Group Blog
 
<<
กันยายน 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
15 กันยายน 2558
 
All Blogs
 
:: 7th Wrap-Up :: (#49 - #56)

  ...





# 49

Aw, T. (2009). Map of the invisible world. New York: McClelland & Stewart.

Adam เป็นเด็กกำพร้า ถูกเลี้ยงดูขึ้นมาโดยพ่อบุญธรรมชาวดัชต์ที่เกาะห่างไกลความเจริญแห่งหนึ่งในอินโดนีเซีย เมื่อพ่อบุญธรรม Karl ถูกทางการจับตัวไปด้วยนโยบายส่งกลับคนผิวชาวเจ้าอาณานิคมในช่วงยุคการเมืองของซูกาโน เด็กหนุ่มจึงออกเดินทางเข้ากรุงจาร์กาตาเพื่อตามหาพ่อของตน พร้อมกับตามหารากเหง้าที่แท้ของตนด้วย เนื่องจากพ่อเคยเล่าให้ฟังว่าตนเองมีพี่ชายอีกคนที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ถูกเศรษฐีชาวมาเลย์เอาไปเลี้ยงที่ KL 

เมื่อเข้ามาในเมืองใหญ่ เขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์สาวชาวอเมริกันที่สอนหนังสืออยู่ที่เมืองหลวง ในการช่วยตามหาพ่อบุญธรรม ซึ่งเคยเป็นคู่รักของเธอเมื่อครั้งอดีต เรื่องจบด้วยดี ด้วยความสามารถของเธอเพราะกล้าที่จะเข้าไปเจรจาของความช่วยเหลือจากประธานธิบดีด้วยตนเอง 

ดราม่าของเรื่องเหมือนจะมีจุดให้เล่นได้หลายที่แต่คนเขียนยังขมวดปมทุกปมที่เป็นปัญหาได้ไม่ดีเท่าไร พล็อตที่ไม่มีอะไรไม่ใช่ว่าจะทำให้สนุกไม่ได้ แต่คนเขียนเน้นไปบรรยายความรู้สึกนึกคิดของตัวละครมากเกินไป จนไม่ได้พัฒนาเรื่องให้น่าติดตามเท่าที่ควร แต่ก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง

...





# 50

McEwan, I. (2008). On Chesil beach. London: Vintage Books.

เรื่องของชายหนุ่มหญิงสาวที่เพิ่งแต่งงานและพากันไปฮันนีมูลที่โรงแรงแห่งหนึ่งที่หาดเชลซี (ยุค 70 ของอังกฤษ) หนังสือเล่าประเด็นที่ว่าผู้หญิงกลัวการมีเพศสัมพันธ์ในการครองชีวิตสมรสแบบจับจิตจับใจ ทั้งๆ ก็เติบโตมาในครอบครัวที่ปกติ ส่วนฝ่ายชายก็กล้าๆ กลัวๆ ที่จะขอมีอะไรด้วย นิยายขนาดสั้นเรื่องนี้ตีแผ่ความนึกคิดของตัวละครเพียงแค่ช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งส่งผลกระทบยาวนาน เนื่องจากทั้งคู่แยกทางกันในที่สุด ต่างคนต่างมีชีวิตของตนเองไปจนแก่เฒ่า แล้วมองย้อนกลับไปในอดีตที่ตนเองพลาด แทนที่จะพูดจาหารือกันเพื่อขจัดปัญหาที่เหมือนจะดูเล็กน้อย แต่ก็หนักอึ้งสำหรับชีวิตสมรส

...





# 51

Murdoch, I. (1963). The unicorn. London: Penguin Books.

Marian ตัดสินใจเดินทางไปเป็นพี่เลี้ยงให้กับหญิงสาวที่เธอไม่เคยพบมาก่อนที่คฤหาสน์ห่างไกลในชนบทของอังกฤษ (ยุค 60) ก่อนจะเข้าไปพัวพันในปัญหาของเจ้าของบ้าน ซึ่งคล้ายถูกคุมขังด้วยสามีของตนเองที่อยู่นิวยอร์ก เหตุของการคุมขังคือเธอนอกใจไปมีความสัมพันธ์กับชายหนุ่มซึ่งเป็นลูกเจ้าของคฤหาสน์อีกหลังที่ถัดไปไม่ไกลนัก 

ตัวละครในเรื่องนี้มีเยอะ แต่ละตัวก็มีเบื้องหลังที่ซับซ้อน แอบชอบกันสลับคู่ไปมา สร้างให้เกิดเลเยอร์ของเรื่องขึ้นอย่างน่าสนใจ Marian ในฐานะคนมาใหม่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ก็เลยคิดจะช่วยหญิงสาวให้หนีไป เป็นอิสระจากพันธนาการนี้ แต่ก็ต้องประสบกับเหตุฆาตกรรมขึ้นเสียก่อน หลายคนต้องพบจุดจบอย่างน่าเสียดาย 

