|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
- ข้อคิดจากธรรมะ เรื่อง ภรรยา (ภริยาสูตร)
- พุทธศานสุภาษิต เรื่อง ธรรมที่ไม่เกิดประโยชน์แก่ชาวโลก (โลกสูตร)
- พุทธศานสุภาษิต เรื่อง พระอัยยิกาของพระเจ้าปเสนทิโกศล (อัยยิกาสูตร)
- กัปป์ในพระพุทธศาสนา
- พุทธศานสุภาษิต เรื่อง บุคคล ๔ ประเภท (ปุคคลสูตร)
- พุทธศานสุภาษิต เรื่อง ทรัพย์ที่ไม่มีบุตร สูตรที่ ๒ (ทุติยอปุตตกสูตร)
- ข้อคิดจากธรรมะ เรื่อง อุบายแก้ความง่วง (จปลายมานสูตร)
- ข้อคิดจากธรรมะ เรื่อง ธรรม ๗ ประการที่เป็นเหตุให้บรรลุวิมุตติ (สัตตธัมมสูตร)
- ข้อคิดจากธรรมะ เรื่อง พระกิมิละ (กิมิลสูตร)
- ข้อคิดจากธรรมะ เรื่อง สีหเสนาบดี (สีหเสนาปติคสูตร)
- คณิตศาสตร์ในพระพุทธศาสนา
- พุทธวงศ์
- ทศชาติ
- กัป คืออะไร, อสงไขย คืออะไร
- พุทธศานสุภาษิต เรื่อง ทรัพย์ที่ไม่มีบุตร สูตรที่ ๑ (ปฐมอปุตตกสูตร)
- พุทธศานสุภาษิต เรื่อง ความไม่ประมาท สูตรที่๑ (ปฐมอัปปมาทสูตร), สูตรที่๒ (ทุติยอัปปมาทสูตร)
- พุทธศานสุภาษิต เรื่อง พระธิดา (ธีตุสูตร)
- ข้อคิดจากธรรมะ เรื่อง ทานที่มีผลมากและทานที่ไม่มีผลมาก (ทานมหัปผลสูตร)
- พุทธศาสนสุภาษิต เรื่อง สงคราม สูตรที่ ๑ (ปฐมสังคามสูตร), เรื่องสงคราม สูตรที่ ๒ (ทุติยสังคามสูตร)
- พุทธศาสนสุภาษิต เรื่อง การหุงข้าวสารทะนานหนึ่ง (โทณปากสูตร)
- พุทธศาสนสุภาษิต เรื่อง พระราชา ๕ พระองค์ (ปัญจราชสูตร)
- พุทธศาสนสุภาษิต เรื่อง ชฎิล ๗ คน (สัตตชฏิลสูตร)
- พุทธศาสนสุภาษิต เรื่อง เครื่องจองจำ (พันธนสูตร)
- ข้อคิดจากธรรมะ เรื่อง เมถุนสังโยค (เมถุนสูตร)
- ข้อคิดจากธรรมะ เรื่อง ไฟ สูตรที่ ๑ (ปฐมอัคคิสูตร), เรื่อง ไฟ สูตรที่ ๒ (ทุติยอัคคิสูตร)
- พุทธศาสนสุภาษิต เรื่อง พระนางมัลลิกาเทวี (มัลลิกาสูตร)
- พุทธศาสนสุภาษิต เรื่อง สัตว์มีจำนวนน้อย (อัปปกสูตร), เรื่องการกระทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ (อัตถกรณสูตร)
- พุทธศาสนสุภาษิต เรื่อง ผู้รักตน (ปิยสูตร), เรื่อง ผู้รักษาตน (อัตตรักขิตสูตร)
- พุทธศาสนสุภาษิต เรื่อง ชราและมรณะ (ชรามรณสูตร)
- ข้อคิดจากธรรมะ เรื่อง บริขารแห่งสมาธิ (สมาธิปริกขารสูตร)
- ข้อคิดจากธรรมะ เรื่อง นิททสวัตถุ สูตรที่ ๑ (ปฐมนิททสสูตร), สูตรที่ ๒ (ทุติยนิททสสูตร)
- ข้อคิดจากธรรมะ เรื่อง ธรรมที่เป็นเหตุให้บรรลุปฏิสัมภิทา, ธรรมที่เป็นเหตุให้จิตตกอยู่ในอำนาจ
- มงคล ๓๘ ประการ
- อจินไตย ๔, โลกธรรม ๘, บัว ๔ เหล่า
- พรหมวิหาร ๔, สังคหวัตถุ ๔, อิทธิบาท ๔
- จรณะ ๑๕, โพชฌงค์ , จริต ๖
- ทุกข์ ๑๐, กรรมบถ ๑๐
- วิปัสสนาญาณ ๙, ญาณ ๘
- กสิณ ๑๐, อนุสสติ ๑๐
- สังโยชน์ ๑๐, บารมี ๑๐
- คำขอขมาพระรัตนตรัย
