Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
15 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
That's All


ฟ้ายามหัวค่ำแดงระเรื่อ ลมพัดใบไม้ที่กระจัดกระจายให้อยู่รวมเป็นกอง ในขณะที่ถุงพลาสติกบอบบางลอยละเลงเท้งเต้งกลางอากาศ เหมือนในฉากหนึ่งของหนังเรื่อง ‘American Beauty’ แรงฉุดในอากาศยื้อแย้งให้มันลอยคว้างหมุนพลิ้วไปมา ก่อนที่จะโรยตัวอย่างช้าๆ ลงสู่พื้นดินแล้วนิ่งงัน

ฝนกำลังจะตก...

ผมวิ่งเหยาะๆ เข้าสู่เขตชายคาของร้านกาแฟ ฝนโปรยลงมาพร้อมลมอารมณ์ฉุนเฉียว หลังจากกาแฟแก้วอุ่นซุกตัวอยู่ในมือ ผมนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่บนชั้นสองของร้านที่ร้างผู้คน กระจกใสทำให้มองเห็นผู้คนข้างล่าง บ้างยืนหลบฝนอย่างโดดเดี่ยว บ้างย่ำเท้าบนพื้นที่ชื้นแฉะเร้นกายในร่มสีสวย ในขณะที่หยดน้ำฝนโรยตัวคลอเคลียกับกระจกใส ภาพข้างล่างเริ่มพร่ามัวขึ้นเรื่อยๆ

ฝนตก...

ผมถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะไม้สีน้ำตาลอบอุ่น โอบตัวเองไว้ด้วยผ้าพันคอผืนโปรด เอนศีรษะลงพักพิงบนขอบนุ่มของโซฟาหนังที่เย็นเยียบจากแอร์คอนดิชั่นเนอร์ กาแฟส่งควันอุ่นๆ สู่อากาศเพื่อปลอบประโลมความหนาวของร้านกาแฟ เสียงเพลงบลูส์เหงาวังเวงกระจายตัวอยู่ในทุกอณูของอากาศ เหมือนคนเปล่าเปลี่ยวที่พยายามเยียวยาหัวใจตัวเองในคืนโหดร้าย เสียงของเธอสั่นเครือและแหบพร่า เบาเหมือนอากาศ เงียบเหมือนค่ำคืน กระซิบเบาๆ กับตัวเอง บางครั้งหยุดหาย เหมือนคั่นอารมณ์ด้วยน้ำตาสักหยด ก่อนจะรู้ตัวว่ามีภาระต้องดำเนินบทเพลงนี้ไปให้จบ เสียงร้องจึงตามมาอีกครั้ง แล้วบางครั้งมันก็ขาดหายไป...เหมือนเคย

ไม่มีใครฟังเธอร้องไห้...
ควันบุหรี่ปะทะละอองฝนก่อนจะหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ร่มหลากสีนอนเกลื่อนกลาดอย่างเปียกปอนอยู่หน้าร้าน ฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มือหนึ่งคีบบุหรี่ที่กำลังเผาไหม้ตัวเองอย่างเชื่องช้า อีกมือซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง เหมือนที่อลานิส มอริสเซ็ตร้องไว้ว่า

“I’ve Got One Hand In My Pocket And The Other One Keep A Cigarette’

ผมไม่เคยพกร่ม ที่บ้านไม่มีร่ม ร่มและฝนทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวในหนัง 2 เรื่อง เรื่องหนึ่งคือ ‘The Classic’ เรื่องราวของใครบางคนที่ยอมตากฝน เพราะมีใครคนหนึ่งยอมทิ้งร่มไว้เพื่อให้ใครอีกคนที่เธอแอบรัก แล้วเมื่อเขา ‘รู้’ เขาก็ยอมที่จะทิ้งร่มเพื่อตากฝนไปด้วยกันกับใครคนนั้น คนที่เคยทิ้งร่มไว้ให้เขา เหมือนใน ‘April’s Story’ หญิงสาวคนหนึ่งขอยืมร่มจากชายแปลกหน้าเพื่อกลับไปยืมร่มที่ร้านหนังสือที่ผู้ชายที่เธอแอบรักทำงานอยู่ ทั้งสองคนยืนถือร่มตะโกนคุยกันอยู่กลางสายฝนที่เทกระหน่ำ

ฝนไม่เคยทำให้คนมีความรักรู้สึกเปียกหรือเหน็บหนาว

ผมมักนั่งที่โซฟาตัวนี้ ซ่อนตัวในเรื่องราวของหนังสือเล่มโปรด หรือหลบลี้ในโลกความคิดของตัวเอง บางครั้งก็หลุดไหลไปกับท่วงทำนองของบทเพลงจากเครื่องฟังเพลงของตัวเอง เหมือนที่อลานิส มอริสเซ็ตร้องไว้ว่า

“I’m Here But I’m Really Gone’

ฝนซาแล้ว...

