Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
27 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
++++++ ข้อแนะนำในการเขียนตอบข้อสอบ "อัตนัย" ++++++

การเขียนตอบข้อสอบแบบอัตนัยนั้นเป็นศิลปะแบบหนึ่งซึ่งเป็นเหมือนปริศนาที่นักศึกษาจำนวนมากค้นหาไม่เจอว่าควรเขียนอย่างไรดี นักศึกษาจำนวนมาก (ร่วมถึงพวกเรียน ป.เอก) หลาย ๆ คนต่างขยันขันแข็งในการอ่านหนังสือช่วงสอบพร้อมกับตั้งใจเรียนมาทั้งเทอม แต่ก็มาตกม้าตายเมื่อเจอข้อสอบเขียนเพราะเขียนเล่าเรื่องไม่เป็น

ผมเองเคยเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหากับการเขียนตอบข้อสอบ สอบวิชาอะไรก็ตามมักจะเขียนน้อย เขียนไปเรื่อย และออกห้องสอบเร็วมาก ส่งผลให้เกรดที่ได้มีแต่แมว ๆ หมา ๆ เสียส่วนใหญ่ ทว่าเมื่อได้เรียนปริญญาโทจนทุกวันนี้เป็นครูบาอาจารย์ก็ได้พัฒนาทักษะการเขียนของตนเองและคิดสรุปเป็นข้อ ๆ เพื่อให้ใครหลายคนที่เขียนไม่เก่งได้นำไปใช้

ข้อเขียนชิ้นนี้เป็นไกด์นำทางสำหรับคนที่อ่านหนังสือมาแล้วแต่เขียนไม่ค่อยแล่น หากใครไม่ได้อ่านหนังสือมาแล้วหวังแต่ไปแถในห้องสอบ ข้อเขียนชิ้นนี้ช่วยไม่ได้นะจ๊ะ


-------------------------


1. คิดเสมอว่าไม่ได้เขียนให้อาจารย์อ่าน

แม้ว่างานที่เรากำลังทำจะเป็นการเขียนตอบข้อสอบเขียนให้คุณครูอ่าน แต่อยากให้เปลี่ยนความคิดว่า เรากำลังเขียนบทความส่งหนังสือพิมพ์ โดยมีโจทย์ (ข้อสอบ) เป็นตัวกำหนดว่าให้เขียนเรื่องอะไร โดยคนที่กำลังอ่านเรื่องของเรานั้น เป็นคนอ่านที่ไม่มีพื้นความรู้ในสิ่งที่เราเขียนเลย

สมัยเรียน ป.ตรี ผมมักติดคิดเสมอว่าเราเขียนให้อาจารย์อ่าน อาจารย์ย่อมรู้เรื่องอยู่แล้ว ดังนั้นเราจะเขียนขยายไปให้เยอะทำไม

การที่เราพึงระลึกเสมอว่าคนอ่านคือคนที่ไม่รู้ในศาสตร์ของเราเลย จะทำให้เราเขียนโดยมุ่งหวังให้คนอ่านเข้าใจ เราจะเขียนขยายหลักการต่าง ๆ เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเพิ่มขึ้น เพื่อหวังให้คนอ่านได้เข้าใจสิ่งที่เราต้องการสื่อ

2. อย่าคิดไปเขียนไป

เด็กหลาย ๆ คนมักคิดไปเขียนไป ซึ่งปัญหาที่ตามมาคือภาวะหลงประเด็น หลงทาง เขียนไปสักพักหยุดนิ่งเพราะเขียนต่อไม่ได้เหตุด้วยคิดไม่ออก รวมถึงเขียนวกวนและจบไม่ลง

การคิดไปเขียนไปเป็นอันตรายอย่างยิ่ง วิธีแ้ก้ง่าย ๆ คือ เมื่ออ่านโจทย์แล้วให้นั่งใคร่ครวญคิดคำตอบเสียก่อน ต่อจากนั้นให้ลองร่างโครงออกมาดูว่าเราจะเขียนเรื่องอะไรบ้างในคำตอบข้อนั้น (อย่าลืมว่าให้นึกอยู่เสมอว่ากำลังเขียนบทความ ไม่ใช่ตอบข้อสอบ)