- ขันธ์ ๕, อาการ ๓๒, นิวรณ์ ๕, ระงับนิวรณ์ ๕, ปีติ ๕
- กรรมฐาน ๔๐ กอง
- พระพุทธเจ้าสอนอะไร, บารมีพระพุทธเจ้า, มหาสติปัฏฐาน 4
|
|
|
|
|
ข้อคิดจากธรรมะ เรื่อง สีหเสนาบดี (สีหเสนาปติคสูตร)
ข้อคิดจากธรรมะ จากพระไตรปิฏก ในพระสุตตันตปิฏก
เรื่อง สีหเสนาบดี (สีหเสนาปติคสูตร)
ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน เขตกรุงเวสาลี ครั้งนั้นแล สีหเสนาบดีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
"พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติผลแห่งทานที่จะพึงเห็นเองได้ไหม พระพุทธเจ้าข้า"
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "สีหะ ถ้าอย่างนั้น เราจะย้อนถามท่านในปัญหานั้น ท่านพึงตอบปัญหานั้นตามที่ท่านชอบใน สีหะ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร คือ ในกรุงเวสาลีนี้ มีคน ๒ คน คนหนึ่งไม่มีศรัทธา ตระหนี่ถี่เหนียว ชอบด่าบริภาษ อีกคนหนึ่งมีศรัทธา เป็นทานบดี ยินดีให้ทานสม่ำเสมอ
สีหะ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร คือ พระอรหันต์เมื่อจะอนุเคราะห์ พึงอนุเคราะห์ใครก่อน ระหว่างคนไม่มีศรัทธา ตระหนี่ถี่เหนียว ชอบด่าบริภาษ กับคนมีศรัทธา เป็นทานบดี ยินดีให้ทานสม่ำเสมอ"
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระอรหันต์เมื่อจะอนุเคราะห์ จักอนุเคราะห์คนไม่มีศรัทธา ตระหนี่ถี่เหนียว ชอบด่าบริภาษก่อนได้อย่างไร พระอรหันต์เมื่อจะอนุเคราะห์ พึงอนุเคราะห์คนมีศรัทธา เป็นทานบดี ยินดีให้ทานสม่ำเสมอก่อนแน่แท้"
"สีหะ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร คือ พระอรหันต์เมื่อจะเข้าไปหา พึงเข้าไปหาใครก่อน ระหว่างคนไม่มีศรัทธา ตระหนี่ถี่เหนียว ชอบด่าบริภาษ กับคนมีศรัทธา เป็นทานบดี ยินดีให้ทานสม่ำเสมอ"
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระอรหันต์เมื่อจะเข้าไปหา จักเข้าไปหาคนไมมีศรัทธา ตระหนี่ถี่เหนียว ชอบด่าบริภาษก่อนได้อย่างไร พระอรหันต์เมื่อจะเข้าไปหา พึงเข้าไปหาคนมีศรัทธา เป็นทานบดี ยินดีให้ทานสม่ำเสมอก่อนแน่แท้"
"สีหะ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร คือ พระอรหันต์เมื่อจะรับทาน พึงรับทานของใครก่อน ระหว่างคนไม่มีศรัทธา ตระหนี่ถี่เหนียว ชอบด่าบริภาษ กับคนมีศรัทธา เป็นทานบดี ยินดีให้ทานสม่ำเสมอ
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระอรหันต์เมื่อจะรับทาน จักรับทานของคนไม่มีศรัทธา ตระหนี่ถี่เหนียว ชอบด่าบริภาษก่อนได้อย่างไร พระอรหันต์เมื่อจะรับทาน พึงรับทานของคนมีศรัทธา เป็นทานบดี ยินดีให้ทานสม่ำเสมอก่อนแน่แท้"
