1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28 29 30
Finally Woken
บ่ายสามกว่า...ผมเพิ่งตื่นนอน มันเป็นการตื่นจากการหลับอันยาวนาน ผลพวงจากการทำงานหนักมาทั้งสัปดาห์...ว่าแต่มีสัปดาห์ไหนบ้างเหรอที่เราไม่ทำงานหนักผมถามตัวเอง ข้างนอกฟ้าดูขมุกขมัว เมฆใหญ่จับกลุ่มเป็นแพ ลอยเกลื่อนเต็มท้องฟ้า บางทีฝนอาจตก...บางทีอาจไม่...แค่บางที สัปดาห์ที่ผ่านมา หรือบางทีอาจเป็นตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมา ผมอยู่กับตัวเองและคำถามหลายคำถาม หลายๆ เรื่องผ่านเข้ามาในหัว ไหลเวียนวกวนอยู่ในเขาวงกตที่ไม่มีทางออก ผมถามตัวเองว่ามีความสุขดีหรือเปล่า กับชีวิตที่ดูเหมือนไร้คุณภาพ กับการนอนดึก ตื่นเช้าบ้าง สายบ้าง กับการงานที่หนักหนาไม่เคยหยุดหย่อน กับอนาคตที่ดูไม่ค่อยก้าวหน้า กับอาการขี้เกียจเหลือทนของตัวเอง กับความรักที่ดูเหมือนจะหยุดนิ่งจนต้องถามตัวเองบ่อยครั้งว่ามันเคยเริ่มขึ้นอย่างจริงๆ จังๆ ด้วยเหรอ บางทีคำถามเหล่านี้ก็เทไหลเข้ามาในหัว...เมื่อบางครั้งชีวิตมันนิ่งเกินไป ผมชะโงกจากระเบียงดูฟ้าฝนอีกครั้ง...ลมพัดเบาๆ เหมือนชักชวนให้ออกไปเดินเล่น สูดอากาศริมแม่น้ำ เสียงโป๊ะดังกระทบคลื่นที่รื่นหูไม่แพ้เสียงคลื่นจากทะเล ลมแม่น้ำยามเย็นที่หอบกลิ่นฝนมาจากแดนไกล กลิ่นกาแฟที่ลอยปะปนกับกลิ่นบุหรี่บนโต๊ะ ผมยิ้มกับจินตนาการอันแสนหวาน ขยี้หัวตัวเองที่ยุ่งเสมอ แม้ทุกครั้งจะบอกช่างตัดผมประจำตัวว่าอยากได้ทรงเปรี้ยวๆ แต่ก็โดนด่ากลับมาทุกทีว่า ตัดเปรี้ยวอย่างไร พี่ก็ไม่เคยเซ็ตผมสักที ก็ผมตื่นสายและขี้เกียจนี่...เซ็ตผมใครว่าเรื่องง่าย แดดจางๆ จับเงาให้ทอดบนเรือข้ามฟาก ผมนั่งมองเท้าตัวเอง ผ้าใบคู่โปรดล่าสุดที่กำลังจะเน่าในไม่ช้า มันเป็นผ้าใบหุ้มข้อสีแดงสด หัวแหลมเปี๊ยบ ที่คนขายบอกว่ามันเกิดมาเพื่อน้องผมบ้ายอเสียด้วยสิ เลยถอยมาทันที ทั้งๆ ที่มีรองเท้านอนรออยู่ที่บ้านมากกว่า 20 คู่ได้ บางครั้งฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆก็สวยไปอีกแบบ มันเหมือนกระดาษที่ไม่ว่างเปล่า มีกลุ่มก้อนลอยละล่องให้ได้จินตนาการเล่นๆ บางครั้งมันเป็นฉากหลังที่สวยงามให้กับภาพบางภาพ เหมือนภาพเขียนสีไม้ที่วาดส่งครูตอนเด็กๆ โลกทั้งโลกมีเสียง ภูเขาสีเขียวสด ต้นไม่สองสามต้น แม่น้ำหนึ่งสาย พรอาทิตย์สีแดงแจ๋ และเมฆลอยเกลื่อนฟ้า ไม่ว่าจะวาดอีกครั้งโลกก็มีเพียงแค่นั้น ช่วงนี้แม่ขยันโทร.มาหา ถามว่าฝนตกหรือเปล่า กำชับให้ใส่เสื้อผ้าหนาๆ ออกจากบ้านทุกวัน แม่ไม่เคยบอกให้พกร่ม เพราะรู้ว่าสุดท้ายผมก็คงลืมไปไว้ที่ไหนสักแห่ง บนรถเมล์ ร้านกาแฟ แม้กระทั่งออฟฟิศตัวเอง แม่ถามว่างานเยอะไหม ผมบอกไปว่าคงทำงานมากกว่านี้ไม่ไหว แม่บอกว่าทำเท่าที่ทำได้...