Entry  ที่แล้วเราเริ่มต้นการท่องเที่ยวโบราณสถานในเมืองเก่าศรีสัชนาลัยด้วยจุดแรกที่ทุกคนจะต้องเจอถ้ามาเที่ยวอทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย คือประตูรามณรงค์และกำแพงเมืองศรีสัชนาลัยและก็ได้เล่าประวัติความเป็นมาของสุโขทัยคร่าวๆให้ฟังด้วย วันนี้จะพาไปเที่ยวภายในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยกันต่อนะครับ วัดที่จะพาไปเที่ยวใน entry นี้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากๆ แต่ไม่ได้เป็นวัดที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ยุคต้นๆของสุโขทัยนะครับ แต่จะมีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องอะไร และวัดจะสร้างขึ้นในยุคไหนไปติดตามชมกันครับ

วัดนางพญา อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย

อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองสุโขทัยขึ้นไปประมาณ 50 กิโลเมตร สามารถเดินทางไปได้ 2 เส้นทางคือจากจังหวัดพิษณุโลกวิ่งตรงขึ้นไปใช้เส้นทางหมายเลข 101 โดยไม่แยกเข้าตัวเมืองสุโขทัย หรือจะแยกเข้าตัวเมืองสุโขทัยแล้วใช้เส้นทาง 1201 วิ่งเลียบแม่น้ำยมขึ้นไป ผ่านท่าอากาศยานสุโขทัยเส้นทางนี้จะค่อนข้างคดเคี้ยวตามลำน้ำยมแต่ก็จะถึงอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยเลย ถ้าวิ่งเส้น 101 จะต้องอ้อมขึ้นไปแล้ววกลงมาอีกทีครับ แต่เส้นทางจะเป็นถนนที่ตรงมากกว่า

วัดนางพญาเป็นจุดแรกของการเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย (ด้วยเท้านะครับ ถ้านั่งรถจะเป็นที่สุดท้าย) อยู่ใกล้กับกำแพงเมืองด้านทิศตะวันออกตรงประตูรามณรงค์ ตั้งอยู่ในแนวเดียวกับวัดสวนแก้วอุทยานใหญ่และวัดเจ็ดยอด หน้าวัดจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ (หันหน้าชนประตูรามณรงค์)

ไม่มีหลักฐานแน่นอนว่าใครเป็นผู้สร้างวัดนี้มีแต่คำบอกเล่าต่อๆกันมาว่ามีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ๆได้กราบทูลต่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวครั้งเสด็จประพาสเมืองสวรรคโลก (ศรีสัชนาลัย) ว่า “พระนางพสุจเทวี” พระราชธิดาของพระเจ้ากรุงจีนซึ่งเป็นพระมเหสีของพระร่วงเป็นผู้สร้างวัดนี้

ตามป้ายของกรมศิลปกรระบุไว้ว่าวัดนางพญาสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่   21 ซึ่งอยู่ในสมัยอยุธยาตอนต้น  (น่าจะเป็นช่างที่สุโขทัยตกหรือเกือบจะตกอยู่ภายใต้อำนาจของอยุธยาแล้ว) ถือว่าเป็นวัดใหญ่วัดหนึ่งในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยแต่น่าแปลกที่ไม่มีเอกสารใดกล่าวถึงวัดนางพญาเลย   ถ้าดูจากรูปแบบสันนิษฐานจะเห็นว่าเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่มากมีทั้งวิหาร เจดีย์ประธาน เจดีย์ราย และที่สำคัญมีพระอุโบสถด้วย

อาณาเขตของวัดทั้งหมดถูกล้อมไว้ด้วยกำแพงแก้วและกั้นส่วนของพระวิหารและพระอุโบสถ มีทางเข้าเป็นซุ้มประตูย่อมุมที่เหลือแค่ส่วนกลางๆ ส่วนบนพังไปหมดแล้ว

เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามาจะเห็นพระวิหารขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าเป็นพระวิหารทึบ (มีผนังทั้งสี่ด้าน) ขนาด 7 ห้อง ก่อด้วยศิลาแลง หลังคาเป็นเครื่องไม้มุงกระเบื้องดินเผา หลังคาคลุมไปถึงเสาระเบียงที่ตั้งเรียงอยู่นอกพระวิหาร ทั้งด้านหน้าและด้านหลังมีมุขยื่นออกมา มีบันไดขึ้นทั้งด้านหน้าและด้านหลังด้านละ 2 ข้าง

ที่ผนังเจาะช่องแสงเป็นลูกกรงสี่เหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ของสิ่งก่อสร้างในยุดสุโขทัยตอนปลายต่อเนื่องอยุธยาตอนต้น ผนังด้านนอกด้านที่เหลือ (ด้านใต้) พบว่ามีการประดับลายปูนปั้น (StuccoDecoration) เป็นการปั้นปูนลงบนศิลาแลงโดยตรง มีลวดลายสวยงามต่างๆ เช่น ลายรักร้อย ลายแข้งสิงห์ ลายประจำยาม รูปกึ่งมนุษย์กึ่งวานรกำลังวิ่ง ลายเทพพนม ลายพรรณพฤกษา เป็นต้น มีอิทธิพลของศิลปกรรมล้านนาและจากจีน ลวดลายทั้งหมดทำให้สันนิษฐานช่วงระยะเวลาในการสร้างวัดนางพญาได้

เจดีย์ประธานตั้งอยู่ด้านหลังพระวิหาร เป็นเจดีย์ทรงระฆังตั้งอยู่บนฐานประทักษิณสูง มีร่องรอยว่าเคยมีช้างปูนปั้นสลับกับเสาประทีปล้อมรอบฐานประทักษิณเช่นเดียวกับวัดช้างล้อมในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย

องค์เจดีย์ประกอบด้วยฐานเขียงในผังกลม 3 ชั้นรองรับชั้นลูกแก้วอกไก่และมาลัยเถา 3 ชั้น องค์ระฆังเป็นเจดีย์ทรงระฆังแบบลังกา มีชั้นบัลลังก์ในผังสี่เหลี่ยมไม่มีเสาหาน มีปล้องไฉนและปลียอด

ที่ชั้นมาลัยก่อเป็นซุ้มยื่นออกมาทั้งสี่ทิศสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปยืน ยกเว้นด้านหน้าที่เจาะเป็นประตูทางเข้าภายในองค์เจดีย์สามารถมองเห็นแกนเจดีย์ซึ่งประดับลวดลายปูนปั้นและทำเป็นซุ้มพระพุทธรูปทั้ง 4 ทิศ ปัจจุบันพระพุทธรูปประจำทิศทั้ง 4 ได้ชำรุดหมดแล้ว

มีเจดีย์รายอีก  2  องค์อยู่ค่อนไปทางด้านหลัง

พระอุโบสถอยู่ภายในกำแพงแก้วมีขนาดเล็กกว่าพระวิหาร (สมัยก่อนไม่ให้ผู้หญิงเข้าในพระอุโบสถจึงไม่จำเป็นต้องสร้างพระอุโบสถที่มีขนาดใหญ่โต) คาดว่าน่าจะมีลักษณะคล้ายๆพระวิหารคือ มีมุขหน้าและหลัง หลังคาคลุมไปถึงเสาที่ตั้งเป็นแนวนอกพระอุโบสถ มีบันไดขึ้นทั้งด้านหน้าและด้านหลังด้านละ 2 ข้าง

เดี๋ยวคราวหน้าเรามาเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยกันต่อนะครับ

อีกช่องทางหนึ่งในการติดตามการท่องเที่ยวแบบตามใจทนายอ้วนครับ

ทนายอ้วนพาเที่ยว - Chubby Lawyer Tour

https://www.facebook.com/ChubbyLawyerTour/

Chubby Lawyer Tour ………………… เที่ยวไป........... ตามใจฉัน