ไหว้พระใหญ่หลิงซาน ณ เมืองอู่ซี
กลับไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้กันต่อดีกว่า หลังจากเล่าค้างไว้ตั้งนานแล้ว วันแรกที่มาถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ก็นั่งรถบัสต่อมายังเมืองอู่ซี ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ขอเล่าประวัติความเป็นมาของเมืองอู๋ซีกันสักนิดก่อน เมืองอู๋ซีก่อตั้งขึ้นเมื่อ 3,000 ปีก่อน โดยเจ้าชายสองพระองค์ของราชวงศ์โจวลี้ภัยมาจากมณฑลส่านซี ทางตอนเหนือของจีน ทั้งสองพระองค์เรียกดินแดนบริเวณนี้ว่า "เหมยหลี่" เนื่องจากมีการขุดทำเหมืองดีบุกในบริเวณใกล้เคียง เมืองนี้จึงเป็นที่รู้จักในชื่อว่า "หยู่ซี" แปลว่า เมืองที่มีดีบุก จนกระทั่งขุดแร่ดีบุกจนหมดสิ้น ผู้คนจึงพากันเรียกว่า "อู๋ซี" (无锡) แปลว่า เมืองที่ไม่มีดีบุก
เมืองอู๋ซีอยู่ริมทะเลสาบไท่หู เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของจีน มีการเพาะเลี้ยงไข่มุกน้ำจืดที่ขึ้นชื่อในประเทศจีน มีทิวทัศน์สวยงามที่สุดในตอนใต้แม่น้ำแยงซี นอกจากทะเลสาบที่สวยงามแล้วยังมี วัดหลิงซาน ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญทางพุทธสาสนาอีกด้วย การมาเยี่ยมชมวัดหลิงซานครั้งนี้สบายมาก ไม่ต้องเดินให้เหนื่อย มีรถให้บริการถึงที่ แต่ไม่แน่ใจว่าราคาเท่าไหร่ ผ่านไป 3 ปี วัดหลิงซานเปลี่ยนไปมากมายเหลือเกิน มีสิ่งปลูกสร้างใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาเพียบ ศาลาฝานกง ใช้เป็นสถานที่จัดการประชุมพุทธศาสนาโลก (World Buddhist Forum) ครั้งที่ 2 เป็นกลุ่มสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่อลังการ มีเส้นผ่าศูนย์กลางจากทิศใต้ถึงทิศเหนือ แบ่งกลุ่มสถาปัตยกรรมเป็นฝั่งตะวันออกและตะวันตก มีพื้นที่กว่า 7 หมื่นตารางเมตร มีทางเดินเชื่อมระหว่างตำหนักกับอาคารต่างๆ บนหลังคาเป็นพระเจดีย์ 5 องค์ ด้านหลังเป็นแท่นเซ่นไหว้บูชา รูปแบบสถาปัตยกรรมต่างกับวัดวาอารามทั่วไปของจีน ใช้หินก้อนใหญ่ทำเป็นระเบียงยาว เสาค้ำหลักและเสาโค้งยาว การสร้างหลังคาโค้งสูงและห้องโถงที่กว้างใหญ่ ห้องโถงของศาลาฯบรรจุได้ 2,000 คน เป็นสถานที่จัดการประชุมหรือจัดการแสดงโอเปร่าทางพุทธศาสนาขนาดใหญ่เรื่อง "หนทางสู่นิพาน" ตอนเดินเข้ามาก็งงๆ ไม่รู้จะนั่งมุมไหนดี แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ตะโกนบอกว่า ให้ไปนั่งด้านหน้าๆ จะได้เห็นการแสดงอย่างชัดเจน แต่รู้สึกว่าจะนั่งหน้าเกินไปหน่อย แหงนคอซะเมื่อยเลย แต่ได้ถ่ายภาพแบบใกล้ชิดดี ตอนที่ผ้าเลื่อนออก พอเห็นฉากที่ยิ่งใหญ่อลังการเท่านั้นล่ะ แต่ละคนต่างร้องโอ้โหตกตะลึงกันใหญ่ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีฉากสวยๆ งามๆ ซ่อนอยู่ข้างหลังแบบนี้ นักแสดงเค้ายืนกันนิ่งมากๆ ตอนแรกๆ สงสัยว่าเป็นคนจริงๆ หรือว่าเป็นตุ๊กตากันแน่ เพราะดูการแต่งหน้าแต่งตาแล้วไม่ค่อยเหมือนคนซะเท่าไหร่ แต่พอเค้าออกมาร้องเล่นเต้นรำได้ถึงได้อ๋อว่าทีแท้ก็คนจริงๆ นี่ล่ะ ลืมบอกไปว่า ก่อนที่จะเข้ามาข้างในนี้ได้ เค้าให้เราใส่ที่หุ้มรองเท้าก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นอันสวยงามนี้ได้รับการกระทบกระเทือน ออกจากศาลาฝานกงก็นั่งรถมาลงที่หน้าพระใหญ่หลิงซาน (หลิงซานต้าฝอ 灵山大佛) เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางห้ามญาติทองสำริดที่เขาหลิงซาน ความสูง 88 เมตร หนัก 700 ตัน ซึ่งหลิงซานต้าฝอนี้ยังสูงกว่าเลอซานต้าฝอที่เมืองเสฉวนประมาณ 17 เมตร ดีบุกทั้งหมดที่นำมาสร้างเป็นพระใหญ่หลิงซาน ถ้าแผ่ออกมาจะมีพื้นที่ถึง 9 พันกว่าตารางเมตร และมีความยาวประมาณ 35 กิโลเมตร และไม่ว่าเราจะเดินเข้าใกล้ หรือเดินออกห่าง เดินไปทางซ้าย หรือเดินมาทางขวา จะเหมือนกับว่าสายตาขององค์พระกำลังมองตามพวกเราอยู่ จริงๆ แล้วเป็นเพราะความสามารถของช่างแกะสลัก และวิธีการก่อสร้างจึงทำให้ออกมาเป็นแบบนี้ และเค้าบอกว่า ถ้าเรามาถึงที่วัดหลิงซานแล้ว อย่าลืมไปลูบๆ ที่พระบาทของพระใหญ่หลิงซานด้วย เพราะมีคำพูดที่ว่า ถ้าลูบที่พระหัตถ์จะประสบความโชคดีมีสุข และลูบที่พระบาทจะพบความสงบสุข พระหัตถ์จำลองที่มีขนาดเท่ากับองค์จริงที่อยู่บนเขา ลูบซะจนเห็นสีแตกต่างกันได้อย่างชัดเจน เผื่อใครขึ้นไปไปถึงข้างบนพระใหญ่หลิงซาน ด้านล่างยังมีองค์จำลองให้กราบไหว้กัน เค้าเชื่อกันว่า ถ้าใครอยากมีลูกให้มาลูบที่องค์พระสังฆจายนี้ มีมุมขายของที่ระลึกน่ารักๆ ด้วย อยากบอกว่า ของที่นี่น่ารักมาก และราคาไม่แพงด้วย แต่เสียดายที่ไม่มีเวลาแวะดู ได้แต่ถ่ายรูปมานิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาเลย
Create Date : 20 กรกฎาคม 2553 |
Last Update : 20 กรกฎาคม 2553 13:53:23 น. |
|
52 comments
|
Counter : 12051 Pageviews. |
|
|
ขอบคุณที่นำมาฝาก
โดยเฉพาะรูปปั้นภาพเด็ก.....น่ารัก