McEwan, I. (2008). On Chesil beach. London: Vintage Books.
เรื่องของชายหนุ่มหญิงสาวที่เพิ่งแต่งงานและพากันไปฮันนีมูลที่โรงแรงแห่งหนึ่งที่หาดเชลซี (ยุค 70 ของอังกฤษ) หนังสือเล่าประเด็นที่ว่าผู้หญิงกลัวการมีเพศสัมพันธ์ในการครองชีวิตสมรสแบบจับจิตจับใจ ทั้งๆ ก็เติบโตมาในครอบครัวที่ปกติ ส่วนฝ่ายชายก็กล้าๆ กลัวๆ ที่จะขอมีอะไรด้วย นิยายขนาดสั้นเรื่องนี้ตีแผ่ความนึกคิดของตัวละครเพียงแค่ช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งส่งผลกระทบยาวนาน เนื่องจากทั้งคู่แยกทางกันในที่สุด ต่างคนต่างมีชีวิตของตนเองไปจนแก่เฒ่า แล้วมองย้อนกลับไปในอดีตที่ตนเองพลาด แทนที่จะพูดจาหารือกันเพื่อขจัดปัญหาที่เหมือนจะดูเล็กน้อย แต่ก็หนักอึ้งสำหรับชีวิตสมรส
...
# 51
Murdoch, I. (1963). The unicorn. London: Penguin Books.
Marian ตัดสินใจเดินทางไปเป็นพี่เลี้ยงให้กับหญิงสาวที่เธอไม่เคยพบมาก่อนที่คฤหาสน์ห่างไกลในชนบทของอังกฤษ (ยุค 60) ก่อนจะเข้าไปพัวพันในปัญหาของเจ้าของบ้าน ซึ่งคล้ายถูกคุมขังด้วยสามีของตนเองที่อยู่นิวยอร์ก เหตุของการคุมขังคือเธอนอกใจไปมีความสัมพันธ์กับชายหนุ่มซึ่งเป็นลูกเจ้าของคฤหาสน์อีกหลังที่ถัดไปไม่ไกลนัก
ตัวละครในเรื่องนี้มีเยอะ แต่ละตัวก็มีเบื้องหลังที่ซับซ้อน แอบชอบกันสลับคู่ไปมา สร้างให้เกิดเลเยอร์ของเรื่องขึ้นอย่างน่าสนใจ Marian ในฐานะคนมาใหม่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ก็เลยคิดจะช่วยหญิงสาวให้หนีไป เป็นอิสระจากพันธนาการนี้ แต่ก็ต้องประสบกับเหตุฆาตกรรมขึ้นเสียก่อน หลายคนต้องพบจุดจบอย่างน่าเสียดาย
ครึ่งแรกปูพื้นเรื่องอยู่นานมาก เพราะตัวละครเยอะ แต่พอครึ่งหลัง เรื่องแบบคลายปมใส่หน้าคนอ่านแบบตู้มๆ แทบตั้งตัวไม่ติด เสียแต่ว่าสั้นไปหน่อยเลยทำให้ไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลกลใดตัวละครแต่ละตัวจึงกระทำเรื่องนั้นๆ ลงไป
...
# 52
Gordimer, N. (c1982). Six feet of the country. London: Penguin Books.
รวมเรื่องสั้นที่เล่าถึงชีวิตของคนแอฟริกาใต้ในยุคที่การแบ่งแยกสีผิวยังเข้มข้นของในประเทศ แม้คนเขียนจะเป็นคนขาวแต่ส่วนมากของเรื่องจะเล่าผ่านมุมมองของคนดำที่ต้องทุกข์ทนกับชีวิตลำบาก ต้องเผชิญกับสภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ ไร้จุดหมายที่แท้ของชีวิต
เรื่องสั้นชุดนี้โดดเด่นเกือบทุกเรื่อง ชอบเกือบทุกเรื่องก็ว่าได้ เพราะว่าคนเขียนไม่ใช่แค่เสนอภาพของตัวละครที่ประสบชะตากรรมเท่านั้นแต่ยังสร้างพล็อตให้เกิดขึ้นแบบหักมุมกลายๆ แทบทุกเรื่อง
...
# 53
Jones, L. (2008). Mister Pip. New York: The Dial Press.
Matilda เป็นเด็กหญิงชาวเกาะในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ อาศัยอยู่กับแม่เพียงสองคนเนื่องจากพ่อจากไปทำงานที่ออสเตรเลีย จากนั้นก็เล่าถึงวัยเด็กของตนเองที่ได้เรียนหนังสือกับ Mr. Watt คนขาวเพียงคนเดียวบนเกาะและเป็นครูสอนอยู่ที่นั่น เขาไม่มีอุปกรณ์การเรียนใดๆ นอกจากหนังสือเรื่อง Great Expectations เท่านั้น โดยอ่านหนังสือให้นักเรียนชาวเกาะฟัง วัฒนธรรมแบบคนขาวอันใดที่ไม่รู้ก็พยายามอธิบาย เรื่องเหมือนจะดำเนินไปด้วยดี หากในขณะนั้นไม่มีการรบกับระหว่างทหารผิวแดงกับกลุ่มขบถแบ่งแยกเกาะ
ด้วยความเขลา ความไม่กล้า และอาจผสมความเห็นแก่ตัวของคนบนเกาะอยู่สักนิดที่ทำให้ Mr. Watt ต้องถูกทหารสังหาร พร้อมด้วยแม่ของเธอที่พยายามปกป้องเพื่อไถ่โทษที่ตนปิดบังความจริงบางอย่างไว้ Matilda หนีรอดไปได้ ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือให้บินไปหาพ่อที่ออสเตรเลีย แล้วเล่าย้อนถึงเหตุการณ์สะเทือนใจที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องราวในหนังสือออกมา อ่านแล้วก็สะเทือนใจและอึดอัดไปพร้อมกับตัวละครตอนที่ทหารบีบบังคับชาวเกาะ แถมมีฉากหั่นศพแบบจะๆ ผ่านสายตา Matilda ด้วย
...