แค่มีเงินเดือนกินก็พอแล้ว งานนอกไม่ไหวก็ไม่ต้องไปรับทำ แล้วแม่ก็ลงท้ายด้วยอย่าลืมกินข้าวเด็ดขาด ครั้งหนึ่งพ่อเคยบอกว่าให้ลาออกจากงาน แล้วมาอยู่ที่บ้าน คิดออกว่าอยากทำอะไรแล้วค่อยทำครั้งนั้น ผมแค่เครียด เหนื่อย และอยากลาออก แต่เมื่อพ่อพูด ผมคงไม่อยากทำให้ใครเป็นห่วงมากกว่านี้ หลายวันก่อนพี่คนหนึ่งโทร. มา เธอบอกว่าส่งงานให้ผมแล้ว แล้วอธิบายอะไรสักนิดหน่อย ก่อนวางสายเธอถามว่างานผมเป็นไงบ้าง ผมตอบไปว่าก็ยุ่งๆ แต่เธอบอกว่า เปล่า...เธอหมายถึงงานที่ผมบอกเธอว่าจะเขียน ผมรู้สึกผิดทันใด ตอบด้วยเสียงแหยๆ ว่า ยุ่งจนทำอะไรไม่ได้เลยครับ เธอบอกว่าอย่ามัวแต่อ่านงานคนอื่นเพลินล่ะ ให้คนอื่นได้อ่านงานเธอบ้าง เพื่อนที่อยู่อเมริกาส่งข้อความมาทักทายที่ Hi5 ฉันรออ่านหนังสือเธออยู่นะ แถมกัดแกมหยอกว่า ผมเป็นคนแรกที่ประกาศจะลาออกจากงาน แต่แล้วกลับเป็นคนที่อยู่นานที่สุด ไม่มีท่าทีจะลาออก ยังไม่มีอะไรคืบหน้าสักอย่าง... ผมถามตัวเอง...มีความสุขไหม ความสุขผมเป็นอย่างไร ผมหันมองหนังสือปกสีเหลืองในมือ No One Belong Here More Than You ของ Miranda July ผมมีความสุขที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ และมีความสุขยิ่งกว่าเด็กได้ของเล่นทุกครั้งที่เปิดห่อพัสดุทุกวันที่ออฟฟิศ แล้วพบว่ามีหนังสือและซีดีที่น่าสนใจส่งมาให้ตลอดเวลา เสียงเพลง Nothing Even Matters ของ Lauryn Hill ดังเบาๆ เรื่อยเอื่อยเหมือนสายลมในเย็นนี้ สัปดาห์ก่อน ผมทำความสะอาดห้อง มีลังใบหนึ่งเต็มไปด้วยเทปคาสเซ็ตสมัยเด็กที่ผมหมั่นเพียรเก็บเงินซื้อทุกสัปดาห์ ผมหยิบคาสเซ็ตแต่ละม้วนใส่เครื่องเล่นแล้วเปิด ทุกอัลบั้มยังใช้งานได้ที อัลบั้มนี้คืออัลบั้มโปรดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนนี้ผมติดมันไปทุกที่ กับเครื่องเล่นเก่าคร่ำคร่า มันไม่ใช่แค่เพลง แต่มันเป็นความสุข มันเป็นอดีต ที่ไม่ได้มีเพียง 10 กว่าแทร็กในนั้น แต่หลากหลายเรื่องราวบรรจุซุกซ่อนไว้ในระหว่างตัวโน๊ตแต่ละห้อง เพลงนั้นพาย้อนเรื่องราวเมื่อ 10 ปีที่แล้วได้อย่างดี ถ้าคุณเห็นผู้ชายตัวเล็กๆ ผอมๆ คนหนึ่งยืนฟังเพลงบนรถไฟฟ้า หรือนั่งในร้านกาแฟ มือถือเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ต แทนที่จะเป็นไอพอดสุดหรู ปากบ่นพึมพำเหมือนท่องมนตร์อย่ามองเขาแปลกๆ นะครับ เขากำลังมีความสุข แล้วฝนก็ไม่ตก... วันนี้ทุกอย่างยังเป็นเงาร่างที่จืดจาง บิดเบี้ยว ไร้รูปทรง มองไม่เห็นว่าจะมีความสวยงาม หรือก้าวหน้าอื่นใดในอนาคต--เหมือนเมฆบนฟ้าที่ขมุกขมัวในวันนี้ แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมจะค่อยๆ ทำ เหนื่อยผมก็จะหยุด ง่วงผมก็จะนอน หิวผมก็จะกิน อยากหยุดผมก็จะนั่งนิ่งๆ อยากฟังเพลงผมก็จะฟังเพลง อยากอ่านหนังสือผมก็จะอ่าน คอมพ์พร้อมจะปิด...