อาการจิตตก และ Tag แบบโหด ๆ ถ่อย ๆ
ช่วงที่บล็อกหายไป ผมเองเป็นภาวะจิตตกครับ ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี อยู่ดี ๆ ก็อยากร้องไห้เสียงั้น สงสัยความโหดร้ายต่าง ๆ ของชีวิตมันจะเขม็งเกลียวในวันนั้น
ตอนกลางวันยังดี ๆ อยู่เลย มาตอนเย็นนั่งรอรถเมล์อยู่หน้าสยาม เกิดอาการแปลกแยกต่อโลกเสียอย่างนั้น รู้สึกว่าที่นี้มันไม่ใช่ที่ของฉันแม้แต่น้อย
ผมไปโพสต์ในเวบรุ่นด้วยปัจจัยหนึ่ง (ที่คิดว่า) เป็นเหตุให้เกิดอาการจิตตก คือ เรื่องหางาน แต่คิดไปคิดมาเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่าสงสัยมึงจะเหงาจัด รีบหาแฟนเสียเถิด
คงจะใช่ละมั้งครับ
ไม่รู้จะอัพอะไรเหมือนกัน เขียนไปเรื่อย หน้าบล็อกที่เคยลงบล็อกไว้มันหาย ก็เอาของที่เคยโพสต์ไว้มาให้อ่าน โหดเถื่อนถ่อยมาก เพราะก็อปมาจากเวบรุ่นไม่มีการปรับเปลี่ยนภาษาเลย
อ่านเอามันละกันนะ
ป.ล. สำหรับแฟนเพลงของSiam Secret Service รออ่านบทสัมภาษณ์ ภากร มุสิกบุญเลิศ หรือ คุณบีม โดยผมสัมภาษณ์เอง ได้ที่นี้เร็ว ๆ นี้นะครับ
ป.ล.2 วันที่ผมจิตตก ไม่น่าเชื่อนะครับว่าจะหายได้ด้วยการไปนั่งกินข้าวกับเพื่อน นั่งเม้าท์ฮา ๆ ฮาร์ดคอร์กัน และสิ่งสำคัญคือการได้ฟังเพลง Shine ของ Take That ครับ
หายเลย ไม่น่าเชื่อ
Create Date : 14 มีนาคม 2550 |
Last Update : 14 มีนาคม 2550 22:05:59 น. |
|
26 comments
|
Counter : 633 Pageviews. |
|
|
|
เรื่องที่ 6 The Court Manager
กูเป็นคนอ้วนที่ชอบเล่นกีฬามาก ซึ่งอาจจะขัดกับการรับรู้เกี่ยวกับคนอ้วนทั่วไปที่พวกมึงรับรู้ กูคิดเอาว่านอกจากป๊อก อีกอล์ฟ ซึ่งเป็นพวกนักกีฬามหาลัยแล้ว สมัย ป.ตรี กูคงเป็นคนที่ออกกำลังกายมากที่สุด (แต่ห้ามถามน่ะว่าทำไมถึงไม่ผอม)
ทุก ๆ เย็นเป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนว่าหาตัวดองได้ไม่ยากนอกจากสนามบาส ใครมีกิจธุระอะไรไม่นัดก่อนอย่าฝันเลยว่ากูจะไป เหตุผลเดียวคือ กูจะเล่นบาส การได้ออกกำลังกายเป็นการผ่อนคลายอย่างดีเลิศ ยิ่งกีฬาบาสที่เป็นแหล่งรวมคนปากหมาด้วยแล้ว สนุกสนานเฮฮาดั่งหมู่สัตว์ป่ารวมฝูง คำหยาบด่าพ่อล่อแม่ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะจะมีการคิดคำด่าใหม่ ๆ ออกมาเสมอ อาทิเช่น
มึงมีหัวไว้กั้นหูหรอ เอาไว้ด่าพวกเล่นบาสโง่ ๆ ว่ามีหัวไว้แค่กั้นหูสองข้างออกจากกั้น ไม่ใช่เอาไว้ใส่สมอง เป็นต้น
ยิ่งเวลาสาว ๆ เดินผ่านหรือเข้ามาในสนามบาส รับรองมีได้โห่ฮาแน่ (ถ้าใครไม่เจอนี้ต้องพิจารณาตัวเองมาก ๆ ว่าหน้าตาอุบาทว์) กูพอจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า พริกกับเชอรี่เคยเดินเข้าไปในสนามครั้งสองครั้ง กูละกลัวเพื่อนกูเจอความปากหมาจริง ๆ
ในสนามบาสมีระบบ Seniority แบบไม่ต้องบอกกล่าวฝังอยู่ เด็ก ๆ มาต้องไหว้พี่ พี่ ๆ ดูแลน้อง ดังนั้นมันจึงรู้จักกันเกือบทั้งสนาม เฮฮาปาร์ตี้แดกเหล้ากันทุกวัน