โครงเรื่องของเราก็ควรมีการเกริ่นเริ่มต้น นำเสนอเนื้อหา แสดงความคิดเห็น ยกตัวอย่างมาประกอบ เพื่อเป็นโครงร่างให้เราใช้ในการเขียนขยายออกมาเป็นข้อเขียน การทำโครงเรื่องอาจจะทำให้เสียเวลาเพิ่มอีกนิด แต่ก็คุ้มค่าที่จะทำ

ขอยกตัวอย่างเช่น ผมได้โจทย์จากอาจารย์ให้อธิบายว่า เพลงกระแสหลัก หมายความว่าอย่างไร ผมจะเขียนโครงคร่าว ๆ ให้ดูดังนี้

เพลงกระแสหลัก

- เกริ่นนำ (สภาพแวดวงดนตรีบ้านเรา)
- เพลงกระแสหลักแปลว่าอะไร
- ความหมาย 1 + ตัวอย่าง (2-3 ตัวอย่าง)
- ความหมาย 2 + ตัวอย่าง (2-3 ตัวอย่าง)
- ความคิดเห็นเรื่องเพลงกระแสหลัก + ตัวอย่างสนับสนุนความคิดเห็น
- สรุป

อันนี้เป็นตัวอย่างคร่าว ๆ ถ้าโจทย์ยากก็อาจจะต้องเพิ่มเรื่องและรายละเอียดมากขึ้น อย่าลืมว่าต้องทำทุกครั้งเพื่อไม่ให้ตัวเองเขว งงเมื่อไหร่ให้กลับมาดูโครงทุกครั้ง

3.ตัวอย่างสำคัญที่สุด

หลายคนคงสงสัยว่าครูอาจารย์ให้คะแนนข้อสอบต่างกันได้อย่างไร ผมเฉลยให้ว่านอกจากจะดูว่าหลักการเขียนมาถูกไหมแล้ว คุณครูสามารถรู้ได้ว่าเด็กเข้าใจหลักการจริง ๆ หรือเปล่าได้จากตัวอย่างที่ยกมาประกอบ

การยกตัวอย่างเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงหลักการกับเรื่องจริงว่าเป็นเช่นไร ยิ่งหากนักศึกษายกตัวอย่างได้เยอะ (2-3 ชิ้น ต่อหนึ่งหลักการหรือความคิดเห็น) และเป็นตัวอย่างที่ไม่ได้ถูกยกมาจากในห้องเรียน พูดง่าย ๆ ก็คือคิดเอาเอง จะช่วยทำให้คนตรวจเห็นว่า เราเข้าใจเรื่องนั้นจริง ๆ (แต่ถ้ายกตัวอย่างมาผิดอันนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง)

การจะนึกถึงตัวอย่างได้อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ปุ๊บปั๊บ แต่ต้องหมั่นอาศัยการคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์ออกมา ซึ่งต้องเริ่มจากการใคร่ครวญและตั้งคำถามต่อสิ่งที่เรียน ตรงนี้อาจจะยากนิดสำหรับเด็ก ๆ ทุกคนที่ไม่ค่อยสงสัย หรือ สงสัยแต่ไม่กล้าถามหรือถกเถียงกับครู อย่างไรก็ตามลองฝึกคิดดูกันครับ

4. อย่าลืมสรุป

ข้อเขียนที่ดีควรมีสรุป เพื่อเป็นการประมวลว่าทั้งหมดทั้งมวลที่เขียนมากำลังพูดถึงเรื่องอะไร เสนอแนวความเห็นไปแนวทางไหน นอกจากนั้นยังเป็นการทิ้งท้ายให้คนอ่านได้เข้าใจเรา รวมถึงเป็นการทำให้คนอ่านฉุกคิดได้ การเขียนสรุปเป็นเสน่ห์แบบหนึ่งที่ำทำให้คนอ่านติดตรึงใจกับงานของเรา (อาจารย์มีโอกาสให้คะแนนพิศวาสมากขึ้น)

