สัมผัสความงามของ "หอฟ้าเทียนถาน" พร้อมรับลมเย็นๆ ที่ "เป่ยจิง"
วันที่ 21-25/4/10 โรงเรียนของพี่ชายจัดไปเที่ยวเป่ยจิงกัน ก็เลยขอติดสอยห้อยตามไปด้วย (อีกแล้ว) ลังเลอยู่ตั้งนานว่าจะไปดีหรือไม่ไปดี เพราะบริษัทหยุดสงกรานต์ตั้ง 9 วันแล้ว ถ้าไปก็ต้องลางานอีก 4 วัน แต่ "เรื่องเที่ยวเรื่องใหญ่" ก็เลยได้บินลัดฟ้ามาเที่ยวเป่ยจิงจนได้ ออกเดินทางตั้งแต่ 7 โมงเช้า ด้วยสายการบินศรีลังกาแอร์ไลน์ มาถึงที่นี่ก็บ่ายโมงกว่าๆ อากาศวันนี้ประมาณ 10 องศา เย็นหน่อยๆ เพราะมีลมพัด และฝนตกเล็กน้อย จากนั้นไกด์ก็พาไปเที่ยวที่แรกสำหรับทริปนี้คือ "หอฟ้าเทียนถาน (Temple of heaven)" ระหว่างทางเดินเข้าไป เจอดอกท้อกำลังชูช่อผลิบานสะพรั่ง รีบปรี่เข้าไปถ่ายรูปกันยกใหญ่ (สวยจริงๆ นะ) ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของสวนสาธารณะ จะเห็นคนสูงอายุมารวมตัวนั่งคิดเลขกันเป็นแถว บางกลุ่มก็รำมวยจีน บางกลุ่มก็เตะลูกขนไก่ กิจกรรมหลากหลายมาก หอฟ้าเทียนถานตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงปักกิ่ง มีเนื้อที่ทั้งหมด 273 เฮกต้าร์ เป็นสถานที่ซึ่งจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิงใช้เป็นที่บวงสรวงเทพยดา ย่างเข้าฤดูหนาวถึงเดือนอ้ายตามจันทรคติทุกปี พระจักรพรรดิจะเสด็จประกอบพระราชพิธีบวงสรวง เพื่อให้การเก็บเกี่ยวได้ผลอุดมสมบูรณ์ ตําหนักฉีเหนียนเตี้ยนเป็นตําหนักเอก เริ่มก่อสร้างเมื่อ ค.ศ.1420 เป็นรูปทรงกลมหลังคา 3 ชั้น มุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงิน ไม่มีขื่อและอกไก่ อาศัยเสาไม้ 24 ต้น เป็นโครงยึดไว้ซึ่งได้ชื่อว่า "ตําหนักไม่มีขื่อ" ภายในตําหนักมีภาพวาดสีประณีตงดงาม บนเพดานวาดเป็นรูปมังกรและหงส์
ตําหนักหวงฉงอี่สร้างเป็นรูปทรงกลมหลังคาชั้นเดียว มุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินแก่ เป็นสถานสําหรับเก็บรักษาแผ่นป้ายพระนาม "เทพเจ้าผู้ปกครองสวรรค์" ตําหนักนี้ล้อมรอบด้วยกําแพงเตี้ย ๆ สร้างถูกต้องตามหลักวิชาว่าด้วยเสียง จึงสะท้อนเสียงได้จนเป็นที่เลื่องลือ เมื่อสองคนยืนอยู่ที่กําแพงคนละฟาก คนหนึ่งพูดใส่กําแพงเบา ๆ อีกคนหนึ่งเอาหูแนบกับกําแพง ก็จะได้ยินเสียงพูดจากฝ่ายตรงกันข้าม ลานหยวนชิวตั้งอยู่ทางด้านใต้ของตําหนักฉีเหนียนเตี้ยนเป็นแบบคล้ายเวทีกลม 3 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีนํ้าเงินและสีขาว แต่ละชั้นล้อมรอบด้วยลูกกรงหินอ่อนสีขาว เป็นสถานที่ซึ่งพระจักรพรรดิบวงสรวงเทพยดาหรือขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล แผ่นกลมๆ นี้เป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล ที่จักรพรรดิมายืนขอพร แต่ปัจจุบันบางคนก็ไปยืนขอพรเรื่องลูก เรื่องการงาน ตามแต่ต้องการ มุมด้านบนลานหยวนชิวที่มองย้อนกลับไปจะเห็นตําหนักหวงฉงอี่และตําหนักฉีเหนียนเตี้ยน