ได้ทุกเมื่อ มันคงไม่เป็นไรหรอก หากความฝันมันจะเสร็จช้าไปนิด...หรือบางทีก็อาจไม่เสร็จเลย แต่ใช่ว่าผมไม่ได้ทำอะไรเลย อย่างน้อย...ผมก็ยังเขียนอะไร...ที่นี่ แดดจางลงแล้ว เหลือเพียงแสงสุดท้ายของวันที่ขอบฟ้า ลมยังพัดเอื่อย ผมปิดหนังสือ ถอดหูฟัง ยืนมองฟ้าเงียบๆ สูดอากาศเข้าลึกเต็มปอด รู้สึกดีที่วันนี้ตื่นและได้ใช้เวลาในตอนเย็น หนังสือ เครื่องเล่นเทปคาสเซ็ต เทปเพลงสามสี่ม้วน ถูกยัดลงกระเป๋าใบโต ผมเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ แล้วเดินทอดน่องออกมาจากร้านกาแฟ ในใจคิดว่าคืนนี้ทำอะไรดี อืมมม...ดูหนังดีกว่า แผ่นหนังที่ซื้อไว้ยังไม่ได้แกะมาดูหลายเรื่องความสุขอีกอย่างของชีวิต ถ้าอย่างนั้นขอแวะซื้อเวเฟอร์ไส้ช็อกโกแลตกับไส้นมอย่างละถุง และบิ๊กกัลป์น้ำแดงอันใหญ่สุดก่อนแล้วกัน ไม่เป็นไรนะ... Finally Woken - Jem
Create Date : 16 กันยายน 2551
Last Update : 16 กันยายน 2551 5:59:31 น.
19 comments
Counter : 604 Pageviews.
โดย: ภูติ วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:6:38:55 น.
โดย: ภูติ วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:6:39:41 น.
โดย: Almondblist วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:7:49:37 น.
โดย: azamiya วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:19:57:54 น.
โดย: คนชอบอ่าน IP: 202.133.135.26 วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:20:01:18 น.
โดย: BeCoffee วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:22:41:33 น.
โดย: MeMoM วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:23:06:12 น.
โดย: MaRiMeKKo วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:2:43:41 น.
โดย: so straight วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:4:08:07 น.
โดย: ซซ วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:15:29:28 น.
โดย: Unravel วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:16:24:02 น.
โดย: แค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง (minporee ) วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:10:08:06 น.
โดย: แค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง (minporee ) วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:10:31:25 น.
โดย: MeMoM วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:19:35:41 น.
โดย: lamerdejoy IP: 202.57.140.226 วันที่: 8 ตุลาคม 2551 เวลา:13:45:19 น.
อืมม ตะเองจะไม่เป็นไรหรอก
ใช้ชีวิตแบบที่ชอบเหอะ
ปล. คิดถึง Jem