5. หมั่นฝึกเขียน

คุณไม่มีวันเขียนได้ดีเลยถ้าไม่ฝึกเขียน ยิ่งถ้าชีวิตนี้เขียนแต่ข้อความสั้น ๆ จากการคอมเมนต์เพื่อนในไฮไฟว์ หรือพิมพ์สเตตัสในเฟซบุ๊คที่กำหนดความยาวเพียง 420 ตัวอักษรด้วยแล้ว คุณอาจจะงงเวลาต้องเขียนอะไรยาว ๆ เลยทีเดียว

การฝึกเขียนไม่จำเป็นต้องเขียนเรื่องเครียดและเปิดเผยต่อสาธารณชน การฝึกเขียนไดอารี่ในสมุดผ่านทางปากกาและดินสอเป็นวิธีที่ดีอย่างยิ่งเพราะนอกจากเราจะชินกับการเขียนด้วยมือแล้ว เรายังได้ฝึกสมาธิในระหว่างการเขียนด้วย

การเขียนไดอารีนั้น ให้ลองเขียนแบบเล่าเรื่องประหนึ่งเหมือนว่ามีคนกำลังตามอ่านงานของเรา ไม่ใช่เขียนให้ตัวเองอ่านคนเดียวเท่านั้น พยายามลองหารูปแบบการเล่าเรื่องใหม่ ๆ (เช่น วันหนึ่ง ผมเคยลองเขียนแบบเล่าเรื่องไม่ลำดับเวลา สไตล์ภาพยนตร์เรื่อง Pulp fiction พบว่าสนุกดีเหมือนกัน)

การได้ลองเขียนบ่อย ๆ จะทำให้เราคุ้นชินกับการเขียนและสนุกที่จะเขียนมันออกมาแม้ว่าจะเป็นข้อสอบก็ตาม



สุดท้ายนี้หวังว่าใครที่ได้อ่านและชีวิตยังต้องผูกพักกับการเขียนตอบข้อสอบอยู่น่าจะได้ประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ


Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2553 14:36:38 น. 10 comments
Counter : 1479 Pageviews.

 
ขอบคุณมากค่า ^^


โดย: MiM_KtY วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:25:26 น.  

 
เหมาะกับน้องที่อยู่ในวัยเรียนเลยครับ
แต่ไอ้ผมมันเลยวัยเรียนมาแล้วนะซิ อิอิ


โดย: Don't try this at home. วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:41:50 น.  

 
Two thumbs!


โดย: แพนด้ามหาภัย IP: 124.127.123.51 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:05:07 น.  

 
อันนี้เป็นประโยชน์ดี

เท่าที่สังเกต คนที่อ่านเยอะมากพอ จะมีปัญหาเรื่องการเขียนน้อยกว่าคนที่อ่านน้อยๆ นะ อาจจะเพราะได้เห็นตัวอย่างการ "เขียน" มาเยอะด้วยหละมั้ง


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:4:47:47 น.  

 
เป็นประโยชน์มากเลยค่า ขอบคุณที่เอามาแชร์กันนะคะ


โดย: babii-b วันที่: 1 พฤษภาคม 2553 เวลา:14:40:04 น.  

 

ขอบคุณค่า :)


โดย: KJH IP: 183.89.94.241 วันที่: 21 ธันวาคม 2553 เวลา:21:51:10 น.  

 
โอ เช เลย


โดย: ยุ้ย IP: 202.28.12.69 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:27:32 น.  

 
ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นมีประโยชน์มากคะ แต่จะให้ดีที่สุดก็ต้องข้อสุดท้ายนี้หล่ะคะ


โดย: แสงสว่างสร้างขึ้น IP: 58.9.26.110 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:36:57 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน ติว


โดย: swkt (tewtor ) วันที่: 11 เมษายน 2554 เวลา:23:51:59 น.  

 
I will immediately grasp your rss as I can not find your email subscription hyperlink or e-newsletter service. Do you have any? Kindly allow me realize so that I could subscribe. Thanks.
louis vuitton sale //www.boano.com/form/img/nalv.asp


โดย: louis vuitton sale IP: 94.23.252.21 วันที่: 13 สิงหาคม 2557 เวลา:0:09:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

I will see U in the next life.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add I will see U in the next life.'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.