"สีหะ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร คือ พระอรหันต์เมื่อจะแสดงธรรม พึงแสดงธรรมแก่ใครก่อน ระหว่างคนไม่มีศรัทธา ตระหนี่ถี่เหนียว ชอบด่าบริภาษ กับคนมีศรัทธา เป็นทานบดี ยินดีให้ทานสม่ำเสมอ"
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระอรหันต์เมื่อจะแสดงธรรม จักแสดงธรรมแก่คนไม่มีศรัทธา ตระหนี่ถี่เหนียว ชอบด่าบริภาษก่อนได้อย่างไร พระอรหันต์เมื่อจะแสดงธรรม พึงแสดงธรรมแก่คนมีศรัทธา เป็นทานบดี ยินดีให้ทานสม่ำเสมอก่อนแน่แท้"
"สีหะ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร คือ กิตติศัพท์อันงามของใครหนอควรขจรไป ระหว่างคนไม่มีศรัทธา ตระหนี่ถี่เหนียว ชอบด่าบริภาษ กับคนมีศรัทธา เป็นทานบดี ยินดีให้ทานสม่ำเสมอ"
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กิตติศัพท์อันงามของคนไม่มีศรัทธา ตระหนี่ถี่เหนียว ชอบด่าบริภาษจักขจรไปได้อย่างไร กิตติศัพท์อันงามของคนมีศรัทธา เป็นทานบดี ยินดีให้ทานสม่ำเสมอเท่านั้นพึงขจรไป"
"สีหะ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร คือ ใครก่อนเล่าระหว่างคนไม่มีศรัทธา ตระหนี่ถี่เหนียว ชอบด่าบริภาษ กับคนมีศรัทธา เป็นทานบดี ยินดีให้ทานสม่ำเสมอเข้าไปยังบริษัทใด ๆ จะเป็นขัตติยบริษัทก็ตาม พราหมณบริษัทก็ตาม คหบดีบริษัทก็ตาม สมณบริษัทก็ตาม พึงเป็นผู้แกล้วกล้า ไม่เก้อเขินเข้าไปยังบริษัทนั้น ๆ"
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คนไม่มีศรัทธา ตระหนี่ถี่เหนียว ชอบด่าบริภาษ เข้าไปยังบริษัทใด ๆ จะเป็นขัตติยบริษัทก็ตาม พราหมณบริษัทก็ตาม คหบดีบริษัทก็ตาม สมณบริษัทก็ตาม จักเป็นผู้แกล้วกล้า ไม่เก้อเขิน เข้าไปยังบริษัทนั้น ๆ ได้อย่างไร คนมีศรัทธา เป็นทานบดี ยินดีให้ทานสม่ำเสมอ เข้าไปยังบริษัทใด ๆ จะเป็นขัตติยบริษัทก็ตาม พราหมณบริษัทก็ตาม คหบดีบริษัทก็ตาม สมณบริษัทก็ตาม พึงเป็นผู้แกล้วกล้า ไม่เก้อเขินเข้าไปยังบริษัทนั้น ๆ"
"สีหะ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร คือ ใครกันเล่าระหว่างคนไม่มีศรัทธา ตระหนี่ถี่เหนียว ชอบด่าบริภาษ กับคนมีศรัทธา เป็นทานบดี ยินดีให้ทานสม่ำเสมอ หลังจากตายแล้ว พึงไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์"
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คนไม่มีศรัทธา ตระหนี่ถี่เหนียว ชอบด่าบริภาษ หลังจากตายแล้ว จักไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ได้อย่างไร คนมีศรัทธา เป็นทานบดี ยินดีให้ทานสม่ำเสมอ หลังจากตายแล้ว พึงไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์"
