Group Blog
มิถุนายน 2559

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
15
16
17
18
20
21
22
24
25
26
27
28
30
 
 
All Blog
ทนายอ้วนชวนเที่ยว - รุ่งอรุณแห่งความสุข ณ สุโขทัย - วัดเจดีย์เจ็ดแถว ศรีสัชนาลัย สุโขทัย
สถานที่ท่องเที่ยว : วัดเจดีย์เจ็ดแถว อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย สุโขทัย, สุโขทัย Thailand
พิกัด GPS : 17° 25' 50.34" N 99° 47' 10.97" E






วัดใน entry นี้เป็นวัดอีกหนึ่งวัดในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยที่มีความสวยงาม ใหญ่โต อลังการงานสร้างมากๆ และเป็นวัดที่เป็น TheMust - ห้ามพลาด เมื่อมาเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย สุโขทัย



ที่ที่เราได้ไปเที่ยวกันมาแล้วก็มี



ประตูรามณรงค์

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=chubbylawyer&month=06-2016&date=10&group=44&gblog=2



วัดนางพญา

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=chubbylawyer&month=06-2016&date=14&group=44&gblog=3



วัดหลักเมือง วัดหน้าเมือง และ วัดป่าอุดมสัก

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=chubbylawyer&month=06-2016&date=19&group=44&gblog=4



วัดสวนแก้วอุทยานใหญ่

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=chubbylawyer&month=06-2016&date=23&group=44&gblog=5





วัดเจดีย์เจ็ดแถว อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย สุโขทัย




อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยอยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองสุโขทัยขึ้นไปประมาณ50กิโลเมตรสามารถเดินทางไปได้2เส้นทางคือจากจังหวัดพิษณุโลกวิ่งตรงขึ้นไปใช้เส้นทางหมายเลข101โดยไม่แยกเข้าตัวเมืองสุโขทัยหรือจะแยกเข้าตัวเมืองสุโขทัยแล้วใช้เส้นทาง1201วิ่งเลียบแม่น้ำยมขึ้นไปผ่านท่าอากาศยานสุโขทัยเส้นทางนี้จะค่อนข้างคดเคี้ยวตามลำน้ำยมแต่ก็จะถึงอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยเลยถ้าวิ่งเส้น101จะต้องอ้อมขึ้นไปแล้ววกลงมาอีกทีครับแต่เส้นทางจะเป็นถนนที่ตรงมากกว่า


วัดเจดีย์เจ็ดแถวตั้งอยู่ในแนวแกนหลักของวัดใหญ่ๆในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย หันหน้าวัดไปทางทิศตะวันออก จากทางเข้าหลักของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย วัดเจดีย์เจ็ดแถวจะตั้งอยู่ระหว่างวัดสวนแก้วอุทยานใหญ่กับวัดมหาธาตุ (วัดช้างล้อม) อยู่ด้านหลังวัดนางพญา ชื่อ วัดเจดีย์เจ็ดแถว นี้เป็นชื่อที่ชาวบ้านมาเรียกกันในภายหลังตามลักษณะเจดีย์ที่อยู่ในวัดที่มีมากมาย ส่วนชื่อจริงๆของวัดนี้ยังไม่พบหลักฐานที่กล่าวถึง








เมื่อพิจารณาจากที่ตั้งของวัดที่เป็นหนึ่งในแนวแกนหลักของวัดกลางเมืองศรีสัชนาลัย และขนาดของวัดที่มีขนาดใหญ่ มีพื้นที่และสิ่งก่อสร้างต่างๆมากมายเกินกำลังของราษฎรธรรมดาจะอุปถัมภ์ ก็พอจะอนุมานได้ว่าคงเป็นวัดที่สำคัญวัดหนึ่งของเมืองศรีสัชนาลัย



จากพระราชวินิจฉัยในพระบามสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในพระราชนิพนธ์ “เที่ยวเมืองพระร่วง” ว่า “วัดเจดีย์เจ็ดแถวนี้เป็นวัดใหญ่เพราะฉะนั้นจำจะต้องลองสันนิษฐานดูว่าเป็นของใคร นายเทียนกล่าวว่าวัดนี้เดิมเขาเรียกว่า วัดกัลยานิมิต เพราะว่านางพญาธิดาแห่งพระมหาธรรมราชา (บาธรรมราช)เป็นผู้สร้างขึ้น นายเทียนอ้างหนังสือที่ไฟไหม้นั้นเป็นพยานอีก”



สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีพระวินิจฉัยว่าวัดนี้เป็นวัดที่สวยงามกว่าวัดอื่นๆ อาจจะเป็นวัดของกษัตริย์ และเจดีย์รายอื่นๆคงเป็นเจดีย์สำหรับบรรจะพระอัฐิของเจ้านาย (จากการศึกษาในปัจจุบันพบว่าเจดีย์รายต่างๆล้วนสร้างขึ้นในคราวเดียวกัน เพราะมีการวางผังการสร้างอย่างสวยงามและสมดุลกัน)



วัดเจดีย์เจ็ดแถวมีกำแพงศิลาแลง 2 ชั้น ชั้นนอกกว้าง 97.80 เมตร ยาว 145.50 เมตร ใช้การปักศิลาแลงแท่งใหญ่ๆลงในพื้นดินเรียกกันเป็นแถวจนเป็นกำแพงแล้วทับด้วยศิลาแลงก้อนสี่เหลี่ยมด้านบน ทำเป้นประตูทางเข้าตรงกันกับกำแพงชั้นในทั้ง 4 ประตู กำแพงชั้นในกว้าง 58.70 เมตร ยาว 94.80 เมตร ใช้การเรียงก้อนศิลาแลงเป็นกำแพงและซุ้มประตู มีซุ้มประตูทางเข้าตรงกันกับกำแพงชั้นนอก 4 ประตู ทุกด้วยทำซุ้มประตูยกเว้นด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือเจาะเป็นทางเข้าแต่ไม่ได้ทำซุ้มประตู






ด้านหน้ามีพระวิหารขนาด 11 ห้อง กว้าง 16 เมตร ยาว 47.80 เมตร มีมุขยื่นออกมาทั้งด้านหน้าและหลัง เห็นทีบันไดทางขึ้นข้างหน้า 2 ข้าง ซ้าย – ขวา แต่บันไดข้างไม่มีแน่ครับ บันไดหลังจะมีหรือเปล่าไม่แน่ใจนะครับเพราะสายตามัวแต่ไปโฟกัสอยู่ที่พระเจดีย์ประธานทรงพุ่มข้าวบิณฑ์กับเจดีย์ราย จากการขุดแต่งและบูรณะกรมศิลปากรพบร่องรอยของไฟไหม้บริเวณแท่นบูชาและพระประธาน เพราะพบเศษปูน สำริด และขี้เถ้าอยู่เป็นจำนวนมาก









เจดีย์ประธานของวัดเจดีย์เจ็ดแถวเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือทรงทนาฬ หรือทรงดอกบัวตูมขนาดใหญ่ ฐานพระเจดีย์เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดยาวด้านละ 13.50 เมตร มีระเบียงคด (มีหลังคาคลุม) ล้อมรอบ มีแท่นบูชาตั้งอยู่ทั้งสี่ทิศ เฉพาะด้านหน้า (ทิศตะวันออกเฉียงใต้) มีขนาดใหญ่กว่าทางด้านอื่นๆ และยังเชื่อมต่อกับท้ายวิหารอีกด้วย มีฐานเขียงขนาดใหญ่ตั้งซ้อนกันเป็นชั้นสูง 3 ชั้น สอบเล็กน้อยเพื่อรองรับฐานบัวลูกแก้วอกไก่ในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส ถัดขึ้นไปเป็นฐานแว่นฟ้าซ้อนกันค่อนข้างสูง ชั้นเรือนธาตย่อมุมไม้ยี่สิบ ยอดทำเป็นรูปพุ่มข้าวบิณฑ์หรือทรงบัวตูม ส่วนบนของทรงดอกบัวตูมทำเป็นวงแหวนซ้อนกันเรียวขึ้นไปเรียกว่า “ปลี”






เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือทรงทนาฬ หรือทรงดอกบัวตูมนี้ถือเป็นศิลปะสุโขทัยแท้ๆ ที่ศิลปินในสมัยสุโขทัยคิดขึ้นและไม่พบว่ามีการสร้างเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ในสมัยต่อมาอีกเลย






สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงวินิจฉัยว่าอาจจได้แบบอย่างมาจากเจดีย์จีน (ถะ) แล้วมาดัดแปลงให้เหมาะสมกับกระบวนงานช่างของไทยด้วยทรงเห็นภาพเจดีย์แบบจีนจากภาพที่ฝังศพแบบโบราณในหนังสือ “อินลัสเตรทเต็ด ลอนดอนนิวส์” (ค.ศ.1928) ว่ามีลักษณะคล้ายคลึงอยู่บ้าง ประกอบกับในสมัยสุโขทัยได้มีการติดต่อกับจีนอย่างใกล้ชิด






ศาตราจารย์ศิลปะ พีระศรี มีความเห็นในแง่ของศิลปะว่าอาจจะได้รับแบบอย่างมาจากสถาปัตยกรรม “ซาราเซน (SaracenicStyle) เพราะมีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับยอดสุเหร่าหรือมัสยิด (mosque) ของมุสลิมหรือชาวอาหรับ






ศาสตรจารย์ยอร์ช เซเดย์ ได้ให้ความเห็นไว้ในบทความเรื่อง “อิทธิพลอินเดียต่อศิลปะไทย” ในหนังสือ IndianArt & Letters (ค.ศ.1950) ว่าโครงสร้างของเจดีย์แบบนี้ดูเหมือนว่าจะมาจากรูปทรงของโกศบรรจุพระบรมอัฐิ






มร.กริสโวลด์ มีความเห็นไว้ในหนังสือ Towardsa History of Sukhodaya Art ว่า พญาเลอไทยคงจะได้แบบอย่างมาจากเจดีย์จำลองที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของลังกาซึ่งเป็นรูปดอกบัวตูม






ที่น่าสนใจที่สุดเป็นความเห็นของ ดร.ธนธร กิตติกานต์ ในหนังสือ “มหาธาตุ” หน้า 136 – 138 ที่เห็นว่ารูปแบบของเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์หรือทรงดอกบัวตูมน่าจะมาจาก “โจม” หรือ “ขระโจม” ซึ่งเป็นภาชนะท้องถิ่นชนิดหนึ่งมีลักษณะเป็นทรงพุ่มคล้าย “อูบ” หรือ “ขระอูบ” ซึ่งเป็นภาชนะเครื่องเขินของล้านนา หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรปรากฏใน จารึกพ่อขุนรามพล (หรือพญารามพระอนุชาของพญาลิไท) มีข้อความว่า



“...พ่อขุมรามพลได้เมืองศรีสัชนาไลยนี้คืนโสด เขาพี่น้องส...คน... เป็นขุนกว้าน อยู่ได้สี่เดือนจึงสอมยอดพระธาตุ เอาทองนพคุณโสรม เอาไพฑูรย์ใส่เป็นโจม สุดบ ... ดพ่อขุนรามพลเข้าเมืองศรีสัชนาไลยหากให้แก่พี่น้อง แก่ฝูงทวยทหารได้สามแสนคน”



นอกว่านั้นในตำนานพระธาตุแช่แห้งยังระบุเลยว่าภาชนะนี้สำหรับใส่พระธาตุเท่านั้น






ส่วนเจดีย์รายมีจำนวนทั้งหมด 26 องค์ มีรูปแบบต่างกันเพราะได้รับอิทธิพลจากที่ต่างๆ เช่น ลังกา พุกาม และศรีวิชัย
