ครึ่งแรกปูพื้นเรื่องอยู่นานมาก เพราะตัวละครเยอะ แต่พอครึ่งหลัง เรื่องแบบคลายปมใส่หน้าคนอ่านแบบตู้มๆ แทบตั้งตัวไม่ติด เสียแต่ว่าสั้นไปหน่อยเลยทำให้ไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลกลใดตัวละครแต่ละตัวจึงกระทำเรื่องนั้นๆ ลงไป

...





# 52

Gordimer, N. (c1982). Six feet of the country. London: Penguin Books.

รวมเรื่องสั้นที่เล่าถึงชีวิตของคนแอฟริกาใต้ในยุคที่การแบ่งแยกสีผิวยังเข้มข้นของในประเทศ แม้คนเขียนจะเป็นคนขาวแต่ส่วนมากของเรื่องจะเล่าผ่านมุมมองของคนดำที่ต้องทุกข์ทนกับชีวิตลำบาก ต้องเผชิญกับสภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ ไร้จุดหมายที่แท้ของชีวิต 

เรื่องสั้นชุดนี้โดดเด่นเกือบทุกเรื่อง ชอบเกือบทุกเรื่องก็ว่าได้ เพราะว่าคนเขียนไม่ใช่แค่เสนอภาพของตัวละครที่ประสบชะตากรรมเท่านั้นแต่ยังสร้างพล็อตให้เกิดขึ้นแบบหักมุมกลายๆ แทบทุกเรื่อง

...





# 53

Jones, L. (2008). Mister Pip. New York: The Dial Press.

Matilda เป็นเด็กหญิงชาวเกาะในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ อาศัยอยู่กับแม่เพียงสองคนเนื่องจากพ่อจากไปทำงานที่ออสเตรเลีย จากนั้นก็เล่าถึงวัยเด็กของตนเองที่ได้เรียนหนังสือกับ Mr. Watt คนขาวเพียงคนเดียวบนเกาะและเป็นครูสอนอยู่ที่นั่น เขาไม่มีอุปกรณ์การเรียนใดๆ นอกจากหนังสือเรื่อง Great Expectations เท่านั้น โดยอ่านหนังสือให้นักเรียนชาวเกาะฟัง วัฒนธรรมแบบคนขาวอันใดที่ไม่รู้ก็พยายามอธิบาย เรื่องเหมือนจะดำเนินไปด้วยดี หากในขณะนั้นไม่มีการรบกับระหว่างทหารผิวแดงกับกลุ่มขบถแบ่งแยกเกาะ 

ด้วยความเขลา ความไม่กล้า และอาจผสมความเห็นแก่ตัวของคนบนเกาะอยู่สักนิดที่ทำให้ Mr. Watt ต้องถูกทหารสังหาร พร้อมด้วยแม่ของเธอที่พยายามปกป้องเพื่อไถ่โทษที่ตนปิดบังความจริงบางอย่างไว้ Matilda หนีรอดไปได้ ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือให้บินไปหาพ่อที่ออสเตรเลีย แล้วเล่าย้อนถึงเหตุการณ์สะเทือนใจที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องราวในหนังสือออกมา อ่านแล้วก็สะเทือนใจและอึดอัดไปพร้อมกับตัวละครตอนที่ทหารบีบบังคับชาวเกาะ แถมมีฉากหั่นศพแบบจะๆ ผ่านสายตา Matilda ด้วย

...





# 54

Coetzee, J.M. (1985). Life & times of Michael K. New York : Penguin Books.

ชีวิตของคนดำในแอฟริกาใต้ ยุค 70-80 ที่ไม่มีสิทธิใดๆ ในสังคม อยู่ไปวันๆ ด้วยการเอาชีวิตให้รอดปลอดภัย Michael พยายามจะพาแม่ที่ป่วยระยะสุดท้ายกลับบ้านนอก ห่างออกจาก Cape Town ไปพอสมควร แต่สมัยนั้นเป็นยุคที่มีการสู้รบระหว่างทางการกับกลุ่มกบฏจึงมีการจำกัดเขตการเดินทาง Michael ไม่รอหนังสืออนุญาต รีบพาแม่ขึ้นรถเข็นสร้างเอง แล้วเดินทางออกนอกเมืองไปด้วยความหวังสุดท้าย แต่ระหว่างทางแม่เกิดเสียชีวิตกะทันหัน จึงเหมือนหลักชีวิตของตนหายไป Michael ก็เลยโซซัดโซเซออกนอกเส้นทาง ถูกจับกุมไปขังในค่ายกักกัน เขาหลบหนีออกมาได้ในที่สุด กว่าจะย้อนกลับไปที่เมืองของแม่ที่เคยอยู่ก็เลือดตาแทบกระเด็น นอกจากนั้นยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นกบฎเข้าไปอีก เขาถูกนำตัวไปทรมานจนปางตายก่อนจะถูกส่งโรงพยาบาล