# 54
Coetzee, J.M. (1985). Life & times of Michael K. New York : Penguin Books.
ชีวิตของคนดำในแอฟริกาใต้ ยุค 70-80 ที่ไม่มีสิทธิใดๆ ในสังคม อยู่ไปวันๆ ด้วยการเอาชีวิตให้รอดปลอดภัย Michael พยายามจะพาแม่ที่ป่วยระยะสุดท้ายกลับบ้านนอก ห่างออกจาก Cape Town ไปพอสมควร แต่สมัยนั้นเป็นยุคที่มีการสู้รบระหว่างทางการกับกลุ่มกบฏจึงมีการจำกัดเขตการเดินทาง Michael ไม่รอหนังสืออนุญาต รีบพาแม่ขึ้นรถเข็นสร้างเอง แล้วเดินทางออกนอกเมืองไปด้วยความหวังสุดท้าย แต่ระหว่างทางแม่เกิดเสียชีวิตกะทันหัน จึงเหมือนหลักชีวิตของตนหายไป Michael ก็เลยโซซัดโซเซออกนอกเส้นทาง ถูกจับกุมไปขังในค่ายกักกัน เขาหลบหนีออกมาได้ในที่สุด กว่าจะย้อนกลับไปที่เมืองของแม่ที่เคยอยู่ก็เลือดตาแทบกระเด็น นอกจากนั้นยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นกบฎเข้าไปอีก เขาถูกนำตัวไปทรมานจนปางตายก่อนจะถูกส่งโรงพยาบาล
ท้ายๆ หนังสือเป็นการเปลี่ยนมุมมองผู้เล่า กลายเป็นหมอที่ทำการรักษา Michael เล่าถึงความดื้อของชายคนนี้ที่ไม่ยอมกินอะไรเลย อดข้าว อยากหนีออกจากโรงพยาบาลท่าเดียว ตอนจบเขาหนีออกมาจากโรงพยาบาลได้สำเร็จ ซัดเซพเนจรไปเรื่อยด้วยใจที่อยากเป็นอิสระ ไม่ต้องการอยู่ใต้การบงการหรือการบังคับของใคร
...
# 55
O'Dell, S. (1987, c1960). Island of the Blue Dolphins. New York: Yearling.
เป็นเรื่องราวของ Karana เด็กหญิงชนพื้นเมืองอเมริกาผู้อาศัยอยู่บนกลางมหาสมุทรแปซิฟิก ต้องอาศัยอยู่คนเดียวเมื่อคนทั้งเกาะอพยพไปแผ่นดินใหญ่กันหมด เพราะหนีภัยสงครามจากพวกเชื้อสายรัสเซียที่มาล่าแมวน้ำแถบนั้น เด็กหญิงขึ้นเรือไม่ทันกับน้องชาย เลยต้องติดเกาะกันเพียงสองคน แต่ไม่นานก็ต้องเหลือเพียงคนเดียวเพราะน้องชายถูกฝูงหมาป่ารุมทำร้ายจนตาย
เด็กหญิงใช้ความรู้ที่สืบทอดมาแต่พ่อแม่ในการดำรงชีวิตอยู่ ด้วยการจับปลาและแกะหอยยักษ์ไปตากแห้ง ศัตรูตัวฉกาจของเธอคือฝูงหมาป่านั่นเอง เธอจัดการล้างแค้นแทนน้องชายและจับหัวหน้าจ่าฝูงมาดักไว้ ให้ข้าวให้น้ำจนเชื่อง กระทั่งกลายเป็นเพื่อนในที่สุด ปล่อยให้ฝูงหมาป่าที่เหลือเข้าไปในป่าอีกชายฝั่งด้านหนึ่ง เธอใช้ชีวิตเป็นปีๆ รอให้เรือมารับ จนกระทั่งผ่านไปปีที่สามก็มีเรือล่าแมวน้ำลอยลำมาอีก แต่เป็นคนละเผ่ากันที่ทำสงคราม เธอฝูงมิตรด้วยและได้รับการช่วยในที่สุด
...
# 56
Carr, J. L. (2010, c1980). A month in the country. London: Penguin Books.
Birkin กลับมาจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง บอบช้ำและต้องการหางานทำ จึงไปรับจ้างเป็นช่างเซาะผนังที่โบสถ์ Oxgodby ในชนบทของอังกฤษ ซึ่งผนังนี้ซ่อนภาพเขียนในยุคกลางไว้ บาทหลวงที่ดูแลสถานที่ต้องการให้เขาช่วยนำภาพที่แท้จริงๆ ออกมา ขณะทำงานอยู่เขาก็ได้พบกับเพื่อนร่วมอาชีพชื่อ Moon เป็นผู้ขุดหลุดศพเพื่อตามหาสมบัติที่ได้รับการจ้างมาเช่นกัน
อารมณ์หนังสือไม่หวือหวาอะไรมาก เป็นแค่ช่วงหนึ่งของชีวิต Birkin ที่ได้มาพบกับผู้คนในหมู่บ้านที่ต่างสงสัยในการมาของเขา พบภรรยาของบาทหลวงที่เขาแอบหลงรักแต่ก็หักใจได้ ได้รู้ความลับของ Moon และค้นพบว่าภาพวาดที่ผนังนั้นเหมือนจะสะท้อนชีวิตของตัวเขาในขณะนั้นๆ ด้วย
...