกับร่างหยาบแทบจะเป็นหนึ่งเดียวกัน

ทุกภพทุกชาติภารกิจก็เริ่มต้นแบบนี้ แม้จะมีอาหารโปรดตรงหน้า หากไม่มีอณูของวิษุวัตเทพ ร่างนั้นก็ไม่อาจจดจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ แม้จะมีสิ่งกระตุ้นสะกิดให้หวนจำแค่ไหนก็ตาม

และเมื่อภารกิจจบสิ้น หน้าที่ของวิษุวัตเทพก็ต้องจากกลับสู่สรวงสวรรค์ไปรับทัณฑ์แห่งมหาเทวะ การพบปะชั่วเสี้ยวของเวลาผ่านห้วงแห่งมิติในโลกมนุษย์ก็จะจบสิ้นลง

บ่อยๆ ในทุกภพที่เธอต้องการให้ วิษุวัตเทพแบ่งอณูและรวมอณูกายทิพย์กับกายหยาบก่อนกำหนดอย่างเช่นที่เธอทำ การใช้ช่วงเวลาในโลกมนุษย์คงมีความสุขร่วมกันมากกว่านี้

แต่การขัดเทวะโองการย่อมไม่ใช่วิสัยแห่งวิษุวัตเทพ

ความน้อยใจของชนิกรรดาเทวีกำลังเข้าซึมซาบอยู่ในความรู้สึก
พบกันในโลกมนุษย์ชั่วขณะเพียงเพื่อปฏิบัติภารกิจแล้วต้องจากกัน และเธอก็ต้องตามหาว่ามหาเทวะซ่อนวิษุวัตไว้ที่ใด เป็นอย่างนี้มาทุกครั้งทุกครา…


เธอกลืนกล้ำความรู้สึกไว้ในขณะที่ภาวะทิพยของชนิกรรดาเทวีซึมผสานไปทุกอณูของร่างกาย...

บางทีกิจครั้งนี้หากเธอประท้วง และหาหนทางใดๆ เพื่อแก้โทษทัณฑ์ครั้งนี้ได้ เธอคงจะมีความรู้สึกที่ดีกว่านี้ มิเช่นนั้นแล้วเธอก็ต้องสะสมความเจ็บปวดไว้ในดวงจิต

เก็บความหยั่งรู้แห่งอดีต ไว้ในความทรงจำไว้อย่างปวดร้าว เพื่อแลกกับสิ่งหนึ่งที่ต้องไขว้คว้าไล่ตามทุกภพทุกชาติทุกจักรวาล ...


“อาหารที่นี่อร่อยนะครับ ทานให้เยอะๆ จะได้มีแรงลุยงานกันพรุ่งนี้ ...คุณคงคือคุณชนิกรรดา”

ขณะที่จิตตก และไม่ได้ทันระวังตัว เสียงหนึ่งก้องอยู่ข้างๆ สัมผัสแห่งเสียงที่ได้ยินนั้นคุ้นหูราวกับพบกันมาหลายภพหลายชาติ ทำให้ชนิกรรดาต้องรีบหันกลับมา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่แขกต่างชาติกำลังเลือกดูอาหารอีกด้านหนึ่งถอยหลังมาชน จนเธอเซผงะไปทั้งตัว ดีทีวิษุวัตหันกลับมาและคว้าร่างของเธอไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะหน้าคะมำลงไปกองกับพื้น

“ไม่เป็นไรนะครับ”

ชนิกรรดาขมวดคิ้ว และรู้สึกฉิวตัวเองขึ้นทันควันที่ปล่อยจิตให้ตกได้ขนาดนั้น เมื่อได้สติอีกครั้ง เธอแทบไม่ได้สนใจคำกล่าวขอโทษของชายต่างชาติที่ชนเธอแต่อย่างใด

หรือแม้แต่ทันสังเกตว่าตัวเองยังอยู่ในอ้อมแขนของวิษุวัต ที่จับแขนของเธอเกร็งไว้แน่น แต่พยายามเพ่งมองคนตรงหน้านั้นให้ลึกเข้าไปในดวงจิต เพื่อตามหาเสียงที่ได้ยินเมื่อครั้งแรก...

“ได้เจอกันสักทีนะคุณวิษุวัต ”

เสียงของคนตรงหน้าเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ชนิกรรดาพยายามปรับสติตั้งสมาธิจิตให้แน่วแน่อีกครั้ง... พร้อมกับฝืนยิ้มทักทายแลให้เหมือนปกติ

แต่เหมือนจะไร้ผล...เป็นความสับสนจากภาวะจิตตกหรืออย่างไร?!

หรือว่าเป็นความหลอนของจิตในระหว่างการผสมผสานอณูของกายทิพย์และกายหยาบ?!

นับเป็นตัวแปรครั้งแรกของภารกิจครั้งนี้ที่ชนิกรรดาแทบไม่ได้คาดคิดมาก่อน...