ผมยืมจ้องละอองฝนที่ร่วงหล่นผ่านแสงไฟสีส้มบนถนน รถยนต์หลายคันขยับตัวอย่างช้าๆ คืบคลานอย่างเปียกปอนสู่ถนนเบื้องหน้า ไอเย็นจากร้านกาแฟวิ่งปะทะกลิ่นฝนเมื่อมีใครสักคนเปิดประตูเข้าออก แสงไฟจากร้านรวงต่างๆ ที่รายรอบอยู่ละแวกนั้นค่อยๆ ดับลง ปล่อยให้ค่ำคืนนี้เป็นหน้าที่ของความมืดมิด ชายหญิงคู่หนึ่งวิ่งเข้ามาหลบฝนที่หน้าร้านกาแฟ เนื้อตัวของทั้งสองคนประปรายไปด้วยละอองฝน เขา—ผู้ชาย สะบัดศีรษะไปมาเพื่อสลัดหยดน้ำออกจากผมบนศีรษะ เธอ—ผู้หญิงพลางเอื้อมมือไปขยี้ผมบนศีรษะของเขา มือของเธอไม่ได้ช่วยให้หยดน้ำแห้งหายไป เขาไม่ได้อยากให้เส้นผมแห้งสนิทเช่นเดียวกัน แต่เขาอยากให้มือของเธอทำหน้าที่นั้น และเธอก็อาจคิดว่าเธอไม่ได้อยากจะให้ผมของเขาปราศจากการเกาะกุมของหยดน้ำ เธอแค่อยากสัมผัสเขา

ละอองฝนเป็นแค่สิ่งสมมติ...

สายตาผมจับจ้องที่หยดน้ำหยดหนึ่งที่เกาะเกี่ยวอยู่ริมขอบของหลังคาร้านอย่างรวนเร ก่อนจะถูกแรงดึงดูดของโลกชักชวนลงสู่ผิวพื้นด้วยความรีบเร่ง มันค่อยๆ ร่วงหล่นผ่านความอ้างว้างของอากาศ ผิวของหยดน้ำสะท้อนทุกๆ ภาพของสิ่งที่รายล้อมอยู่ จากหลังคาร้าน ไล่ลงสู่ขอบกระจกใส หลอดไฟสีส้ม ต้นไม้ที่ชุ่มชื้นที่ยืนหนาวอยู่ไม่ไกล ศีรษะของใครคนหนึ่ง โต๊ะเก้าอี้ในร้าน ร่มหลากสีที่นอนเกลื่อน รองเท้าของใครสักคนที่ยืนอยู่ จนสุดท้ายทิ้งตัวสู่พื้นที่เจิ่งนอง ก้อนกลมรีของมันแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ แหลกเหลวหลอมรวมกับน้ำบนพื้นเกิดเป็นเสียงดังที่ไม่มีใครได้ยิน

เหมือนหัวใจของผมดิ่งวูบลงพร้อมหยดน้ำหยดนั้น...

เธอและเขาเดินเข้าไปในร้าน เหลือไว้เพียงรอยอบอุ่นจางๆ บนที่ที่ทั้งสองเคยยืน และผมที่โดดเดี่ยวอยู่ตรงนั้น เปลือกตาหลบลงสู่พื้นเพื่อหาสิ่งที่ตกหายไปเมื่อครู่ ผมคิดถึงประโยคหนึ่งที่ผู้หญิงบนรถเข็ญในหนังเรื่อง ‘Notting Hill’ พูดไว้ เธอบอกว่ายิ่งมีชีวิตอยู่นานเท่าไร ก็ยิ่งหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมสิ่งนี้ถึงเป็นอย่างนั้น สิ่งนั้นถึงไม่เป็นอย่างนี้

แล้วผมก็คิดถึงตัวเอง...

เท้าทั้งสองย่ำสู่พื้นที่อาบไปด้วยน้ำฝน ผ้าพันคอแปรเปลี่ยนมาเป็นร่มชั่วคราว ข้างนอกอากาศไม่เย็นเท่าไร แต่รู้สึกสะท้านนิดๆ ค่ำคืนนี้...ผู้คนบางตา อาจเป็นเพราะสายฝน ผมดุ่มเดินโดดเดี่ยวไปเรื่อยๆ ในขณะที่ฝนบางเบาร่วงหล่นสู่ผ้าพันคอจนชุ่ม ผมฮัมเพลงที่ได้ยินในร้านกาแฟเบาๆ เสียงขาดหายเป็นห้วง เว้นจังหวะให้เสียงฝน เสียงฝีเท้า และเสียงเต้นของหัวใจ

และบอกตัวเองว่า...ถึงเวลาร้องไห้ได้แล้ว...แต่ไม่มีใครฟังเธอร้องไห้หรอก




Thats All - inger marie



Create Date : 15 กรกฎาคม 2552
Last Update : 15 กรกฎาคม 2552 21:43:37 น. 15 comments
Counter : 728 Pageviews.

 
เอ๋ยังไม่มีใครมาเหรอเนี่ย


โดย: minporee วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:22:26 น.  