นั่งรถผ่านช่วงเลิกงานพอดี จะเห็นผู้คนยืนเบียดเสียดเพื่อจะขึ้นรถเมล์กันยาวเหยียดเลย และรถเมล์ที่นี่ไม่มีเด็ก สตรี และคนชรา ใครนั่งได้ก่อนก็นั่งกันไป ไม่มีการลุกขึ้นให้นั่ง แต่การคมนาคมที่นี่สะดวก ในเมืองมีรถไฟใต้ดิน นอกเมืองมีรถไฟลอยฟ้า เพื่อไม่ให้ฮวงจุ้ยเสีย
หลังจากไปช็อปปิ้งที่ตลาดรัสเซียใหม่ (ยังเปิดร้านก็ไม่เต็มพื้นที่ บางส่วนก็กำลังตกแต่งร้านกันอยู่) ก็ได้เวลาอาหารเย็นที่รอคอย การกินอาหารที่นี่เป็นโต๊ะกลม กับข้าวมื้อละ 10 อย่าง มีไข่เจียวให้ทุกมื้อ มื้อแรกผ่านพ้นไปด้วยดี เพราะหัวหน้าทัวร์เตรียมน้ำพริกมาให้ด้วย อาหารจีนส่วนใหญ่จะจืดๆ มันๆ แต่ผักของเค้ากรอบอร่อยมาก... เพราะเค้าใช้ปุ๋ยธรรมชาติ ^^
ตกกลางคืนอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศา พรุ่งนี้มีฝนตกอีกด้วย หนาวเย็นกันไปข้างนึงเลย ตลอดทั้งทริปนี้พักผ่อนที่โรงแรม Holiday Inn Express ทั้ง 4 คืนเลย ที่นี่อยู่ใกล้กับสนามกีฬารังนก เอาไว้วันไหนจะมาเดินเล่นที่สนามกีฬาตอนกลางคืนซะหน่อย โรงแรมที่นี่ใช้ผ้าห่มที่ทำจากไหมด้วย ทำให้มีน้ำหนักเบา ไม่กดทับหน้าอก แต่ห่มแล้วอุ่นมาก ซึ่งรัฐบาลจีนบังคับไว้ว่า โรงแรมระดับ 3 ดาวขึ้นไป ต้องใช้เครื่องนอนที่ทำจากไหมเท่านั้น ซึ่งที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องนี้เหมือนกัน ผ้าห่มไหมที่ตอนร้อนห่มแล้วเย็นสบาย ตอนหนาวห่มแล้วอุ่นสบาย คืนแรกที่มาถึง เป็นวันสุดท้ายที่เค้าไว้อาลัยให้กับเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ช่งฉิ้งพอดี รายการในทีวีก็จะมีแต่ที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหว เพราะเค้างดรายการรื่นเริงทั้งหมด ห้องน้ำมีส่วนที่เป็นกระจกฝ้าด้วย เวลาอาบน้ำอยู่ข้างใน คนข้างนอกก็จะเห็นเป็นเงาลางๆ
โรงแรมนี้แบ่งห้องได้ละเอียดยิบมาก 1 ชั้นมี 99 ห้อง ตอนแรกๆ เดินหาห้องกันให้วุ่น ซอกซอยเยอะแยะไปหมด มุมห้องอาหารด้านนอก แต่ออกมานั่งรับลมชมวิวแบบนี้ก็วันสุดท้ายแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ทั้งฝนตก ลมแรง และอากาศหนาว ก็เลยได้แต่อุดอู้อยู่แต่ข้างใน อาหารเช้าที่นี่มีให้เลือกน้อย รสชาติธรรมดาถึงธรรมดามากที่สุด กินแบบนี้ 4 วัน ทำเอาเบื่อเหมือนกัน
(ตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา เค้าเปลี่ยนมาเรียก "เป่ยจิง"(Beijing) แทน "ปักกิ่ง")
Create Date : 30 เมษายน 2553 |
|
55 comments |
Last Update : 30 เมษายน 2553 21:58:16 น. |
Counter : 3741 Pageviews. |
|
|
|