ท้ายๆ หนังสือเป็นการเปลี่ยนมุมมองผู้เล่า กลายเป็นหมอที่ทำการรักษา Michael เล่าถึงความดื้อของชายคนนี้ที่ไม่ยอมกินอะไรเลย อดข้าว อยากหนีออกจากโรงพยาบาลท่าเดียว ตอนจบเขาหนีออกมาจากโรงพยาบาลได้สำเร็จ ซัดเซพเนจรไปเรื่อยด้วยใจที่อยากเป็นอิสระ ไม่ต้องการอยู่ใต้การบงการหรือการบังคับของใคร 

...





# 55

O'Dell, S. (1987, c1960). Island of the Blue Dolphins.  New York: Yearling.

เป็นเรื่องราวของ Karana เด็กหญิงชนพื้นเมืองอเมริกาผู้อาศัยอยู่บนกลางมหาสมุทรแปซิฟิก ต้องอาศัยอยู่คนเดียวเมื่อคนทั้งเกาะอพยพไปแผ่นดินใหญ่กันหมด เพราะหนีภัยสงครามจากพวกเชื้อสายรัสเซียที่มาล่าแมวน้ำแถบนั้น เด็กหญิงขึ้นเรือไม่ทันกับน้องชาย เลยต้องติดเกาะกันเพียงสองคน แต่ไม่นานก็ต้องเหลือเพียงคนเดียวเพราะน้องชายถูกฝูงหมาป่ารุมทำร้ายจนตาย 

เด็กหญิงใช้ความรู้ที่สืบทอดมาแต่พ่อแม่ในการดำรงชีวิตอยู่ ด้วยการจับปลาและแกะหอยยักษ์ไปตากแห้ง ศัตรูตัวฉกาจของเธอคือฝูงหมาป่านั่นเอง เธอจัดการล้างแค้นแทนน้องชายและจับหัวหน้าจ่าฝูงมาดักไว้ ให้ข้าวให้น้ำจนเชื่อง กระทั่งกลายเป็นเพื่อนในที่สุด ปล่อยให้ฝูงหมาป่าที่เหลือเข้าไปในป่าอีกชายฝั่งด้านหนึ่ง เธอใช้ชีวิตเป็นปีๆ รอให้เรือมารับ จนกระทั่งผ่านไปปีที่สามก็มีเรือล่าแมวน้ำลอยลำมาอีก แต่เป็นคนละเผ่ากันที่ทำสงคราม เธอฝูงมิตรด้วยและได้รับการช่วยในที่สุด 

...





# 56

Carr, J. L. (2010, c1980). A month in the country. London: Penguin Books.

Birkin กลับมาจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง บอบช้ำและต้องการหางานทำ จึงไปรับจ้างเป็นช่างเซาะผนังที่โบสถ์ Oxgodby ในชนบทของอังกฤษ ซึ่งผนังนี้ซ่อนภาพเขียนในยุคกลางไว้ บาทหลวงที่ดูแลสถานที่ต้องการให้เขาช่วยนำภาพที่แท้จริงๆ ออกมา ขณะทำงานอยู่เขาก็ได้พบกับเพื่อนร่วมอาชีพชื่อ Moon เป็นผู้ขุดหลุดศพเพื่อตามหาสมบัติที่ได้รับการจ้างมาเช่นกัน 

อารมณ์หนังสือไม่หวือหวาอะไรมาก เป็นแค่ช่วงหนึ่งของชีวิต Birkin ที่ได้มาพบกับผู้คนในหมู่บ้านที่ต่างสงสัยในการมาของเขา พบภรรยาของบาทหลวงที่เขาแอบหลงรักแต่ก็หักใจได้ ได้รู้ความลับของ Moon และค้นพบว่าภาพวาดที่ผนังนั้นเหมือนจะสะท้อนชีวิตของตัวเขาในขณะนั้นๆ ด้วย 


...







Create Date : 15 กันยายน 2558
Last Update : 15 กันยายน 2558 19:49:24 น. 0 comments
Counter : 537 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Boyne Byron
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Friends' blogs
[Add Boyne Byron's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.