มีเจดีย์รายอยู่ 2 องค์ ที่มีรายละเอียดโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์คือ เจดีย์ประจำมุมทางทิศเหนือ (เจดีย์รายหมายเลข 3 อยู่ด้านหลังเจดีย์ประธานด้านติดกับถนนผ่ากลางอุทยานฯ) เป็นเจดีย์ทรงปราสาทยอดในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัสมียอดเป็นทรงกลมที่ได้รับอิทธิพลของศิลปะพุกาม มีการประดับซุ้มด้วยลวดลายฟักเพกา ตกแต่งท้องไม้ด้วยลายกากบาท สถูปิกะ (ยอดเล็กทั้ง 4) เป็นทรงสี่เหลี่ยมตกแต่งด้วยปูนปั้นเป็นลวดลายกลีบบัว องค์ระฆังแต่งด้วยรัดอก องค์ระฆังทำเปฌนซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วยพระพุทธรูปปางเปิดโลก พระพุทธรูปปางประทานอภัย พระพุทธรูปปางลีลา แต่ไม่มีองค์ไหนสมบูรณ์สมบูรณ์







เจดีย์รายอีกองค์ที่มีลักษณะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์คือเจดีย์ประจำด้านอยู่ด้านหลังของเจดีย์ประธานพอดี (เจดีย์รายหมายเลข 33) เป็นเจดีย์ทรงปราสาทแบบสุโขทัยยอดในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัสมียอดเป็นทรงกลม มีลักษณะผสมผสานกันระหว่างศิลปะเขมร ล้านนา และศิลปะสุโขทัย องค์ระฆังของเจดีย์ทำเป็นห้อง “ครรคฤหะ” เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ด้านหน้ามีประตูสำหรับเข้าสู่ห้องคูหา ด้านข้างมีซุ้มปีกนก 2 ซุ้ม ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดเล็ก ด้านในห้องคูหาหรือห้องครรคฤหะประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางประทานอภัย ภายในคูหายังมีจิตรกรรมฝาผนังสมัยสุโขทัยใช้สีแบบเอกรงค์ (สีเดียว) นับเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เก่าแก่ที่สุดกำหนดอายุได้ประมาณพุทธศตวรรษที่ 19 - ต้นพุทธศตวรรษที่ 20 แต่ปัจจุบันเลือนแทบจะไม่เห็นร่องรอยแล้ว








ด้านหลังของเจดีย์มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรกซึ่งโดยทั่วไปแล้วในสมัยสุโขทัยจะไม่นิยมสร้าง เมื่อปี พ.ศ. 2501 พระพุทธรูปองค์นี้ยังมีสภาพสมบูรณ์อยู่กรมศิลปาการจึงได้จำลองแบบเอาไว้ ภายหลังมีคนร้ายเข้ามาลักลอบตัดเศียรพระพุทธรูปไป กรมศิลปากรจึงทำการบูรณะโดยการถอดแบบพิมพ์จากแบบจำลองนำมาต่อเติมให้สมบูรณ์โดยจะเห็นว่าส่วนที่ถอดมาจากแบบจำลองมีความใหม่กว่าส่วนของพระพุทธรูปที่มีอยู่เดิม







เมื่อเดินออกไปนอกกำแพงแก้วจะพบกับสระน้ำโบราณ กับพระอุโบสถ (ไม่ได้ถ่ายรูปมาครับ)






เมื่อวนกลับมาที่บล็อกท่องเที่ยวอีกครั้งรอพบกับวัดอีกหนึ่งวัดที่มีความสำคัญอีกแห่งหนึ่งในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยนะครับ







ขอบคุณ code เพลงจากบล็อก  "ป้ากล้วย"  ครับ






อีกช่องทางหนึ่งในการติดตามการท่องเที่ยวแบบตามใจทนายอ้วนครับ



ทนายอ้วนพาเที่ยว - ChubbyLawyer Tour



https://www.facebook.com/ChubbyLawyerTour/






Chubby Lawyer Tour …………… เที่ยวไป...........ตามใจฉัน






SmileySmileySmiley




Create Date : 29 มิถุนายน 2559
Last Update : 29 มิถุนายน 2559 17:30:44 น.
Counter : 5949 Pageviews.