“อาจารย์ภาณุเอง... สวัสดีครับ... ทานข้าวเลยมั้ยครับ”

“ตามสบายๆ เดี๋ยวค่อยไปคุยต่อกันที่โต๊ะแล้วกัน”

ชนิกรรดาเพ่งหาจิตมารไม่พบในร่างที่เพิ่งเดินจากไป ทิพยโสต และทิพยจักษุคงไม่ผิดพลาดขนาดนั้น!!

เธอเผลอเงยหน้ามองรอบตัวๆ หันไปหันมาอย่างงุนงง ฉุนเฉียวที่ผสมผสานกับความโกรธในความสะเพร่าผิดพลาดของตัวเอง พร้อมกับเพ่งกระแสจิตตามหาคลื่นแห่งมารรอบบริเวณ ในขณะที่วิษุวัต และแขกอื่นๆ มองสภาพเธออย่างสงสัย และงุนงงเช่นกัน

ชนิกรรดาบอกกับตัวเองว่า เสียงนั้นเป็นเสียงของ ฤทธิรุทธ โอรสแห่งพญามารอย่างแน่นอน!!

เสียงฟ้าลั่นครืนติดๆ กันอย่างกึกก้องในฟากฟ้านี้ เฉกเช่นเดียวกับเสียงหัวเราะของพญามารและเหล่ากองทัพแห่งมารในมิติที่ห่างไกล ...




***โปรดติดตามอ่านบทต่อไป***






Create Date : 15 มิถุนายน 2555
Last Update : 15 มิถุนายน 2555 22:43:39 น. 4 comments
Counter : 1173 Pageviews.

 
บังเอิญเจอ อ่านแล้วชอบมากค่ะ ^^


โดย: talent^^ IP: 192.168.177.111, 183.88.251.114 วันที่: 30 มิถุนายน 2555 เวลา:19:57:04 น.  

 

คุณ talent

สวัสดีค่ะคุณ talent ดีใจจังเลยที่ความบังเอิญให้ผ่านมาเจอหน้านี้
ขอบคุณนะคะ ที่สละเวลามาอ่านแล้วชอบ แถมลงชื่อแจ้งให้ทราบด้วย
แอบอยากรู้บังเอิญได้ไงหนอ ว่างๆ แวะมาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ


ยังไงก็ตามอ่านต่อได้ทุกต้นเดือน และกลางเดือนนะคะ
พรุ่งนี้ลงบทต่อไปค่ะ วันนี้ง่วงนอนแว้วว หงือ หงือ


โดย: พรายทราย วันที่: 1 กรกฎาคม 2555 เวลา:1:21:03 น.  

 
ขอบคุณทุกๆ ท่านที่สละเวลามาอ่าน ตัวเลขนับวิ่งเยอะดีแท้
ยังไงก็เขียนคุยกันบ้างนะคะ คนเขียนเหงาๆ แหะ แหะ

พรุ่งนี้รออ่านบทต่อไปเลยนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 1 กรกฎาคม 2555 เวลา:1:22:50 น.  

 
ฉากนี้เป็นฉากที่จำได้เลยครับ เพราะอ่านแล้วอยากตามไปกินด้วยมากกกกกกก


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 4 กันยายน 2555 เวลา:2:23:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พรายทราย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








** ภาพสวยๆ เล็กตรงนี้ Tuscan Terrace ผลงานของ Sung Kim

เคยมั้ยนั่งอยู่ในสวนสวย พร้อมกับจิบกาแฟนั่งมองเกลียวคลื่นซึมซับเข้าหาทราย มันเป็นมุมพักผ่อนที่แสนจะเป็นสุขของเรา...

ขอยืมภาพวาดสวยๆ มาใช้ประดับบ้านเฉพาะกิจก่อน
เก็บไว้นานแล้ว ของใครบ้างหนอ...



**สำหรับคนชอบลอก แอบโกปี้ และตัดปะ**

คิดเอง เขียนเองเถอะค่ะ ...

ความสนุกของการเป็นนักเขียนเรื่องสั้น นิยาย มันอยู่ตรงนี้
แม้มันจะเหนื่อย ล้า เปลี้ย หมดพลัง แค่ไหนเราก็ยังพอใจ ที่ได้สนุกสนาน ได้ร่วมโลดลิ่ว..

ได้รัก ได้เกลียด ได้กินข้าว ได้เต้นระบำ ได้ตบตี ได้เจ็บช้ำ ไม่สบาย ร้องไห้ หัวเราะ ได้ร่วมไปในทุกๆ อารมณ์ กับตัวละคร

ที่พวกชอบลอกนี่จะไม่มีวันได้รู้แน่ๆ ว่าอารมณ์อย่างนั้นมันเป็นอย่างไร...

**และคุณก็ไม่มีวันเป็นคนเขียน เป็นนักเขียนได้เลย


******************************


Friends' Blogs

ลายปากกา

นิตยสารออนไลน์รายสัปดาห์ อ่านสนุก


Branica Web Counters
Friends' blogs
[Add พรายทราย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.