|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
That's All
ฟ้ายามหัวค่ำแดงระเรื่อ ลมพัดใบไม้ที่กระจัดกระจายให้อยู่รวมเป็นกอง ในขณะที่ถุงพลาสติกบอบบางลอยละเลงเท้งเต้งกลางอากาศ เหมือนในฉากหนึ่งของหนังเรื่อง American Beauty แรงฉุดในอากาศยื้อแย้งให้มันลอยคว้างหมุนพลิ้วไปมา ก่อนที่จะโรยตัวอย่างช้าๆ ลงสู่พื้นดินแล้วนิ่งงัน
ฝนกำลังจะตก...
ผมวิ่งเหยาะๆ เข้าสู่เขตชายคาของร้านกาแฟ ฝนโปรยลงมาพร้อมลมอารมณ์ฉุนเฉียว หลังจากกาแฟแก้วอุ่นซุกตัวอยู่ในมือ ผมนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่บนชั้นสองของร้านที่ร้างผู้คน กระจกใสทำให้มองเห็นผู้คนข้างล่าง บ้างยืนหลบฝนอย่างโดดเดี่ยว บ้างย่ำเท้าบนพื้นที่ชื้นแฉะเร้นกายในร่มสีสวย ในขณะที่หยดน้ำฝนโรยตัวคลอเคลียกับกระจกใส ภาพข้างล่างเริ่มพร่ามัวขึ้นเรื่อยๆ
ฝนตก...
ผมถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะไม้สีน้ำตาลอบอุ่น โอบตัวเองไว้ด้วยผ้าพันคอผืนโปรด เอนศีรษะลงพักพิงบนขอบนุ่มของโซฟาหนังที่เย็นเยียบจากแอร์คอนดิชั่นเนอร์ กาแฟส่งควันอุ่นๆ สู่อากาศเพื่อปลอบประโลมความหนาวของร้านกาแฟ เสียงเพลงบลูส์เหงาวังเวงกระจายตัวอยู่ในทุกอณูของอากาศ เหมือนคนเปล่าเปลี่ยวที่พยายามเยียวยาหัวใจตัวเองในคืนโหดร้าย เสียงของเธอสั่นเครือและแหบพร่า เบาเหมือนอากาศ เงียบเหมือนค่ำคืน กระซิบเบาๆ กับตัวเอง บางครั้งหยุดหาย เหมือนคั่นอารมณ์ด้วยน้ำตาสักหยด ก่อนจะรู้ตัวว่ามีภาระต้องดำเนินบทเพลงนี้ไปให้จบ เสียงร้องจึงตามมาอีกครั้ง แล้วบางครั้งมันก็ขาดหายไป...เหมือนเคย
ไม่มีใครฟังเธอร้องไห้... ควันบุหรี่ปะทะละอองฝนก่อนจะหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ร่มหลากสีนอนเกลื่อนกลาดอย่างเปียกปอนอยู่หน้าร้าน ฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มือหนึ่งคีบบุหรี่ที่กำลังเผาไหม้ตัวเองอย่างเชื่องช้า อีกมือซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง เหมือนที่อลานิส มอริสเซ็ตร้องไว้ว่า
Ive Got One Hand In My Pocket And The Other One Keep A Cigarette
ผมไม่เคยพกร่ม ที่บ้านไม่มีร่ม ร่มและฝนทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวในหนัง 2 เรื่อง เรื่องหนึ่งคือ The Classic เรื่องราวของใครบางคนที่ยอมตากฝน เพราะมีใครคนหนึ่งยอมทิ้งร่มไว้เพื่อให้ใครอีกคนที่เธอแอบรัก แล้วเมื่อเขา รู้ เขาก็ยอมที่จะทิ้งร่มเพื่อตากฝนไปด้วยกันกับใครคนนั้น คนที่เคยทิ้งร่มไว้ให้เขา เหมือนใน Aprils Story หญิงสาวคนหนึ่งขอยืมร่มจากชายแปลกหน้าเพื่อกลับไปยืมร่มที่ร้านหนังสือที่ผู้ชายที่เธอแอบรักทำงานอยู่ ทั้งสองคนยืนถือร่มตะโกนคุยกันอยู่กลางสายฝนที่เทกระหน่ำ
ฝนไม่เคยทำให้คนมีความรักรู้สึกเปียกหรือเหน็บหนาว
ผมมักนั่งที่โซฟาตัวนี้ ซ่อนตัวในเรื่องราวของหนังสือเล่มโปรด หรือหลบลี้ในโลกความคิดของตัวเอง บางครั้งก็หลุดไหลไปกับท่วงทำนองของบทเพลงจากเครื่องฟังเพลงของตัวเอง เหมือนที่อลานิส มอริสเซ็ตร้องไว้ว่า
Im Here But Im Really Gone
ฝนซาแล้ว...