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ผลแห่งทานที่จะพึงเห็นเอง ๖ ประการ พระผู้มีพระภาคตรัสบอกแล้ว ในผลแห่งทานที่จะพึงเห็นเอง ๖ ประการนั้น ข้าพระองค์ไม่เพียงแต่เชื่อพระผู้มีพระภาคเท่านั้น แต่ยังทราบอีกด้วย ข้าพระองค์เป็นทายก เป็นทานบดี พระอรหันต์เมื่อจะอนุเคราะห์ ย่อมอนุเคราะห์ข้าพระองค์ก่อน ข้าพระองค์เป็นทายก เป็นทานบดี พระอรหันต์เมื่อจะเข้าไปหา ย่อมเข้าไปหาข้าพระองค์ก่อน ข้าพระองค์เป็นทายก เป็นทานบดี พระอรหันต์เมื่อจะรับทาน ย่อมเข้าไปหาข้าพระองค์ก่อน ข้าพระองค์เป็นทายก เป็นทานบดี พระอรหันต์เมื่อจะแสดงธรรม ย่อมแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์ก่อน ข้าพระองค์เป็นทายก เป็นทานบดี กิตติศัพท์อันงามของข้าพระองค์ขจรไปแล้วว่า "สีหเสนาบดี เป็นการกบุคคล เป็นผู้อุปัฎฐากพระสงฆ์" ข้าพระองค์เป็นทายก เป็นทานบดี เข้าไปยังบริษัทใด ๆ จะเป็นขัตติยบริษัทก็ตาม พราหมณบริษัทก็ตาม คหบดีบริษัทก็ตาม สมณบริษัทก็ตาม ย่อมเป็นผู้แกล้วกล้า ไม่เก้อเขินเข้าไปยังบริษัทนั้น ๆ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ผลแห่งทานที่จะพึงเห็นเอง ๖ ประการ พระผู้มีพระภาคตรัสบอกแล้ว ในผลแห่งทานที่จะพึงเห็นเอง ๖ ประการนั้น ข้าพระองค์ไม่เพียงแต่เชื่อพระผู้มีพระภาคเท่านั้น แต่ยังทราบอีกด้วย ส่วนผลแห่งทานที่จะพึงเห็นเองประการที่ ๗ ที่พระผู้มีพระภาคตรัสบอกข้าพระองค์อย่างนี้ว่า "สีหะ ทายก ทานบดี หลังจากตายแล้ว จะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์" ข้าพระองค์ยังไม่ทราบ แต่ในข้อนี้ข้าพระองค์เชื่อพระผู้มีพระภาค"
"ข้อนั้นเป็นอย่างนั้น สีหะ ข้อนั้นเป็นอย่างนั้น สีหะ คือ ทายก ทานบดี หลังจากตายแล้ว จะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์"
ที่มา: หนังสือธัมมวิโมกข์ ปีที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๒๔ มีนาคม ๒๕๕๑
Create Date : 11 กันยายน 2552 |
|
8 comments |
Last Update : 11 กันยายน 2552 0:37:04 น. |
Counter : 741 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 11 กันยายน 2552 8:36:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 11 กันยายน 2552 8:37:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 11 กันยายน 2552 9:34:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: be-oct4 11 กันยายน 2552 9:56:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 11 กันยายน 2552 17:55:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 11 กันยายน 2552 19:13:22 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
MY VIP Friend
width=40 height=40 align=middle vspace=2 hspace=2 border=0 title="cilladevi"> |
|
|
|
พี่ไม่ได้แวะมาคุยด้วยซะนานเลยอ่ะจ้ะ
วันนี้มีโอกาสเลยมานั่งอ่านธรรมะก่อน
เข้านอนเผื่อว่าจะได้ฝันดีๆ น่ะ