 
มีซิทำไมจะไม่มีใครฟังเสียงเธอร้องไห้ สัมผัสได้มั๊ยทุก ๆ ครั้งที่ฝนตก ภายใต้เม็ดฝนนั้น ดูเหมือนมันจะทำให้เรารู้สึกเหงาและอยากจะร้องไห้ แต่ความจริงแล้ว สายฝนมันเป็นเพื่อนที่จะอยู่เคียงข้างเราและคอยปลอบประโลมเราให้รู้สึกดีขึ้นเสมอ

ปล. ชอบเพลงจังเลยอ่ะ แต่ว่ามันฟังได้แค่ 30 วิ ต้องตามไปฟังใน imeem เอา แถมเน็ตเราก็ช้าโคตร ขอบคุณมาก ๆ เลยน๊าที่ให้เข้ามาวิ่งเล่นในนี้ได้ และก็ขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ กับเม้นคราวก่อน เพราะงั้นก็ขอให้มีความสุขกับทุก ๆ สิ่งที่ทำ กับทุก ๆ อย่างในชีวิตเลยน๊า

อยากไปนั่งในร้านกาแฟแบบนั้นมั่งจัง แต่ตั้งแต่มาเป็นครูบ้านนอก ก็ไม่ได้ไปนั่งในร้านแบบนั้นเลยอ่ะ เข้าเมืองก็นาน ๆ ที เหอๆๆ หลับฝันดีดีแระกันน๊า


โดย: minporee วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:34:48 น.  

 
@^_^@ บางครั้งฝนตกก้อดีนะเพราะมันพลางให้น้ำตาที่

ไหลรินออกมาจากตาคุณไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

งั้น...วันนี้ฝนไม่ตก ก้อยังไม่ถึงเวลาร้องไห้สินะคนดี


โดย: คนอ่อนไหวกับใจอ่อนหวาน วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:30:13 น.  

 
ขอให้สนุกแระกันน๊า ถ้ามีภาพสวย ๆ ก็เอามาลงให้กันดูมั่งน๊า อิจฉาจังได้ไปเที่ยว เอ่อเดินทางอ่ะ ระวังไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ด้วยนะ

ไปหละ ขอให้มีความสุขจ๊า


โดย: minporee วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:50:08 น.  

 
บางทีอาจจะไม่ใช่มีมีใครฟังคุณน้องร้องไห้หรอกม๊างง

เสพติดความเศร้า เลือกที่จะปิดปากร้องไห้คนเดียวเองอ่ะดิ

อิอิ มาสาระแนเดาซะงั้นนิ !!!







โดย: some dance to remember วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:38:16 น.  

 
อย่าร้องไห้บ่อยสิ ระวังจะเห็นหน้าคนที่ตัวเองรักไม่ชัดนะ

ป.ล. หนังที่พูดชื่อมาทั้งหมดล้วนคลาสสิกทุกเรื่อง


โดย: prunelle la belle femme วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:39:39 น.  

 

อ่ะมาแถวนี้ดิ เดี๋ยวจะขยี้ผมให้


......

บ่อยครั้งที่รู้สึกเหมือนกัน

“I’m Here But I’m Really Gone’

บ่อยจนแทบจะทุกวัน



ปล.รักษาตัวดีๆ เน้อ


โดย: ภูติ วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:14:52 น.  

 
ทำไมเซ่าจังตะเอง


โดย: ซซ วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:19:06 น.  

 
เมื่อคืนที่นี่ฝนก็ตก
นอนบนเตียงเปียกปอน หลับไปโดยไม่ได้กางร่ม


โดย: BeCoffee วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:43:40 น.  

 


โดย: minporee วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:53:55 น.  

 
โอย ประโยคสุดท้ายนี่มันช่างบาดใจเกินไปแล้ว



โดย: Unravel วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:19:03 น.  

 
ดีจัง ยังอัพบล็คอยู่เรื่อยๆ
หลายๆ คน ไม่อัพบล็อคแล้ว
อาจไม่มีอะไรในนี้ ชวนให้หวนระลึกและนึกถึง มั้ง


โดย: ดาริกามณี วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:53:53 น.  

 
ดีแล้วหละที่ไม่เป็นอะไรมาก ช่วงนี้ไข้หวัดใหญ่ 2009 ยิ่งกะลังระบาด ยิ่งช่วงนี้ฝนตกเกือบทุกวัน ก็ระวังรักษาสุขภาพด้วยน๊า

สู้ ๆ


โดย: minporee วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:03:25 น.  

 
หายเปื่อยยังตะเองงงงงง เงงๆๆๆ เอ๊คโค่ๆๆ


โดย: ซซ วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:18:57:01 น.  

 
ประโยคสุดท้ายนี่ กะฆ่ากันเลยนะ..


โดย: yatiko วันที่: 13 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:00:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แอบชอบ คห. ข้างล่าง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผู้ชายที่ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจัย 5 อย่าง หนัง เพลง หนังสือ กาแฟ และบุหรี่
Friends' blogs
[Add แอบชอบ คห. ข้างล่าง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.