กูเองก็เริ่มจากการเป็นน้องค่อยไต่เต้ามาจนเป็นพี่เบิ้มในสนาม เด็กไหนมาใหม่ต้องมาทำความรู้จักกันเสียก่อน แม้กูจะเล่นบาสไม่เก่งนักแต่ด้วยความที่กูเป็นคนไม่ค่อยเปรี้ยวตีนกับใครและเล่นบาสด้วยความทุ่มเทเสมอ เลยทำให้พี่ ๆ รักใคร่ ๆ น้อง ๆ นับถือ กูเลยได้รับหน้าที่เป็นผู้จัดการสนามบาสโดยปริยาย หน้าที่ของการเป็นผู้จัดการสนามบาสก็คือ
เปิดไฟสนามตอนจะมืด ถ้าตู้ไฟล็อคกุญแจ ก็เป็นคนวิ่งไปตามเจ้าหน้าที่มาไข
- กวาดสนามบาสยามฝนตก (อันนี้ทำใจได้)
- กวาดเศษแก้วยามมีตัวเหี้ยมาแดกเหล้าสนามบาส (อันนี้แช่งมันเจอเศษแก้วตัดจู๋ขาด)
- ขูดเอาเศษเทียนที่บรรดาชายหนุ่มมาจุดเทียนเป็นรูปหัวใจบอกรักสาวหอหกหญิง (อันนี้แช่งแม่งตายเลย เพราะเทียนเหล่านี้วิ่ง ๆ ไปก็เท่ากับว่าขัดไปในตัว ดังนั้นจะลื่นมาก)
ดึก ๆ สมมติสักห้าทุ่ม ยังเห็นมีเด็กเล่นบาสอยู่ ก็ต้องขี่มอเตอร์ไซค์มาบอกมันว่า น้องครับ เลิกเล่นได้แล้วครับ จะปิดไฟแล้ว หรือถ้าใจดีก็บอกน้องครับเล่นเสร็จแล้วปิดไฟด้วยนะ ล่าสุดปลายปีที่แล้วเจอแม่งฟิตมาเล่นกันตอนตีหนึ่ง กูไปเล่าให้ใครฟังมีแต่บอกว่าเจอผีหรือเปล่า
ส่วนหน้าที่ที่ไม่อยากทำเลย แต่ต้องทำโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนช่วง บาส freshy คือการห้ามมวย กูใช้ความรุนแรงในการห้ามมวย ทั้งด่า ตะโกน ว้ากใส่ (แต่ไม่ต้องออกแรงเพราะมีคนช่วยอยู่แล้ว) จนคนแถวนั้นนึกว่ากูเองเสียอีกที่มีเรื่อง 555
ความยิ่งใหญ่ของกูในฐานะผู้จัดการสนามบาสถึงขนาดที่ว่า ใครจะมาใช้สนาม ปกติมันต้องไปบอกชมรมบาส (ซึ่งกูขอบอกว่าชมรมบาส มช. เหี้ยมาก และผู้คนในสนามบาสเกือบทั้งหมดไม่ได้อยู่ชมรมนี้) เพื่อขอใช้สนาม แต่เป็นการรู้กันภายในว่าบอกไปก็เท่านั้น ทุกคนก็เลยมาบอกกู อย่างคณะนี้จะขอซ้อมวันนี้เท่านี้ มาบอกกู กูแบ่งให้ เวลาเท่านี้ถึงเท่านั้นน่ะ คณะอื่นจะได้ใช้บ้าง อ้าวซ้อมด้วยกันได้ไหม อะไรว่าไป ขนาดวิศวะยังต้องอ้อนวอนกู
มีแข่งกีฬาในมอ. เด็กมหาลัยอื่นจะมาซ้อม กูเข้าไปเคลียร์ ชวนเขาเล่น ทำทุกอย่าง กูไม่ทำ พวกแก่กว่ากูก็ตะโกนมาให้กูไปจัดการ พักหลังมีถึงขั้นมีถนนคนเดินในมอ. มาแอบลักใช้ไฟสนามบาส พวกแก่ ๆ เลยให้กูไปเคลียร์ซะงั้น (อะไรจะขนาดนั้นว่ะนี้)
ใครเคยไปดูกูแข่งบาสหรือคุมแข่งบาส (ซึ่งคงมีแต่ดีบุกที่เคยไป) คงจะคุ้นตาดีว่าโค้ชบาสคณะมนุษย์นี้ฮาร์ดคอร์มาก ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสั่งและกระตุ้นลูกทีมตลอดเวลา เล่นไม่ดีด่าแรงเสียจนกรรมการสยอง ยิ่งตอนคุมทีมน้อง ๆ ไปแข่งนี้สุดยอดแห่งความฮาร์ดคอร์จนเอารองแชมป์มาครองได้
ทุกวันนี้กูกลับไป สถานะก็ยังคงเดิมนิดหน่อย เพราะไม่ค่อยมีปัญหาอะไรยกเว้นจะต่อยกับโค้ชบาส มช. (ชื่อเหี้ยแป๊ะ เหี้ยมาก ๆ) เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่กูกลับไปเชียงใหม่แล้วยังเหลือคนรู้จักอยู่มากมาย
แถมกลับไปยังเป็นเด็กน้อย เพราะรุ่นเด็กที่สุดในสนามเท่าที่ยังมาเล่นอยู่คือรหัส 44 คิดดูเองละกันว่าแม่งแก่กันขนาดไหน