ผมยืมจ้องละอองฝนที่ร่วงหล่นผ่านแสงไฟสีส้มบนถนน รถยนต์หลายคันขยับตัวอย่างช้าๆ คืบคลานอย่างเปียกปอนสู่ถนนเบื้องหน้า ไอเย็นจากร้านกาแฟวิ่งปะทะกลิ่นฝนเมื่อมีใครสักคนเปิดประตูเข้าออก แสงไฟจากร้านรวงต่างๆ ที่รายรอบอยู่ละแวกนั้นค่อยๆ ดับลง ปล่อยให้ค่ำคืนนี้เป็นหน้าที่ของความมืดมิด ชายหญิงคู่หนึ่งวิ่งเข้ามาหลบฝนที่หน้าร้านกาแฟ เนื้อตัวของทั้งสองคนประปรายไปด้วยละอองฝน เขาผู้ชาย สะบัดศีรษะไปมาเพื่อสลัดหยดน้ำออกจากผมบนศีรษะ เธอผู้หญิงพลางเอื้อมมือไปขยี้ผมบนศีรษะของเขา มือของเธอไม่ได้ช่วยให้หยดน้ำแห้งหายไป เขาไม่ได้อยากให้เส้นผมแห้งสนิทเช่นเดียวกัน แต่เขาอยากให้มือของเธอทำหน้าที่นั้น และเธอก็อาจคิดว่าเธอไม่ได้อยากจะให้ผมของเขาปราศจากการเกาะกุมของหยดน้ำ เธอแค่อยากสัมผัสเขา
ละอองฝนเป็นแค่สิ่งสมมติ...
สายตาผมจับจ้องที่หยดน้ำหยดหนึ่งที่เกาะเกี่ยวอยู่ริมขอบของหลังคาร้านอย่างรวนเร ก่อนจะถูกแรงดึงดูดของโลกชักชวนลงสู่ผิวพื้นด้วยความรีบเร่ง มันค่อยๆ ร่วงหล่นผ่านความอ้างว้างของอากาศ ผิวของหยดน้ำสะท้อนทุกๆ ภาพของสิ่งที่รายล้อมอยู่ จากหลังคาร้าน ไล่ลงสู่ขอบกระจกใส หลอดไฟสีส้ม ต้นไม้ที่ชุ่มชื้นที่ยืนหนาวอยู่ไม่ไกล ศีรษะของใครคนหนึ่ง โต๊ะเก้าอี้ในร้าน ร่มหลากสีที่นอนเกลื่อน รองเท้าของใครสักคนที่ยืนอยู่ จนสุดท้ายทิ้งตัวสู่พื้นที่เจิ่งนอง ก้อนกลมรีของมันแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ แหลกเหลวหลอมรวมกับน้ำบนพื้นเกิดเป็นเสียงดังที่ไม่มีใครได้ยิน
เหมือนหัวใจของผมดิ่งวูบลงพร้อมหยดน้ำหยดนั้น...
เธอและเขาเดินเข้าไปในร้าน เหลือไว้เพียงรอยอบอุ่นจางๆ บนที่ที่ทั้งสองเคยยืน และผมที่โดดเดี่ยวอยู่ตรงนั้น เปลือกตาหลบลงสู่พื้นเพื่อหาสิ่งที่ตกหายไปเมื่อครู่ ผมคิดถึงประโยคหนึ่งที่ผู้หญิงบนรถเข็ญในหนังเรื่อง Notting Hill พูดไว้ เธอบอกว่ายิ่งมีชีวิตอยู่นานเท่าไร ก็ยิ่งหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมสิ่งนี้ถึงเป็นอย่างนั้น สิ่งนั้นถึงไม่เป็นอย่างนี้
แล้วผมก็คิดถึงตัวเอง...
เท้าทั้งสองย่ำสู่พื้นที่อาบไปด้วยน้ำฝน ผ้าพันคอแปรเปลี่ยนมาเป็นร่มชั่วคราว ข้างนอกอากาศไม่เย็นเท่าไร แต่รู้สึกสะท้านนิดๆ ค่ำคืนนี้...ผู้คนบางตา อาจเป็นเพราะสายฝน ผมดุ่มเดินโดดเดี่ยวไปเรื่อยๆ ในขณะที่ฝนบางเบาร่วงหล่นสู่ผ้าพันคอจนชุ่ม ผมฮัมเพลงที่ได้ยินในร้านกาแฟเบาๆ เสียงขาดหายเป็นห้วง เว้นจังหวะให้เสียงฝน เสียงฝีเท้า และเสียงเต้นของหัวใจ
และบอกตัวเองว่า...ถึงเวลาร้องไห้ได้แล้ว...แต่ไม่มีใครฟังเธอร้องไห้หรอก
Thats All - inger marie
Create Date : 15 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2552 21:43:37 น. |
|
15 comments
|
Counter : 728 Pageviews. |
|
|
|
โดย: minporee วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:22:26 น. |
|
|
|
โดย: minporee วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:34:48 น. |
|
|
|
โดย: minporee วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:50:08 น. |
|
|
|
โดย: ภูติ วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:14:52 น. |
|
|
|
โดย: ซซ วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:19:06 น. |
|
|
|
โดย: BeCoffee วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:43:40 น. |
|
|
|
โดย: minporee วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:53:55 น. |
|
|
|
โดย: Unravel วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:19:03 น. |
|
|
|
โดย: ดาริกามณี วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:53:53 น. |
|
|
|
โดย: minporee วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:03:25 น. |
|
|
|
โดย: ซซ วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:18:57:01 น. |
|
|
|
โดย: yatiko วันที่: 13 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:00:55 น. |
|
|
|
|
|
|
|