11 comments
  
ไปเที่ยวมาเมื่อปีใหม่น่ะค่ะถ่ายรูปมาเหมือนกันแต่ไม่ได้ลงเลยค่ะ ไม่สวยสักรูป 555
โดย: zungzaa วันที่: 29 มิถุนายน 2559 เวลา:20:07:21 น.
  
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog

..............................

มีโอกาสต้องตามรอยคุณบอลบ้างค่ะ
มีความสุข ความภูมิใจในบ้านเราที่ได้ชมโบราณสถานค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 29 มิถุนายน 2559 เวลา:23:47:23 น.
  
ใหญ่เลยนะคะคุณบอล อยากเห็นแบบที่สัณนิษฐานไว้จริง ๆ ... นั่ง time - machine ไปดูได้ก็ดีสิ
โดย: Tristy วันที่: 30 มิถุนายน 2559 เวลา:1:51:42 น.
  
thx u crab
โดย: Kavanich96 วันที่: 30 มิถุนายน 2559 เวลา:3:10:47 น.
  
ดูยิ่งใหญ่ อลังฯ ดีจังเลยค่า
โดย: Close To Heaven วันที่: 30 มิถุนายน 2559 เวลา:8:22:25 น.
  
แวะมาตามไปเที่ยวคร้าบ
โดย: Hathi วันที่: 30 มิถุนายน 2559 เวลา:12:18:08 น.
  
มาขอบคุณที่ไปกินด้วยกันแล้วก็แว้บมาเที่ยวที่บ้านนี้บ้างค่าา แฮ่..

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Max Bulliboo Klaibann Blog ดู Blog
mambymam Music Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 30 มิถุนายน 2559 เวลา:15:45:24 น.
  
อากาศแบบช่วงนี้เหมาะกับการไปเที่ยวนะคะน้องบอล ไม่ร้อน
แต่ไม่กล้าหลับตานึกภาพอดีตค่ะ กลัวลืมตาขึ้นมาแล้วกลับไปอยู่ยุคนั้น ^__^
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ฟ้าใสวันใหม่ Home & Garden Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
ออมอำพัน Literature Blog ดู Blog
mariabamboo Photo Blog ดู Blog
AppleWi Craft Blog ดู Blog
pantawan Health Blog ดู Blog
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog
โดย: เนินน้ำ วันที่: 30 มิถุนายน 2559 เวลา:16:53:40 น.
  
พี่เคยเห็นพระวิหารขนาด 9 ห้อง ว่าใหญ่โตอลังการงานสร้างแล้ว ที่วัดนี้ขนาด 11 ห้อง

เจดีย์รายแต่ละองค์ งามมากค่ะ

ขอบคุณภาพสวย ๆ + ข้อมูลนำชม ดีงามมากค่ะ คุณบอล


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ออมอำพัน Literature Blog ดู Blog
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
auau_py Food Blog ดู Blog
touch the sky Food Blog ดู Blog
อุ้มสี Fanclub Blog ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 30 มิถุนายน 2559 เวลา:17:01:01 น.
  
เป็นอีก 1 วัดไฮไลท์ของศรีสัชนาลัยเลยฮะ
โดย: ไอฟายน้อย (Ces ) วันที่: 7 กรกฎาคม 2559 เวลา:22:08:21 น.
  
วัดไทยสวยสวย น่าเที่ยว
โดย: gbabe (gbabe ) วันที่: 9 กรกฎาคม 2559 เวลา:13:39:08 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทนายอ้วน
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]